บทที่1 เหตุการณ์ไม่คาดคิด
เสียงสะอึกสะอื้น ของเด็กที่ชื่อว่าเฉินหยาง ร้องไห้นั้นเสียงดังมาก
แต่ก็ไม่ได้มีใครรำคาญแต่อย่างใด อาจจะเป็นเพราะว่าบ้านนั้นอยู่ห่างไกลจากผู้คน
"ไม่เป็นอะไรนะหยางหยาง อยู่กับพี่สาวของลูกนะ"
เสียงผู้ชายอายุราวๆประมาณสามสิบปี พูดกับเฉินหยาง
"พ่อกับแม่จะไปอีกแล้วเหรอคะ"
พี่สาวของเฉินหยาง ที่ยืนอยู่ข้างๆก็ได้พูดด้วยความเศร้าใจ
"ใช่จ้ะลูก ดูแลน้องดีๆนะลูก"
แม่ของเฉินหยางปลอบใจพี่สาวของเขา แหละได้ให้เงินไว้ห้าสิบหยวน
"ลูกเข้าใจพ่อกับแม่ใช่มั้ย เฉินหยิ่น เฉินหยาง"
พ่อพูดด้วยความเห็นใจลูกทั้งสองคนแต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะนี่เป็นการตัดสินใจของเขาและภรรยา
"หนูเข้าใจค่ะพ่อ หนูจะดูแลน้องให้ดีที่สุดค่ะ"
เฉินหยิ่นพูดด้วยความมั่นใจ
"ผมเข้าใจครับ "
เฉินหยางพูดด้วยทั้งสะอื้น
ว่าแล้วพ่อกับของทั้งสองก็ได้เดินจากไป
"พี่ครับ ผมจะไม่ทำให้พี่ลำบาก"
"ไม่เป็นไรหรอกหยางหยางของเราแค่หยางหยางตั้งใจเรียนแล้วพอเราโตขึ้นเรามาทำพ่อกับแม่สบายกันนะ"
เฉินหยิ่นพูดทำท่าทางชูสองนิ้วให้น้องของตัวเองด้วยความมั่นใจอย่างเต็มที่
ตอนนั้นพี่ของผมอย่างเพียงแค่สิบขวบ เธอต้องดูแลตัวเองมาตลอดหกปี และพอเธออายุสิบปี พ่อกับแม่ก็เอาผมที่อายุเพียงแค่สี่ขวบ เหมือนกับเธอในตอนนั้น ให้มาอยู่กับเธอ ผมรู้สึกสงสารพี่มากจริงๆ จึงได้กอดเธอและขอโทษที่เกิดมา
"ไม่เป็นไรหรอก พี่จะได้มีเพื่อนอยู่ไง"
เธอพูดพร้อมกับหยิกแก้มของเขาหนึ่งที
ครอบครัวของเราจนมาก ทำให้พ่อกับแม่ต้องไปทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ และทิ้งพวกเราอยู่ที่ประเทศจีนกันสองคน
....
...
ติ๊ดๆติ๊ดๆติดๆ
เสียงโทรศัพท์ตั้งขึ้นทำให้ผมกับพี่นั้นต้องตื่นขึ้นมา
"เฮลโล สวัสดีค่ะ คุณพ่อคุณแม่ "
เฉินหยิ่นจึงกล่าวทักทาย
"เฮลโลหยิ่นหยิ่นลูกปีนี้ลูกอายุครบสิบแปดปีเต็มแล้วใช่มั้ยลูก"
เสียงคนเป็นพ่อเอ่ยถาม
"ใช่ค่ะพ่อ"
เฉินหยิ่นตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
"ลูกสามารถไม่เรียนได้มั้ยหยิ่นหยิ่น"
พ่อของเขาเอ่ยถามอีกครั้ง
"ทำไมเหรอค่ะพ่อ"
สีหน้าของเฉินหยิ่นหดหู่ขึ้นมาเล็กน้อย
"พอดีที่ทำงานของพ่อขาดคนงานผู้หญิงน่ะลูกและพ่อก็ได้นึกถึงลูกพอดี ลูกสามารถไม่เรียนต่อได้มั้ย"
"ถ้าลูกสนใจมาทำงานกับพ่อพ่อจะได้จัดการซื้อตั๋วเครื่องให้ลูก"
เฉินหยิ่นมองหน้าเฉินหยางเล็กน้อยแล้วทำหน้าเศร้า เฉินหยางทำได้เพียงแค่ยิ้มและพยักหน้าให้เฉินหยิ่น
"ได้ค่ะพ่อ เมื่อไรค่ะ"
เฉินหยิ่นถามเพื่อจะได้เตรียมตัวออกเดินทาง
"วันนี้ตอนเก้าโมงเช้านะลูก"
"อะไรนะคะ"
เฉินหยิ่มถามด้วยความแปลกใจ
จากนั้นก็คุยกันต่ออีกนิดแล้วพ่อก็วางสายไป
เฉินหยิ่นและเฉินหยาง มาที่สนามบิน ทุกคนมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาที่ดูหมิ่นเหยียดหยาม
"เหอะ นี่แกดูนั้นสิ คนจนขนาดนั้นมาทำอะไรที่นี่ คิดว่ามีเงินจ่ายค่าเครื่องบินหรือไงน่ะ"
"นี่แกคิดว่า สองคนนั้นจะมีปัญญาซื้อแม้แต่น้ำเปล่าหรือไง"
มีผู้หญิงสองคนกำลังนินทาพวกเขาอยู่
ซึ่งทั้งสองคนก็ชินแล้วกับการที่มีคนมาว่าแบบนี้ เพราะว่าพวกเขานั้นจนมากจริงๆนั้นแหละถึงเสื้อผ้าหน้าผมจะสะอาดสะอาน ทั้งคู่แต่ว่าเสื้อผ้านั้นเก่าแหละมีรอยปะอยู่มาก ทั้งสองคนเลยกำลังจะไปนั้นที่สำหรับการรอเครื่องบิน
"นี่ไอ้คนจน ห้ามนั่งเด็ดขาดนะ"
มีผู้ชายคนหนึ่งพูดความรังเกียจ
"จนขนาดนี้ยังจะมานั่งให้คนเขาทำความสะอาดยากอีก"
ทั้งสองจึงเดินออกไปรอ ที่เครื่องบินเพื่อทำการบิน
"หยางหยาง แกไม่ต้องกังวลนะ พี่จะทำงานหาเงินได้เยอะๆแล้วเราก็จะมีเงินใช้เยอะๆ แต่ตอนนี้แกไม่ต้องคิดมากนะ ดูและตัวเองให้ดีๆนะ พี่ไปก่อนล่ะ บ๊ายบาย"
เฉินหยิ่นพูดอำลาเสร็จก็เดินจากไป ผมจึงกลับบ้านที่แสนจะโทรมนี้คนเดียว เวลาผ่านไปแปดปีกลับการที่ได้อยู่พี่สาวจบสิ้นแล้วสิน่ะ เฉินหยางถอดหายใจเบาเบา
...
...
กริ๊งๆๆๆกริ๊งๆๆๆ
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเฉินหยางจึงหยิบนาฬิกามาปิด และเขามองดูปฏิทิน เขาพบอีกหนึ่งวันเขาก็จะอายุยี่สิบปีแล้ว แต่ทำไมเวลาผ่านสองปี พ่อแม่แม้แต่พี่สาวก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องการให้เขาไปอยู่ที่ต่างประเทศเลยแม้แต่คำเดียว แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะถามเพราะไม่อยากให้ครอบครัวของเขารู้สึกลำบากใจ
จากนั้นจึงลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วไปอาบน้ำแปรงฟันให้เรียบร้อยจากนั้นก็แต่งตัวเตรียมไปเรียน ตอนนี้ผมอยู่มหาลัยปีสอง เรียนสาขาบริหาร
ที่มหาลัยนี้ส่วนให้มีแต่ลูกคนรวยเรียนทั้งนั้น
อาจสงสัยว่าทำไมผมถึงมาเรียนที่นี่ได้เพราะเขาตั้งใจสอบเป็นอย่างมากเพื่อให้ได้เข้าโรงเรียนที่ดีจะได้หางานทำได้ง่ายๆ
เขามีรูมเมทสองคนชื่อว่า หลี่โถวกับหลงอี้ หลี่โถวนั้นเป็นคนอวบๆผิวขาวไม่หล่อมาก ฐานะทางบ้านค่อนข้างดีพ่อแม่เปิดร้านขายของชำ
ส่วนหลงที่นั่นเป็นคนผอมขาวแต่ไม่สูงมาก ผิวขาวฐานะที่บ้านก็ค่อนข้างดี ที่บ้านทำธุรกิจเปิดร้านอาหารตามสั่งที่นอกเมือง
และมีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ชื่อว่าหลินฟานเอ๋อ หุ่นดีผิวขาวสวย ฐานะทางบ้านนั้นถือว่าดีมาก เพราะที่บ้านนั้นทำธุรกิจยางพารา
ทั้งสี่คนจะเดินมารออยู่ที่หน้าตึกและรอยเดินเข้าเรียนพร้อมกันทุกวัน
"นี่พี่หยาง อีกไม่กี่วันก็วันเกิดนายแล้ว ปีนี้จะยอมจัดงานมั้ย ถ้าไม่จัดพวกฉันโกรธจริงแล้วนะ"
ฟานเอ๋อพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ
"ใช่ๆๆๆ"
หลี่โถวกับหลงอี้ค่อยสนับสนุน
"พวกเธอก็รู้ว่าฉันไม่ค่อยมีเงิน ฉันจัดไม่ได้หรอกนะ ขอโทษด้วยจริงๆ"
เฉินหยางพูดด้วยความเสียใจ
"ไม่เป็นอะไรเลยนะ เดี๋ยวพวกเราจัดการเอง"
ทั้งสามคนพูดด้วยรอยยิ้ม
"ขอโทษจริงๆนะที่ฉันทำให้พวกเธอลำบาก"
"ไม่เป็นไรหรอกน่าก็เป็นเพื่อนกันนี่น่า"
หลงอี้พูดพร้อมยิ้มกว้างๆ
"ใช่ๆมีอะไรก็บอกพวกเราได้เลยนะ"
หลี่โถวพูดเสริม
..
...
เวลาผ่านไปก็ค่ำพอดี
จริงๆแล้วนอกจากเงินที่พ่อแม่ส่งมาให้เดือนละหนึ่งพันหยวนนั้น เฉินหยางก็ยังทำงานพิเศษนั้คือการส่งของให้กับคนในหอของตัวเอง ส่งของหนึ่งครั้งจะได้สิบหยวน แค่นี้เขาก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้เเล้ว
เพราะคนในหอส่วนใหญ่มักชอบแกล้งเขาอยู่เรื่อยๆ จึงทำให้มีรายได้เยอะพอสมควรต่อวัน
เขากำลังคิดว่าถ้าพรุ่งนี้ ตื่นขึ้นมาแล้วพ่อกับแม่เขาโทรมาบอกว่าให้ลาออกแล้วไปทำงานด้วยเขาก็จะทำทันที
ติ๊ดๆๆติ๊ดๆๆ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาก็รีบรับทันที
"เฮลโล เฉินหยาง นายช่วยไปเอาของแล้วเอาไปส่งที่ห้องพยาบาลหน่อยสิ เปิดประตูเข้าไปเลยไม่ต้องเรียกก่อนไม่งั้นจะขัดจังหวะ"
เฉินหยางรู้ทันทีว่าให้ช่วยส่งอะไรให้
"อืม"
เขาตอบกลับไปทันที
เพราะในมหาลัยนี้ห้ามรถภายนอกเข้ามา จึงทำให้ทุกคนต้องออกไปเอาเอง เพราะงั้นในหอนี้เฉินหยางจึงรับหน้าที่นี้ สักพักก็มีเงินเด้งเข้ามาใบบัญชีหนึ่งร้อยหยวน
เเละก็มาอยู่ห้องพยาบาลก็เดินเข้าไปและสิ่งที่พบก็คือ หญิงชายคู่หนึ่งนอนแก้ผ้าอยู่และกำลังรอถุงยางอนามัยจากเขาจึงยังไม่ได้มีอะไรกันเพียงแค่จับโน่นจับนี่ดูดนั่นดูดนี่ นี่เป็นครั้งแรกที่เคยมาส่งถุงยางแล้วทำกันขนาดนี้ต่อหน้าเขานั้นเอง
กรี๊ดดดดดด
ผู้หญิงคนนั้นกรี๊ดขึ้นมา ทำให้ผู้ชายหยุดชะงักและหันไปมองดู
"อ่อ มาแล้วสินะ"
เฉินหยางจึงยื่นให้เเล้วรีบเดินจากไป
มีน้ำตาเม็ดเล็กๆร่วงลงมา
เขาจำใบหน้านั้นได้ นั้นคือแฟนเก่าของเขา เราลิกกันมาได้สองปีแล้ว ที่เลิกเพราะเพื่อนของเธอบอกว่าถ้าคบกับคนรวยเเล้วเธอจะได้ทุกอย่างที่เธอต้องการ เธอจึงมาบอกเลิกเขา แต่กลับกันตอนนี้เขาต้องมาได้เห็นเธอกำลังจะมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่เขา
เมื่อเขาเดินกับหอก็พบว่ามีนักศึกษาหลายคนออกมาดูเขาและหัวเราะ เขาจึงออกไปเห็นหวังซานผู้ชายที่โทรหาเขาและรู้เลยว่านี่เป็นแผนของพวกเขา
เฉินหยางได้แต่วิ่งเข้าห้องและเสียใจ ทั้งคืนนั้นเขาได้คิดเเล้วคิดอีกว่าเมื่อไรพ่อแม่จะให้ไปอยู่ด้วยสักที จนดึกเฉินหยางจึง ค่อยๆหลับไป
.