บทที่ 4
หนึ่งวันหลังงานประลองหรือพูดให้ถูกก็คือไปขึ้นสังเวียนให้ชาวบ้านดูแล้วเขาหนีหายหมด เย็นวันนี้โรซาเลียต้องไปที่ปราสาทเพราะจอมมารเอราเคียจะจัดงานเลี้ยงให้หลานสาว เรเนสซ่าอยากให้น้องสาวได้ใส่ชุดสวย ๆ ก็เลยส่งคนไปหาซื้อเสื้อผ้าสำหรับสตรีสูงศักดิ์ทั่วเมืองมาให้เลือก แต่ก็ไม่พ้นโดนพี่สาวคนโตแขวะเอา
“กะอีแค่งานเลี้ยงเล็ก ๆ จะใส่เสื้อผ้าสวย ๆ ไปทำไม หน้าจืดแบบนี้ไม่มีใครสนใจหรอก” ราโมน่าจิกตาใส่น้องสาวที่กำลังสั่งให้คนนำเสื้อผ้าที่ไม่ได้ถูกเลือกไปเก็บไว้ในตู้
“จะไปพบท่านจอมมาร ข้าก็ต้องให้โรซาเลียแต่งตัวดี ๆ สิคะ จะแต่งตัวแบบสบาย ๆ ไปได้ไง” เธอพยายามอธิบายให้พี่สาวเข้าใจ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สน
“ใส่ไปก็ไม่สวยหรอก ข้าใส่สวยกว่าตั้งเยอะ”
“จะใส่ไปล่อผู้ชายแถวไหนอีกล่ะคะ” เจ้าของเสียงหวานแทรกขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาในชุดกระโปรงตัวใหม่ คราวนี้อดีตผู้กล้าไม่ได้แต่งหน้าให้จืดชืดเหมือนที่ผ่านมา
“หน้าเจ้า...” เธอเพิ่งรู้ว่าน้องสาวต่างแม่มีใบหน้าสวยกว่าเธอ
“ทะ...ทำไม...” เรเนสซ่าถึงกับเบิกตากว้างเพราะกลัวว่าพี่สาวคนโตจะหงุดหงิดและหาเรื่องทำลายใบหน้าของน้องเล็ก แต่โรซาเลียเตรียมใจมาแล้ว
“ข้าเบื่อที่จะต้องแต่งหน้าจืด ๆ ทุกวัน วันนี้ข้าเลยเอาหน้าสดมาให้ดู ถ้ามีตรงไหนดูไม่ดีก็ค่อยแต่งเติมเอาทีหลังนะคะ”
“สวยไปก็เท่านั้นแหละ คิดว่าชนะการประลองจะกลายเป็นคนเก่งเหรอ ฝึกต่อสู้แค่สองสัปดาห์ ที่ชนะเพราะโชคช่วยเท่านั้นแหละ” ราโมน่ารู้สึกอิจฉาน้องสาวต่างแม่ เมื่อก่อนเธอจะกดขี่โรซาเลียยังไงก็ได้ แต่หลังตกบันไดเมื่อหลายวันก่อน นิสัยเธอเปลี่ยนไปมากเลย
“ข้าไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนเก่งค่ะ คิดแต่ว่าขยัน เก่งน่ะไม่เท่าไหร่หรอก ขยันสิสำคัญกว่า เหมือนท่านพี่ราโมน่าไงคะ ขยันหาผู้ชายทุกวัน”
“นังโรซาเลีย!”
“ชุดนี้ขยับแขนไม่สะดวกเลย ท่านพี่เรเนสซ่า ข้าขอเปลี่ยนชุดใหม่นะคะ”
“ได้ ๆ เดี๋ยวพี่ให้คนเอาชุดใหม่ไปให้ลอง” หญิงสาวได้แต่ยิ้มฝืด ๆ พลางเขยิบไปห่าง ๆ จากพี่สาวแม่เดียวกันที่ตอนนี้กำลังโมโหจนใบหน้าบิดเบี้ยว
“วันนี้เจ้ายังเหนือกว่าข้า แต่วันหน้าข้าจะเหนือกว่าเจ้าให้ดู อนาคตข้าจะต้องได้เป็นราชินีของจอมมาร!” กล่าวจบ ราโมน่าก็เดินหนีไปจากตรงนั้นอย่างหงุดหงิด ส่วนโรซาเลียก็มองไล่หลังทั้งที่ขมวดคิ้ว เธอจำได้ว่าจอมมารในตอนนี้เป็นผู้หญิง แล้วพี่สาวต่างแม่จะไปเป็นราชินีได้ยังไง
“นางไปกินของหมดอายุที่ไหนมาถึงเป็นบ้าได้ทุกวัน” คนบ่นหันมาถามคุณป้าแม่บ้านซึ่งเดินมาพอดี หญิงวัยกลางคนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเดินมากระซิบ
“เมื่อก่อนคุณหนูราโมน่าถูกเลี้ยงแบบตามใจมาก นอกจากจะคิดว่าถูกแย่งความรักแล้ว นิสัยเอาแต่ใจก็แก้ไม่หายด้วยค่ะ อะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็โวยวาย”
“มิน่าล่ะ วุฒิภาวะทางอารมณ์ถึงได้ต่ำกว่ามาตรฐาน” โรซาเลียพยักหน้าเข้าใจ “แต่ที่นางพูดเมื่อกี้ ข้าจำได้ว่าท่านป้าเอราเคียเป็นจอมมาร แล้วนางจะไปเป็นราชินีของจอมมารได้ไง”
“คุณหนูลืมไปแล้วเหรอคะ”
“ลืมอะไรคะ”
“ป้าลืมไป คุณหนูความจำเสื่อม คืออย่างนี้ค่ะ ท่านจอมมารไม่ได้มีแค่คุณหนูเป็นหลานสาว แต่ยังมีหลานชายอยู่อีกคนซึ่งเป็นลูกบุญธรรมของน้องสาวที่สิ้นไปนานแล้ว ท่านจอมมารไม่มีทายาท ทุกคนจึงเชื่อว่าอนาคตหลานชายคนนี้จะเป็นว่าที่จอมมารคนต่อไป และคุณหนูราโมน่าก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับเขาด้วย”
“อย่างงั้นเหรอคะ ข้าเข้าใจแล้ว”
เจ้ามีผู้ชายตั้งหลายคน คิดว่าหมอนั่นจะเอาเหรอ ฝันหวานไปไหม โรซาเลียส่ายหน้าอย่างเอือมระอา แต่พอนึกถึงหลานชายอีกคนของเอราเคีย เธอจำได้ว่าเคยศึกษาเรื่องนี้มาเหมือนกัน แต่เพราะความทรงจำมีปัญหา หลาย ๆ เรื่องจึงลืมไปบ้าง
“อีกอย่างนะคะ คุณหนู คนที่ปราสาทยังลือกันว่าท่านจอมมารจะให้คุณหนูหมั้นกับเขาด้วย” ประโยคนั้นเหมือนเป็นการทิ้งระเบิดตูมใหญ่ หญิงสาวสะบัดหน้ามาหาคุณแม่บ้านแล้วจะโกนเสียงดัง
“อะไรนะ!!!”
ปราสาทจอมมารยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ไม่ว่าจะโลกที่เธอจากมาหรือโลกใบนี้ก็ตาม แต่ต่างกันแค่ที่นั่นมีจอมมารลำดับที่สิบหกเป็นเจ้าของ ทว่าผู้ปกครองปราสาทที่เธอกำลังจะไปพบนั้นเป็นจอมมารลำดับที่สิบห้า ทันทีที่ลงจากรถม้า สาวใช้ที่ถูกส่งมารับหน้าประตูปราสาทก็เป็นผู้นำทางเธอไปยังห้องอาหารซึ่งอยู่ชั้นสาม
“วันนี้คุณหนูงามมากเลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” โรซาเลียกล่าวขอบคุณตามมารยาทเมื่อได้รับคำชมจากผู้อื่น จังหวะนั้นสาวใช้ผู้นำทางก็หยุดชะงักเนื่องจากมีบุคคลระดับสูงเดินสวนมา
“คุณชายจูเลียน”
ใครหว่า? หญิงสาวเอียงคอมองคนตรงหน้าอย่างไม่คุ้นคงเพราะในโลกเดิม เธอยังไม่เคยเจออีกฝ่าย ทางด้านฝ่ายชายก็หันมาส่งยิ้มโปรยเสน่ห์ให้แล้วกล่าวทักทาย
“ไม่ได้เจอกันนานนะ โรซาเลีย”
“...”
“คุณหนูคะ นี่คือคุณชายจูเลียน หลานชายของท่านจอมมารค่ะ” สาวใช้เพิ่งนึกได้ว่าเธอจำอะไรไม่ได้จึงช่วยบอก อดีตผู้กล้าพยักหน้าเข้าใจพลางยิ้มตอบ
“สวัสดีค่ะ”
“ได้ยินว่าเจ้าชนะการประลองหลังหายป่วยได้สองสัปดาห์ น่าประหลาดใจจริง ๆ ยิ่งตอนนี้ ข้ายิ่งแปลกใจ ปกติเจ้าจะหลบหน้าข้าตลอดเวลามาที่ปราสาท” จูเลียนส่งยิ้มชวนสาวหลงมาให้เต็มที่ แน่นอนว่าสาวใช้ใกล้ตัวเธอรวมทั้งข้ารับใช้คนอื่น ๆ ที่เป็นผู้หญิง พอเดินผ่านมาเห็นเข้าก็พอกันหน้าแดงคล้ายถูกมนตร์เสน่ห์ให้หลงใหล
“ทำไมทุกคนดูแปลก ๆ”
“คงถูกความสามารถพิเศษของข้าเล่นงานเอาน่ะ เวลาที่ข้ายิ้ม ผู้หญิงทุกคนที่เห็นจะหลงใหลข้าด้วยกันทั้งนั้น แต่น่าแปลกที่เจ้าไม่เป็นอะไร ทั้งที่เมื่อก่อนก็มีปฏิกิริยา ถ้าไม่ติดว่าราโมน่าอยู่ด้วย ข้าคงได้คุยกับเจ้ามากกว่านี้”
“คุณหนูราโมน่าตามติดคุณชายจูเลียนเป็นหมากฝรั่งเลยค่ะ ช่วงนี้คุณชายเลยพยายามไปไหนมาไหนโดยไม่ให้นางรู้ ไม่อย่างนั้นนางโผล่มาแน่ค่ะ”
“นั่นสินะ ถ้านางรู้ นางคงมากับข้าด้วย” โรซาเลียพยักหน้าเข้าใจหลังจากสาวใช้กระซิบบอก “เมื่อก่อนข้าก็เผลอหลงเสน่ห์รอยยิ้มของเจ้าด้วยเหรอ”
“แน่นอน แต่เพราะพี่สาวเจ้า เราเลยแทบไม่ได้คุยกัน แย่จัง ข้าอยากจะหมั้นกับเจ้าแท้ ๆ เชียว”
“ข้าอยากพบท่านป้าแล้ว ช่วยพาไปที” เธอหันไปบอกสาวใช้เพราะอยากไปจากตรงนี้ให้พ้น ๆ แต่จูเลียนไม่ยอมให้ไปจึงคว้าข้อมือเธอไว้
“เจ้านี่ยังเหมือนเดิมเลยนะ ไม่ว่าจะกี่ครั้ง ๆ ก็หลบหน้าข้าตลอด กลัวว่าข้าจะทำมิดีมิร้ายเจ้าหรือไง แต่ถึงอย่างนั้นหลังจากหมั้นและแต่งงานกัน เจ้าก็หนีข้าไม่พ้นอยู่ดี” หลานชายจอมมารเอ่ยเสียงเย็นเป็นการข่มขู่ มือข้างที่จับข้อมือเธอก็บีบแน่นจนสาวใช้กลัวว่าร่างบางจะเจ็บ
“ถ้าจำไม่ผิด รองเท้าข้าเบอร์แปด” โรซาเลียกล่าวเสียงเรียบ ขาข้างหนึ่งก้าวไปด้านหลังคล้ายกับเตรียมพร้อมแต่เนื่องจากชายกระโปรงบังไว้จึงไม่มีใครเห็น “เอามือสกปรกของเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้!”
พริบตานั้นเธอก็เตะเข้าจุดยุทธศาสตร์เพศชายเข้าเต็ม ๆ ทำเอาจูเลียนถึงกับทรุดลงไปนั่งคุกเข่าทันที จากนั้นเธอก็ขยุ้มคอเสื้อแล้วเหวี่ยงชายหนุ่มไปชนผนังเป็นการเปิดทาง ส่วนตัวเองก็เดินต่อไปอย่างสง่าผ่าเผย
“วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน แต่คราวหน้า เจ้าไม่รอดแน่ คอยดูเถอะ สักวันข้าจะใช้เสน่ห์ทำให้เจ้าคลานมาหมอบแทบเท้าข้า!”
“ปลาดุกชนเขื่อนยังน่าเข้าใกล้กว่าตั้งเยอะ เสน่ห์ของเจ้าใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอก!” โรซาเลียหันมาตะโกนตอบพลางคว่ำนิ้วหัวแม่มือลงเป็นการเยาะเย้ย
“เจ้า!”
“ว้าย! กลัวแล้วจ้า ใครก็ได้ช่วยด้วย มีคนจะรังแกข้า!”
“คุณหนูอย่าวิ่งสิคะ เดี๋ยวล้ม!” สาวใช้รีบวิ่งตามหลานสาวจอมมารไปอย่างเร่งรีบแต่เหมือนจะตามไม่ทันเพราะหญิงสาววิ่งเร็วราวกับนักวิ่งลมกรดทั้งที่ท่าวิ่งเหมือนคนกระโดดโลดเต้นกวนประสาทชาวบ้านมากกว่าหนีไปด้วยความกลัว