บท
ตั้งค่า

บทที่ 6

“หมายความว่าลูเซียนคือผู้กล้าคนที่ยี่สิบสามตัวจริง แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเพราะราชินีองค์ปัจจุบันของซิเดร่าวางแผนให้ลูกชายของนางเสียบแทนตำแหน่งนั้นสินะ”

“ใช่ค่ะ ท่านป้า แต่ข้าดูแล้ว ลูเซียนไม่ได้มีเจตนาร้าย ท่าทางเขาไม่อยากกลับบ้านด้วยซ้ำ” หลังกลับมาถึงปราสาท โรซาเลียก็รีบมาที่ห้องทำงานและอธิบายให้จอมมารสาวฟังถึงผลการพิสูจน์

“อุตส่าห์รอดตายมาได้ ใครจะอยากเอาชีวิตไปทิ้งอีกละ” โอดิสเซียสกล่าวเสริมขึ้นมา เขายังไม่ไปไหนและอยู่กับเอราเคียตลอดจนกระทั่งโรซาเลียและไนเจลลัสกลับมารายงานข่าว “จะให้เขาเหยียบแผ่นดินซาตาน่าต่อไปหรือจะไล่กลับดี”

“เด็กมันหนีร้อนมาพึ่งเย็น ให้เรเนสซ่าดูแลต่อไปก็แล้วกัน” จอมมารสาวไม่ได้มีความแค้นอะไรกับอีกฝ่าย ยิ่งมีคนดูแลอยู่ เธอจึงไม่กังวลเท่าไหร่ “ถ้าเขาคิดทำอะไรจริง ฝากโรซาเลียไปตบหัวมันหน่อยละกัน”

“แค่พาไนเจลลัสไปให้เห็นหน้า เขาก็หลอนขึ้นสมองแล้วค่ะ” สาวผมแดงผายมือมาที่คนข้าง ๆ อาวุธกำราบผู้กล้าคนที่ยี่สิบสามนั่งอยู่ตรงนี้ แค่ไปยืนจ้องหน้า ลูเซียนก็จะร้องไห้แล้ว

“ข้าไม่ใช่ผี”

“ข้าบอกตอนไหนว่าเจ้าเป็นผี” โรซาเลียส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางประตูห้อง เห็นโมรอสวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาก็สงสัยว่าเกิดเหตุฉุกเฉินอะไร จนกระทั่งโอดิสเซียสเป็นคนถาม

“มีอะไร มินนี่มันหลุดออกมาอีกหรือไง”

“เรื่องใหญ่กว่านั้นขอรับ มีรายงานมาว่าสุสานจอมมารถูกบุกรุก!”

“!!!”

จอมมารทุกรุ่นหลังลาจากโลกนี้ไปแล้ว ผู้สืบทอดจะดำเนินการนำร่างไปฝั่งไว้ในหุบเขาทางทิศตะวันตกของดินแดน พื้นที่แถบนี้จึงกลายเป็นสุสานของจอมมารตั้งแต่นั้นมา ทว่าจากการต่อสู้กับผู้กล้า บางครั้งร่างของจอมมารก็แหลกสลายไปพร้อมพลังศักดิ์สิทธิ์ โลงที่ฝังจึงเป็นโลงเปล่าแต่สลักชื่อของจอมมารไว้แทน สุสานแห่งนี้อยู่อย่างสงบมานานแสนนานจนกระทั่งวันนี้ที่อยู่ ๆ ก็มีคนบุกเข้ามา

“ใครบุกสุสานบรรพบุรุษข้า ขอให้มันตายแล้วไร้หลุมฝังศพ” เอราเคียสาปแช่งเสียงดังหลังมาถึงสุสานซึ่งประตูทางเข้าเต็มไปด้วยร่องรอยจากการถูกทำลาย แถมป้ายหลุมศพของจอมมารรุ่นก่อน ๆ ก็มีรอยแตกร้าวด้วย

“ร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครเข้ามาวุ่นวายกับสุสาน คนที่บุกเข้ามาต้องมีจุดประสงค์แน่” โอดิสเซียสเดินแยกไปกับโมรอสพลางกวาดสายตามองเศษเสี้ยวพลังตกค้าง ทว่าสายตากลับหันไปเห็นป้ายสุสานที่เก่าแก่ที่สุดแต่จะดีกว่านี้ถ้าชื่อเจ้าของป้ายไม่ใช่เขา!

โอดิสเซียส วาซิลิส

จอมมารลำดับที่ 1 ผู้ก่อตั้งซาตาน่า

“ข้ายังไม่ตายโว้ย! จะสร้างสุสานทำมะเขืออะไร!”

“ท่านจอมมารใจเย็น ๆ ก่อนขอรับ” โมรอสวิ่งมายื้อยุดฉุดกระชากร่างสูงที่ทำท่าจะวิ่งไปถีบป้ายสุสานให้รู้แล้วรู้รอด “หลังการปะทะครั้งนั้น พลังศักดิ์สิทธิ์ของผู้กล้าเลโอนาร์ดก็ตกค้างไปทั่วพื้นที่ชายแดน ไม่มีปีศาจตนไหนฝ่าเข้าไปถึงปากเหวได้ คนที่อยู่ในนั้นก็ไม่น่าจะรอด ทุกคนก็เลยคิดว่าท่านตายไปแล้ว หลังท่านเอลิกอสกลายเป็นจอมมารลำดับที่สอง ท่านก็สร้างสุสานให้ท่านจอมมารเป็นที่ระทึก เอ๊ย! เพื่อระลึกถึงขอรับ”

“ให้ตายเถอะ! เจ้ารู้ไหมว่าข้าติดอยู่ในเหวตั้งหลายวัน หิวก็หิว ดีแค่ไหนแล้วที่ข้าไม่กลับขึ้นมาแล้วไล่กินหัวพวกเจ้า!”

ลุง ๆ เรื่องมันผ่านมาแล้วตั้งสองพันปี ลุงอย่าเกรี้ยวกราดไปเลย สงสารข้ารับใช้บ้าง โรซาเลียที่ตามมาด้วยก็กล่าวในใจพลางส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เดินไปหาเอราเคียที่ทำความเคารพหน้าป้ายสุสานเก่า ๆ แต่ถ้าเทียบกับป้ายอื่น หลุมศพนี้คงจะใหม่ที่สุดแล้ว

ไซดีค อาโครอส

จอมมารลำดับที่ 14 แห่งซาตาน่า

“ท่านพ่อของท่านป้าเหรอคะ” โรซาเลียหันมาถาม

“ใช่ เจ้าพ่อบ้าที่วางแผนล้างแค้นให้แม่ตลอดทั้งชีวิต เรื่องผู้กล้า เขาแทบจะไม่สนด้วยซ้ำ แมนไคน์จะเป็นยังไง เขาก็ไม่เคยชายตามอง แต่ก็ยินดีตายหากผู้กล้าจะฆ่าเขา เผื่อจะได้ไปเจอคนรักที่โลกหน้า” เอราเคียกล่าวพลางปัดฝุ่นบนป้ายสุสาน โชคดีที่สุสานของพ่อไม่ได้เสียหายอะไร เธอจึงไม่ต้องซ่อมแซม

“มีป้ายสุสานอีกแผ่นด้วยเหรอคะ” ข้าง ๆ ป้ายหลุมศพของจอมมารไซดีคมีป้ายแผ่นเล็กตั้งอยู่ข้าง ๆ บนนั้นมีชื่อสลักไว้เช่นกัน “เจ้าของป้ายชื่อฟลอร่า เอไลน่า”

“นั่นแม่ข้าเอง ว่ากันว่าท่านถูกวางยาจนเสียชีวิตด้วยฝีมือของราชินีแต่ไม่มีหลักฐานเลยเอาผิดนางไม่ได้ แต่ตอนราชินีตาย นางถูกวางยาแต่ก่อนตายทรมานยิ่งกว่าแม่ข้า และก่อนท่านพ่อจะตาย ท่านถึงบอกว่าท่านนี่แหละเป็นคนฆ่าราชินี หลังท่านพ่อจากไป ข้าก็ย้ายร่างท่านแม่จากสุสานเดิมมาฝังด้วยกันกับท่านพ่อ ตอนนี้คงมีความสุขกันแล้วล่ะ”

“ใช่ค่ะ คงมีความสุขจริง ๆ เห็นแล้วหลอนเลย”

“หลอน?”

“ไม่มีอะไรค่ะท่านป้า ไปดูสุสานจอมมารท่านอื่นกันเถอะค่ะ” โรซาเลียรีบลากจอมมารสาวไปที่อื่นแต่ก็ไม่ลืมเหลือบมองสุสานของจอมมารลำดับที่สิบสี่อีกครั้ง

ไม่แน่ว่าเจ้าของที่อาจจะรู้ว่าเธอกลัวผีจึงพากันออกมา ร่างโปร่งแสงของหญิงสาวที่มีใบหน้าคล้ายเอราเคียนั้นดูอ่อนโยน เธอยกมือปิดปากกลั้นขำเมื่อเห็นว่าสาวผมแดงกลัวผี ในขณะที่ชายชุดดำที่มีเขาแพะบนศีรษะดึงแขนตัวแล้วโบกไปมาให้โรซาเลีย

ดีแล้วที่มีแค่ถอดแขน ถ้าถอดหัว เธอคงกระโดดขี่คอท่านป้าแน่

“ไนจี้ เจออะไรหรือเปล่า” โรซาเลียทำเป็นไม่สนใจผีทั้งสองก่อนจะวิ่งมาหาไนเจลลัสที่ยืนหน้าเครียดอยู่บริเวณหลุมที่มีร่องรอยจากการระเบิด “เกิดอะไรขึ้น ทำไมสุสานตรงนี้ถึง...”

“มีร่องรอยของพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่แถวนี้” คนพูดซัดพลังลงไปบนพื้น พลันละอองแสงสีขาวก็กระจายไปทั่ว “ใครก็ตามที่บุกสุสานคงมีเป้าหมายที่หลุมศพนี้”

“นี่มันสุสานของจอมมารลำดับที่สามไม่ใช่เหรอ” สาวผมแดงเดินไปพลิกแผ่นป้ายที่คว่ำอยู่ให้หงายขึ้นมาดู เมื่อเห็นชื่อเจ้าของป้ายจึงรู้ว่าเป็นหลุมศพใคร

ทาลอเรียน อาโครอส

จอมมารลำดับที่ 3 แห่งซาตาน่า

“หลุมศพจอมมารที่ได้ชื่อว่าโรคจิตซะด้วย”

“ข้าเคยได้ยินว่าชอบความรุนแรง ชื่อเสียงคงแย่มากสินะคะ” โรซาเลียหันมาคุยกับโอดิสเซียสซึ่งตอนนี้นั่งอยู่บนป้ายสุสานตัวเอง แม้จะรู้สึกอัปมงคลแต่ไหน ๆ ก็เป็นที่นั่งได้ เขาจึงถือโอกาสขึ้นมานั่งเลย

“ข้าเคยเจอทาลอเรียนอยู่ครั้งสองครั้ง ตอนนั้นเขายังเด็ก ก็น่ารักดีอยู่ดีนะ ทำไมโตมาถึงเป็นแบบนี้ เอลิกอสมันเลี้ยงลูกยังไงของมัน” เจ้าตัวบ่นพลางชำเลืองมองโมรอส เด็กหนุ่มยกมือไขว้กันเป็นกากบาทแปลความหมายได้ว่าอย่ามาถาม เขาไม่ได้ตามรับใช้ใครนอกจากเจ้านายคนเดียว

“โลงศพหายไป” ไนเจลลัสขมวดคิ้วหลังจากใช้พลังตรวจหาสิ่งที่ถูกฝังอยู่ใต้พื้นดินบริเวณนี้แต่กลับพบว่ามันว่างเปล่าทั้งที่ควรจะมีโลงศพอยู่ใต้นั้น

“ข้าอยากจะบ้าตาย ใครมันกล้าคิดพิเรนทร์แบบนี้ บุกสุสานแล้วยังขโมยศพจอมมารอีก ใครเป็นคนร้าย ขอให้บ้านมันถูกเผา”

“แช่งไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกค่ะ ท่านป้า เรามาตรวจสอบสิ่งที่เหลือกันดีกว่า อย่างแรกคนร้ายมีพลังศักดิ์สิทธิ์ อย่างที่สอง ทำไมคนร้ายถึงเลือกขโมยศพจอมมารลำดับที่สาม” โรซาเลียขัดคอก่อนจะพาทุกคนเข้าประเด็นสำคัญที่ควรค้นหา “โมรอส เหตุการณ์บุกสุสานเกิดขึ้นช่วงเวลาไหน”

“ประมาณเช้ามืด คุณหนู” เด็กหนุ่มกล่าวสั้น ๆ

“งั้นคงไม่ใช่ข้าแน่นอน เพราะตอนนั้นข้านอนกอดไนจี้อยู่” ประโยคนั้นทำให้โอดิสเซียสเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง “และคงไม่ใช่ลูเซียนด้วย เพราะเขาอยู่กับพี่สาวข้า นางเป็นพยานยืนยันได้”

“หรือจะเป็นคนจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ หลายปีก่อนก็มีกลุ่มคนสร้างเรื่องใส่ร้ายซาตาน่า ไหนจะมีคนมาถ่วงเวลาระหว่างที่โรซาเลียกับไนเจลลัสไปช่วยโอดิสเซียสที่เหวกั้นชายแดนอีก เป็นไปได้ไหมว่าเป็นพวกเดียวกันและเป็นคนร้ายที่ขโมยศพของจอมมารทาลอเรียน” เอราเคียนึกถึงพวกที่สร้างความวุ่นวายเมื่อหลายปีก่อนจึงคิดว่าอาจจะเป็นพวกเดียวกัน

“ข้าว่าใช่นะคะ เพราะพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ตกค้างเป็นแบบเดียวกันกับคนที่ขวางข้าในตอนนั้น แถมยังคุ้นมาก เสียดายข้านึกไม่ออกว่าเป็นใคร” จนถึงตอนนี้โรซาเลียก็ยังนึกไม่ออกว่าใครกันที่คิดจะเล่นงานเธอ ที่แน่ ๆ คนคนนั้นก็มาจากโลกเก่าด้วย

“ศัตรูก็เหมือนเรา มาจากโลกเก่าเช่นกัน เพราะอย่างนี้ถึงรู้เรื่องสุสานจอมมาร” ไนเจลลัสเสริมต่อจากนั้นก็เปลี่ยนไปเข้าประเด็นที่สอง “ทำไมศัตรูถึงขโมยศพจอมมารลำดับที่สาม”

“โมรอส หลังจากที่ทาลอเรียนตายจนถึงตอนนี้ผ่านมากี่ปีแล้ว” โอดิสเซียสไม่ตอบคำถามของลูกชายแต่หันไปถามคำถามอื่นกับภูตรับใช้แทน

“ถ้าข้าจำไม่ผิด ปีนี้ก็ครบหนึ่งพันเจ็ดร้อยปีพอดี...” เด็กหนุ่มชะงักแล้วเบิกตากว้าง ใบหน้าที่ซีดเผือดทำให้โรซาเลียรู้ทันทีว่ามีอย่างไม่ปกติ “ทุก ๆ หนึ่งร้อยเจ็ดสิบปีจะมีการทำพิธีเสริมผนึก แต่หลัง ๆ มานี้ผู้คนเริ่มหลงลืม หน้าที่ของนักเวทพวกนั้นก็หายไป หรือว่าปีนี้ผนึกจะสลายพอดี”

“ผนึกอะไร สุสานนี้มีอะไรเหรอคะ” สาวผมแดงหันมาถามอดีตจอมมาร

“จากความทรงจำของร่างแยกข้า ดูเหมือนจอมมารลำดับที่สามจะยังไม่ตาย” คำตอบของโอดิสเซียสทำให้ทุกคนที่ได้ยินถึงกับพูดไม่ออก รวมทั้งเอราเคียด้วย

“จริงเหรอ” เธอก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าจอมมารทาลอเรียนยังมีชีวิตอยู่

“ยุคสมัยของจอมมารท่านนั้นจบลงเพราะถูกจอมมารลำดับที่สี่ยึดอำนาจ แต่จอมมารทาลอเรียนมีพลังเยอะมาก การสังหารเขาอาจทำให้พลังรั่วไหลแล้วทำอันตรายต่อปีศาจน้อยใหญ่ได้ จอมมารลำดับที่สี่จึงผนึกเขาไว้ในโลงศพและฝังไว้ในสุสาน จากนั้นก็ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าตายเพื่อไม่ให้มีใครช่วยเขาออกไปได้ ทุก ๆ หนึ่งร้อยเจ็ดสิบปีจะมีกลุ่มนักเวทมาทำพิธีเสริมผนึก แต่เวลาผ่านไป ผู้คนหลงลืม ผนึกเสื่อมลง คงมีคนรู้ก็เลยช่วยเขาออกไป” สีหน้าคนอธิบายดูไม่ค่อยดีนัก โมรอสเคยพบเจอจอมมารทุกรุ่นและพอจะรู้ว่าใครมีนิสัยแบบไหน แต่พอเป็นจอมมารลำดับที่สาม การที่เด็กหนุ่มหนักใจต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่

“จอมมารทาลอเรียนน่ากลัวมาก?” ไนเจลลัสที่เงียบอยู่ถามขึ้น

“ท่านไนเจลลัสก็คงทราบมาบ้าง จอมมารท่านนั้นมีนิสัยชอบความรุนแรง ยุคสมัยของเขามีแต่การฆ่าฟัน ชอบโจมตีแมนไคน์เป็นว่าเล่น บางทีก็จับมนุษย์มาทรมานเพื่อความสนุกสนาน การรุกรานแมนไคน์ในตอนนั้นกินพื้นที่ไปกว่าครึ่งดินแดน ส่วนนิสัยก็เอาแต่ใจ ขัดใจนิดหน่อยฆ่าทิ้งยกตระกูล ใครทำงานพลาด ต่อให้เป็นแค่ครั้งเดียวก็ไม่เอาไว้ พวกปีศาจจึงไม่ชอบเขาเลยร่วมมือกับน้องชายซึ่งต่อมาคือจอมมารลำดับที่สี่ยึดอำนาจจากเขา”

“ถึงข้าจะเป็นคนเริ่มสงคราม แต่พอเจอไอ้เด็กนี่ ข้าชิดซ้ายเลยแฮะ” โอดิสเซียสถึงกับหัวเราะเครียด ๆ “ถ้าเจ้านั่นก่อเรื่องขึ้นมา ข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะรับมือไหว พลังมีปัญหา ไม่ได้ใช้มายี่สิบปีแล้วด้วย”

“แก่ ๆ อย่างท่านน่ะ อยู่เฉย ๆ ไปเถอะ ทุกวันนี้ก็รอลงโลงอย่างเดียว” ฝีปากของเอราเคียยังคงเหมือนฝ่ามือตบหน้าเขารัว ๆ เช่นเดิม “ไม่ต้องกังวลหรอก ถ้าใครทำอะไรท่าน ข้าจะเชือดมันเอง”

“นี่ข้าอ่อนแอถึงขั้นให้เจ้าปกป้องแล้วเหรอ”

“ท่านจอมมารเอราเคียก็แค่เป็นห่วงน่ะขอรับ อีกอย่างสภาพท่านตอนนี้ถึงจะเหมือนคนปกติแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพลังมีปัญหา ถ้าไม่ติดว่ามีหอกโรเมแรค ท่านก็ไร้น้ำยาตบตีกับชาวบ้าน ทางที่ดี หากเกิดอะไรขึ้นมา ท่านต้องรีบหนี อย่าอยู่เป็นตัวถ่วงคนอื่นเขา”

“บางทีข้าก็สงสัยว่าสองพันปีที่แล้ว ข้าสร้างภูตรับใช้หรือสร้างไก่กันแน่ จิกได้จิกดีเหลือกัน” แม้จะเป็นเจ้านายกับคนใช้ แต่โอดิสเซียสกับโมรอสก็จิกกัดกันไปมาอยู่ตลอด ท่าทางเหมือนคนเกลียดกันมาเป็นชาติทั้งที่จริงแล้วแค่เหน็บกันขำ ๆ เฉย ๆ

“ท่านป้า ท่านโอดิสเซียส ข้าคิดว่าจะตามร่องรอยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ตกค้างไปค่ะ ข้าว่านี่คงเป็นวิธีเดียวที่จะพาเราไปหาคนร้ายที่บุกสุสาน” โรซาเลียขี้เกียจฟังพวกเหน็บแนมกันไปมาแล้วจึงขัดขึ้น “เจ้าจะไปกับข้าไหม ไนจี้”

“ข้าเคยขัดเจ้าด้วยเหรอ”

“ข้ารู้อยู่แล้ว เจ้าไม่เคยปล่อยข้าไปสักที แต่แค่ข้าคนเดียวคงไม่พอ ลากผู้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์อีกคนมาช่วยดีกว่า” ประโยคนั้นทำให้ทุกสายตาหันไปมองเธออย่างพร้อมเพรียง ถ้าจำไม่ผิด นอกจากเธอแล้วก็มีคนที่ใช้พลังนี้ได้แถมหนีร้อนมาพึ่งเย็นที่บ้านโรซาเลียหมาด ๆ ด้วย

จะเป็นใครไปได้นอกจากลูเซียน!

ภายในห้องที่ปิดทึบราวกับไร้ซึ่งทางออก พลันคบเพลิงบนผนังก็ถูกจุดขึ้นเผยให้เห็นห้องโถงใหญ่ที่มีสภาพถูกทิ้งร้าง หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีใครใช้งานที่นี่ แต่คราวนี้กลุ่มคนปริศนากลับเลือกที่จะใช้สถานที่แห่งนี้เพื่อประกอบพิธีกรรมเห็นได้จากบนพื้นมีวงเวทสีแดงถูกวาดไว้ ภาษาที่ใช้เป็นของพวกนักบวชซึ่งแปลความหมายได้ว่าทำลายผนึก

“ลากโลงศพมาตรงนี้” เสียงของหญิงสาวในชุดคลุมสีดำออกคำสั่งก่อนที่คนกลุ่มหนึ่งจะช่วยกันแบกโลงศพสีดำที่สลักลวดลายสวยงามมาไว้ตรงกลางวงเวท

“นี่เหรอ โลงศพของจอมมารลำดับที่สาม แน่ใจนะว่าคนในโลงยังไม่ตาย” อีกเสียงเป็นผู้หญิงเช่นกัน ร่างนั้นสวมฮู้ดคลุมศีรษะไว้จึงมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง

“ปีศาจไม่ได้เหมือนมนุษย์ แค่ถูกผนึกเฉย ๆ ไม่ได้ตายจริงหรอก”

“แล้วเจ้าแน่ใจได้ยังไงว่าเขาจะยอมร่วมมือกับเรา” ผู้หญิงคนนั้นถามต่อ

“ถ้าต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ เขาก็อาจจะยอมร่วมมือ” เจ้าของเสียงหวานหันมาสบตากับคนข้าง ๆ แล้วกล่าวต่อ “องค์ราชินี ลูกชายท่านจะได้เป็นผู้กล้า ท่านจะมีอำนาจมากกว่าใครในอาณาจักร แลกกับการที่ท่านจะช่วยให้เขาได้ครองซาตาน่าอีกครั้ง”

“น่าสนใจ” ราชินีแห่งซิเดร่าชำเลืองมองโลงศพกลางวงเวทที่มีนักบวชยืนอยู่รายล้อมเนื่องจากพิธีสลายผนึกกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว “ลูกข้าได้ดี ข้าก็ต้องได้ดีไปด้วย ต่อให้ต้องลากศัตรูมาเป็นพวก ข้าก็จะทำ”

อะไรดี ๆ เธอจะกวาดให้หมด ส่วนคนอื่น เชิญรับเคราะห์ไปก็แล้วกัน!

ช่วงเย็นวันนั้นหลังกลับมาจากธุระข้างนอก โรซาเลียก็ลากสังขารไปนั่งที่เก้าอี้เจ้าประจำระหว่างรอเด็กรับใช้ยกอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ไนเจลลัสก็มานั่งกับเธอด้วย มีแค่เอราเคียกับโอดิสเซียสเท่านั้นที่แวะไปที่อื่นก่อนสักครู่แล้วจะกลับมาที่ห้องอาหาร

“ช่วงนี้ข้ารู้สึกอึดอัด เสื้อผ้าใส่ไม่สบายตัวเลย เหมือนติดพุง” สาวผมแดงกล่าวพลางตีพุงตัวเอง “นี่ไนจี้ เจ้าว่าข้าอ้วนขึ้นหรือว่าหุ่นยังเหมือนเดิม”

“ข้าว่า...”

“ท่านจอมมาร อย่าตีกัน!” เสียงของโมรอสดังขึ้นขัดจังหวะทำให้สองหนุ่มสาวที่นั่งรออยู่ในห้องอาหารต้องวิ่งออกมาดูข้างนอกว่าเกิดอะไรขึ้น

ภาพที่ทั้งสองเห็นคือเอราเคียกำลังถือดาบไล่ฟันโอดิสเซียสคล้ายกับโมโหอะไรสักอย่าง ตอนแรกก็จะวิ่งตามไปห้ามแล้วถ้าไม่ติดว่ามีจิตสังหารของจอมมารสาวแผ่ออกมาข่มขู่ พลันโมรอสก็วิ่งตามมาพอดี โรซาเลียจึงคว้าแขนเด็กหนุ่มแล้วถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

“โมรอส ท่านป้าทะเลาะอะไรกับท่านโอดิสเซียส”

“คืออย่างนี้ครับคุณหนู เมื่อกี้ท่านจอมมารเอราเคียบ่นว่าหิว อยากกินขนมปังสอดไส้มาก ท่านจอมมารโอดิสเซียสเลยล้อว่า ‘อีกสักหน่อยก็จะอ้วนเป็นหมู’ ท่านจอมมารเอราเคียบอกว่า ‘ลดน้ำหนักแล้ว ไม่เป็นไรหรอก’ ท่านจอมมารโอดิสเซียสก็เลยพูดอีกว่า ‘ไม่เห็นจะลดเลย อ้วนกว่าเดิมอีก’ หลังจากนั้นก็ไล่ฆ่ากันอย่างที่เห็นนี่แหละครับ” อธิบายจบ โมรอสก็วิ่งตามทั้งสองไปเพราะถ้าไม่มีใครไปห้าม อีกหน่อยหญิงสาวคงหงุดหงิดจนซัดพลังออกมาถล่มปราสาทแน่

“ท่านป้าคงโมโหที่โดนหาว่าอ้วน” จากนั้นโรซาเลียก็หันมาสบตากับคนข้างตัว “ไนจี้ เมื่อกี้เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลย เจ้าคิดว่าข้าอ้วนขึ้นหรือว่าหุ่นยังเหมือนเดิม”

“...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel