[5] ทางที่เลือก(2)
เมื่อพระอาทิตย์ส่องสว่างขึ้นมาในเวลาต่อมา เตยหอมง้วนอยู่กับการเตรียมตัวออกไปทำงานที่ร้านพรีเวดดิ้ง สวมกางเกงยีนส์เอวสูงทรงหลวมสีดำเทาและใส่เสื้อคอปกสีขาว รอยปักตรงประเป๋าเสื้อเป็นโลโก้ชื่อร้านพรีเวดดิ้งของพี่ผึ้ง
ชุดทำงานสามารถใส่สลับกับชุดนักศึกษาและชุดอื่นๆได้
เตยหอมเดินไปสวมรองเท้าผ้าใบเก่าๆที่ผ่านการทำความสะอาดซ้ำๆจนซีดและขาดหลุดรุ่ยไปบ้าง
"น้าเตยไปแล้วนะลิ ไปก่อนนะพี่ลิน!!"
ขณะนี้พี่ลินกำลังเขย่าขวดนมแล้วเอาใส่ปากเด็กน้อยตัวอ้วนที่นอนตบมือแปะๆอยู่ในเปลผ้าขาวม้าของพ่อ
ถ้าหากไม่ได้นอนเปลนี้จะนอนไม่หลับเสียด้วยยัยอ้วนมะลิชั่งน่าเอ็นดูเหลือเกิน
"ขับรถดีๆนะเว้ยเตย"
"จ้า"
เตยหอมส่งยิ้มให้กับพี่สาว จากนั้นร่างเล็กก็ไปขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์สภาพกลางเก่ากลางใหม่ ขับออกไปในทันที
ใบหน้าจิ้มลิ้มหุบยิ้มโดยอัตโนมัติ หากน้ำมันหมดขึ้นมาก็ยังคงมีเศษเหรียญที่แคะจากกระปุกออมสินเพื่อมาเติมน้ำมัน เป็นชีวิตที่ท้าทายเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
พอมาถึงร้านPP Wedding Studio พี่ผึ้งเปิดร้านเอาไว้ให้แล้วจำต้องไปธุระตลอดจนทั้งวัน เตยหอมจึงต้องเฝ้าร้านอยู่คนเดียว ส่วนเรนเดียร์วันนี้จะช่วยงานลุงกับป้าที่บ้านเตยหอมจึงไม่ได้ไปรับที่บ้าน
ลุงกับป้าของเรนเดียร์ทำร้านขายของชำและมีที่ดินมูลค่ามหาศาลที่ไม่ต้องการขาย นายหน้านั้นมารบเร้าอยู่บ่อยครั้ง เรนเดียร์เล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ
เตยหอมรู้สึกดีใจไปด้วยเรื่องที่เพื่อนรักยังพอมีทางเลือกมีที่พึ่งด้วยใบบุญจากลุงกับป้าที่ไม่มีลูกหลานที่ไหนเลยนอกจากเรนเดียร์
ชีวิตของนางจึงเฮฮาปาร์ตี้สุดโต่งไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง กับตาดอนพ่อนาง เรนเดียร์ปลงและแทบไม่สนใจเพราะเอือมระอาเต็มที
หน้าที่ของเตยหอมหลักๆเลยนั้นคือต้อนรับลูกค้า เชิญลูกค้าไปเลือกชุดในร้าน ให้คำแนะนำสำหรับชุดที่เหมาะกับลูกค้า ช่วยลูกค้าลองชุด
ให้คำแนะนำเรื่องเครื่องประดับ การแต่งหน้า ทำผม ช่อดอกไม้ที่co-workerกับร้านตรงข้ามนั่นคือร้านของพี่หมวยที่เรนเดียร์ทำงานพาร์ทไทม์อยู่ในตอนนี้
พี่ผึ้งไว้ใจเตยหอมให้ทำทุกอย่างแทนได้ทั้งหมด โดยที่สามารถทิ้งร้านไว้ให้ดูแลได้เลยจริงๆ
ตลอดจนทั้งวันข้าวก็ยังไม่ตกถึงท้องสักเม็ด เดิมทีพี่ผึ้งเลี้ยงอาหารกลางวันหรือไม่เตยหอมก็สั่งออนไลน์เข้ามา
ทว่าตอนนี้มีเพียงเศษเหรียญจึงต้องการอดอาหารเพื่อที่จะได้มีเงินไปเติมน้ำมันรถกลับบ้าน
อาศัยช่วงเวลาว่างเตยหอมต่อสายโทรหาคนรู้จักในทันที
"ฮัลโหลค่ะ" รอสายได้ไม่นานทางฝั่งนั้นก็กดรับ
"ฮัลโหลพี่นาว นี่เตยหอมนะจำหนูได้ไหม?"
"คิดถึงจะแย่ยัยเตยเอ้ย เป็นไงบ้างเรา?"
เตยหอมเป็นที่รักของทุกคน สนิทสนมกับคนรูัจักแทบทุกคน มะนาวนั้นก็จดจำทั้งน้ำเสียงได้เป็นอย่างดี
"เข้าเรื่องเลยนะพี่ หนูขัดสนเรื่องเงินพี่นาวทำงานที่ผับใช่ไหม พอจะมีงานอะไรที่หนูทำได้ไหมพี่ ที่นั่นเขารับคนอยู่หรือเปล่า?"
ใบหน้าจิ้มลิ้มคลี่ยิ้มดีใจเมื่อคนที่เสมือนพี่สาวอีกคนยังคงจดจำเธอได้ดี ทว่าก็หุบยิ้มเมื่อเข้าเรื่อง
"รับแต่เด็กดริ้งค์นะ แกจะทำเหรอ?"
"ทำค่ะ หนูตัดสินใจแล้วพี่~"
"พี่ก็พอจะรู้ว่าแกลำบาก พี่ไม่ถามอะไรแกมากหรอก อยากทำก็ทำแหล่ะ มันต้องกินต้องใช้เว้ยหัวอกเดียวกันแหล่ะเตยเอ้ย!"
แม้ไม่มีทีท่าว่าเตยหอมจะยอมลดศักดิ์ศรีเลยก็ตาม กระนั้นศักดิ์ศรีก็กินไม่ได้แล้วในตอนนี้
"ขอบคุณพี่มากนะจ๊ะที่จะหางานให้"
น้ำเสียงของเตยหอมสั่นเครือเสียจนปลายสายรับรู้ได้เลยจริงๆว่าคนหมดหนทาง ความรู้สึกแบบนี้มันอัดอั้นตันใจมากเพียงใด การไม่มีจะกินมันทรมานและลำบากจริงๆ
"แล้วพร้อมเริ่มงานวันไหนหล่ะ?" มะนาวว่าต่อน้ำเสียงงัวเงียแกมหาวไปด้วย เพราะเป็นคนกลางคืน นอนกลางวัน
"วันนี้เลยก็ได้พี่ หนูรอไม่ได้แล้ว"
"งั้นก็ลองเข้ามาที่ผับ×××ก่อนแล้วกัน"
ผับนี้อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นักใช้เวลาเดินทางเพียงสิบนาทีก็ถึงแล้ว เตยหอมไม่เคยไปเหยียบเพราะไม่ใช่รสนิยมและไม่มีเงินมากพอไปเที่ยวในสถานที่แบบนั้น
ทว่าเรนเดียร์เคยชักชวนเพราะจะออกค่าโต๊ะค่าเหล้าเพื่อที่จะได้ไปเที่ยวผับดังๆแบบนั้น เปิดหูเปิดตาเปิดโลกสักครั้งก็ยังไม่ได้ไปสักที
"โอเคๆพี่นาว แค่นี้ก่อนนะลูกค้ามาหน่ะจ่ะ"
"อืมๆ"
"แล้วเจอกันนะพี่"
ติ๊ดดด!
จวบจนเวลาโพล้เพล้เตยหอมค่อนข้างเพลีย ท้องก็ร้องประท้วง กระนั้นทำได้เพียงอดทนสู้ต่อไป เตยหอมปิดร้านตรวจดูความเรียบร้อยให้พี่ผึ้งก่อนขี่รถมอเตอร์มุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทาง
ในสมองตอนนี้มีเพียงคำว่า'หิวข้าว'เต็มไปหมดเลยจริงๆ เตยหอมไม่เคยอดอาหารทว่าเดือนนี้ทั้งเดือนได้กินแค่ข้าววันละมื้อจนล้าไปหมด หมดแรงจะยืนทว่าก็สามารถขับรถมาถึงผับดังได้ในเวลาต่อมา
"หรูขนาดนี้เขาจะให้เข้าไหมเนี้ย!"
ใบหน้าจิ้มลิ้มก้มลงมองการแต่งกายของตนเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมาทว่าก็เกิดหน้ามืด แขนเล็กคว้าเข้าที่เสาเหล็กของโรงจอดรถสำหรับมอเตอร์ไซค์เอาไว้ได้ทัน จึงไม่ได้ล้มพับไป
เมื่อดมยาดมจนชื่นใจแล้วตั้งสติ มือเล็กจึงควานหามือถือเครื่องเก่าๆที่แบตเสื่อมแถมหน้าจอแตกจนแทบจะบาดนิ้วอยู่รอมร่อ หยิบขึ้นมากดโทรหาพี่มะนาวของเธอ
พอโทรศัพท์แนบใบหูก็ต้องหน้าซีดเผือดเมื่อเสียงที่ได้ยินนั้นคือไม่มีเงินจึงไม่สามารถโทรออกได้
"เอาไงดีวะเนี้ย!!!"
เตยหอมขบกัดริมฝีปากล่างเมื่อรู้สึกประหม่า สมองพลันคิดหาหนทาง เห็นการ์ดยืนอยู่ที่หน้าผับจึงจะลองขอเข้าไป จุดประสงค์นั้นคือมาสมัครงานนั่นเอง ไวเท่าความคิดขาเรียวสวยก้าวฉับไวไปที่ชายชุดดำในทันที
"สวัสดีค่ะ พอดีว่าหนูมาสมัครงาน ต้องเข้าไปทางไหนคะ?"
"แน่ใจว่าอายุถึง?"
เมฆคนสนิทของเจ้าของผับเดินนำหน้า เสือ พยัคฆา เรเนสันมาก่อน เพราะเจ้านายของเขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ที่ลานจอดรถ เมฆโดนผู้เป็นนายไล่ให้มาตรวจดูความเรียบร้อยแทนก่อน
ชายหนุ่มถอดแว่นตาดำแล้วเหน็บลงตรงอกกลางชุดสูทสีดำสนิท หรี่ตามองเด็กสาวตัวเล็กๆหน้าตาจิ้มลิ้มทว่าซูบผอมเหมือนขาดสารอาหารตรงหน้าก็ขมวดคิ้วไม่แน่ใจว่าเด็กคนนี้หน้าเด็กหรือแอบอ้างอายุกันแน่
"หนูอายุ22ปีค่ะพี่!!" เสียงเล็กๆลนลานเอ่ยตอบคำถาม ทว่าก็ยังคงสู้สายตาอีกฝ่าย
"งั้นตามเข้ามา"
"ค่ะพี่"
เด็กสาวหน้าตาน่ารักคลี่ยิ้มจนเห็นฟันขาวแทบครบสามสิบสองซี่ ทำเอาเมฆใจสั่นระรัวไม่เคยเห็นใครหน้าตาน่ารัก แววตาไร้เดียงสาแบบนี้มาก่อน
ดวงตากลมโตจรดแผ่นหลังกว้างๆผ่านชุดดำของชายตัวโตที่เดินนำหน้าทว่าก็ก้าวเดินตามไปได้ก้าวเดียวโลกของเตยหอมก็เกิดโคลงเคลงขึ้นมา
พรึ่บบบ!!!
แขนเล็กคว้าหมายจะเอาชายเสื้อชุดสูทก็ยังดี กลับแตะโดนแผ่นหลังของชายฉกรรจ์เพียงเท่านั้น ร่างหนาหันกลับมาคว้ารับร่างของเธอเอาไว้ได้ทันพอดี
"นี่ๆ เธอมาสมัครงานแต่เป็นลมเนี้ยนะ?" เมฆเขย่าแขนคนตัวเล็กเรียกสติ
"อื้อ ขอโทษค่ะพี่หนูแค่หน้ามืดค่ะ ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว!!"
เตยหอมหูผึ่งกลัวเขาไม่รับเข้าทำงาน จึงพยายามดีดตัวขึ้นมาจากแขนแกร่งของเขาทั้งที่สภาพอิดโรยเต็มที
"ยังจะแก้ตัวอีก เธอดูสภาพตัวเองก่อนไหม?"
"..."
"กูสั่งให้มึงไปตรวจงานแทน แล้วทำไมถึงมายืนกอดสาวน้อยคนนี้ได้วะไอ่เมฆ?"