EP : 9
“เสร็จยังวะ”
“ยัง มึงจะรีบไปไหนวะเร่งอยู่นั่น”
“ธุระ”
“ธุระอะไรของมึงถึงทำคุณชายแม็คเวลดูรนได้ทั้งวัน”
“เสือก”
“กูอยากรู้ไม่ได้เสือก”
“ก็เสือกนั่นแหละ”
“ไอ้...” ไอ้ฟีนิกซ์ชูนิ้วกลางให้ผม แต่ความจริงควรเป็นผมมากกว่าที่สมควรชูนิ้วกลางให้มัน วันนี้อยู่ ๆ ก็เกิดปัญหาในสนามแข่งรถที่ผมกับมันเป็นหุ้นส่วนกันมันเลยลากผมให้มาช่วยกันแก้ปัญหาแต่แม่งก็ไม่เสร็จสักทีจนผมเริ่มหงุดหงิด
“เชี่ยแม่งปัญหาห่าอะไรนักหนาวะ”
“ใจเย็น ๆ สิวะ จะรีบไปไหน ปกติมึงก็ขลุกอยู่ที่นี่ได้ทั้งวันทั้งคืนไม่ใช่รึไง”
“ก็กูบอกว่ามีธุระไงไอ้นิกซ์” โทรศัพท์แม่งก็เสือกตกแตกตอนรีบขึ้นไปเอางานที่คอนโดเมื่อเช้า ให้ลูกน้องในสนามไปซื้อเครื่องใหม่มาให้แม่งก็ไม่มาสักที
“เออกูรู้ แต่งานมันไม่เสร็จจะให้ทำยังไงวะ”
“Shit!” ผมสบถด้วยความหงุดหงิดออกมาเบา ๆ เพราะในห้องนี้ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย ร้อยวันพันปีไม่เคยมีปัญหาใหญ่แต่วันนี้อยู่ดี ๆ ก็มีปัญหาใหญ่เข้ามาแถมยังต้องแก้ไขให้เรียบร้อยให้เร็วที่สุดอีกต่างหาก ให้มันได้อย่างนี้สิแม่ง
“ไอ้เวลใจเย็น ๆ หน่อยสิวะ มึงเป็นอะไรของมึง ปกติมึงทุ่มเทให้งานมากกว่านี้ ยิ่งถ้ามีปัญหามึงจะยิ่งโฟกัสที่การแก้ปัญหาไม่ใช่เอาแต่นั่งหน้าบึ้งไม่สบอารมณ์ แยกแยะหน่อย” ไอ้ฟีนิกซ์มันเรียกสติผมเบา ๆ
“กูขอโทษ กู...อ่าส์! โอเคกูจะใจเย็นขึ้น” ผมควรใจเย็นให้มากกว่านี้ นี่ไม่ใช่ตัวผมเลยว่ะ ใจร้อนทั้งที่งานของผมกำลังมีปัญหา ปกติผมทุ่มเทให้กับงานมากไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง ใจเย็นก่อนสิวะจัดการปัญหาเรื่องงานให้มันเสร็จก่อนแล้วค่อยไปทำอย่างอื่น
...เป็นตัวของตัวเองหน่อยไอ้เวล
-สามวันต่อมา-
ก๊อก ๆๆ
“ค่า~”
กริ๊ก!
แอด~
“ว่าไงคะเจ้เบ้ ไหนบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะ...ถึง” ฉันอ้าปากพูดระหว่างที่กำลังเปิดประตูแต่นี่มันไม่ใช่เจ้เบเบ้นี่คะ
นึกว่าเจ้เบเบ้เลยรีบเปิดประตูโดยที่ไม่ส่องตาแมวเพราะนัดกันไว้แล้ว แต่ถ้าได้ส่องตาแมวสักนิดก็สาบานเลยว่าจะไม่เปิดเด็ดขาด!
ปึก!
“ปล่อย” ฉันบอกคนที่เอามือดันประตูที่ฉันตั้งใจปิดไม่ให้ปิดได้สำเร็จ เขาดันประตูด้วยมือข้างเดียวแถมท่าทางยังนิ่งมากเหมือนไม่ได้ออกแรงแม้แต่น้อยแต่ฉันกลับสู้แรงไม่ได้เลยทั้งที่ตอนนี้กำลังใช้ใหล่ดันประตูด้วยซ้ำ
“บอกให้ปล่อยไง!” ฉันโถมแรงทั้งตัวไปที่ประตูจนเริ่มเหนื่อยในขณะที่เขายังใช้แค่มือเดียวเหมือนเดิมจนฉันเริ่มขึ้นเสียงขึ้นมา
“เหนื่อยก็หยุดจะได้คุยกัน” บอกจะโทรมาตั้งแต่วันแรกแต่ดันหายหัวไปสามวันแล้ววันนี้ดันโผล่หน้ามามันจะมีอะไรต้องคุยนอกจากอยากมาหลอกกินผู้หญิงหน้าโง่อีกสักรอบสองรอบ!
“ไม่มีอะไรต้องคุย!”
“มี”
ผลัก!
“โอ้ย!” ไม่ได้เจ็บอะไรหรอกนะคะแต่เกือบจะหงายหลังเลยอุทานเพราะเขาพูดคำสั้น ๆ คำเดียวออกมาจบลงก็ใช้มือดันประตูให้เปิดกว้างแล้วจากนั้นเขาก็เดินเข้ามาหน้าตาเฉย
กริ๊ก!
“ปิดประตูทำไม ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ” ฉันขึ้นเสียงใส่หน้าก็เริ่มเลือดขึ้นหน้าด้วยความโมโหกับการกระทำของไอ้บ้านี่
“...” เขาไม่พูดอะไรแค่มองหน้าฉันนิดหน่อยแล้วขยับขาแค่สองก้าวไปทิ้งตัวลงที่เตียงของฉัน
“ออกไป”
“...” เขายังเงียบไม่พูดอะไรเอาแต่นั่งนิ่งมองหน้าฉันต่อเท่านั้นซึ่งมันทำให้ฉันโมโห คิดว่าฉันเป็นคนยังไงวะ? ได้กินง่าย ๆ หนึ่งรอบแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้รึไง? นี่ไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อนะที่หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา!
“ออกไป!”
“ถ้าโวยวายก็ไม่ต้องคุย หยุดโวยวายเมื่อไหร่ก็บอก” เสียงราบเรียบพูดออกมาแล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดเล่นหรือกดห่าเหวอะไรก็ไม่รู้หรอกรู้แค่ฉันไม่ได้โวยวาย ใครโวยวาย? ไม่มีใครโวยวายทั้งนั้นมีแต่เจ้าของห้องที่กำลังไล่แขกที่ไม่ได้เชิญ!
“มีอะไรก็พูดมาจะได้ออกไปสักที” ฉันพูดออกไปแล้วก็ยืนจ้องหน้าเขา วันนั้นไม่ค่อยกล้าสบตา ความหล่อเกินความเป็นคนของเขาในวันนั้นทำให้ฉันตื่นเต้นใจสั่นทำอะไรไม่ถูกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองแต่ในวันนี้ความรู้สึกพวกนั้นดันหายไป เพราะอะไรรู้ไหม? เพราะความเหี้ยของเขาที่ทำไว้กับฉันมันทำให้ความหล่อของเขาลดลงจนติดลบไง!
“พูดดี ๆ” เขาจ้องมาที่ฉันพร้อมกับน้ำเสียงดุ แต่ทำไมฉันต้องพูดดีกับคนที่มันมาฟันแล้วทิ้งให้ฉันอยู่กับความหวังอะไรก็ไม่รู้ด้วย
“จำเป็นด้วยเหรอ?”
“ก็คิดเอา เด็กกับผู้ใหญ่”
“เหอะ! ผู้ใหญ่เหี้ย ๆ” ฉันพูดออกมาเบา ๆ พร้อมกับกรอกตามองบนแต่เชื่อเถอะว่าห้องเล็กเท่าแมลงสาบดิ้นตายแบบนี้ต่อให้กระซิบในใจยังได้ยินเลย
“อย่าคิดไปเอง พูดดีไม่ได้ก็เงียบ ใจเย็นแล้วบอกจะได้คุย”
“ไม่เย็น...ค่ะ” กับคนที่ทำให้เราเจ็บใจมาก ๆ แบบนี้มันไม่มีทางใจเย็นได้หรอก ไม่ได้ตั้งใจพูดดีอย่างที่เขาบอกด้วยที่มีหางเสียงก็แค่ประชดอย่างชัดเจน
“ถ้างั้นก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องคุย”
“ก็ดี”
“อืม” เขาเปล่งเสียงออกมาจากลำคอจบก็ทิ้งตัวลงนอนหน้าตาเฉย แต่เฮ้ย! แบบนี้มันจะต่างคนต่างอยู่ตรงไหน ออกไปจากห้องฉันแล้วหายไปจากชีวิตเหมือนเราไม่เคยเจอหน้ากันเลยต่างหากที่เรียกว่าต่างคนต่างอยู่!
“นี่ทำอะไร?”
“นอน”
“เฮ้ย! ทำแบบนี้แล้วมันจะต่างคนต่างอยู่ยังไง?” ฉันโมโหมากแล้วนะ เขาทำบ้าอะไรต้องการอะไรเนี่ย! แล้วความโมโหก็ทำให้ฉันตรงเข้าไปจับข้อมือเขากระชากให้ลุกจากเตียง
“ลุก!” ฉันตะโกนใส่แล้วออกแรงกระชากร่างที่โคตรหนักอย่างกับหมีควาย! ลำพังดูจากขนาดร่างกายก็น่าจะตัวหนักมากอยู่แล้วแต่นี่เขาคงฝืนตัวทิ้งน้ำหนักลงเลยทำให้ร่างกายเขาไม่ขยับเลยต่อให้ฉันจะใช้แรงทั้งหมดที่มีกระชากเขาแล้วก็ตาม!
“บอกให้ลุกไง! ลุกสิ!” โคตรเหนื่อย! ทำไมสู้แรงผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลยนะ แค่เขานอนเฉย ๆ ยังสู้ไม่ได้เลย!
“ไม่เหนื่อยรึไง” เสียงราบเรียบติดเย็นชาที่ไม่รู้ว่าเป็นสไตล์การพูดของเขาหรือเขาแค่ใช้มันกับบางคนเอ่ยออกมาทำให้ฉันตอบด้วยเสียงกึ่งตะคอกออกไป
“เหนื่อยสิ!”
“ถ้าเหนื่อยก็หยุด”
หมับ!
ฟุบ!
“ว้าย! ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย!” ฉันโดนเขาใช้มืออีกข้างจับมือที่จับมือเขาไว้แล้วกระชากให้ล้มลงไปนอนทับร่างกายเขาแต่พอตะโกนใส่หน้าเขากลับกอดแล้วจับฉันพลิกตัวให้นอนลงข้าง ๆ แต่สุดท้ายฉันก็ดีดตัวขึ้นมานั่งแล้วกระโดดลงจากเตียงในเวลาไม่ถึงนาทีได้ แต่กว่าจะหลุดออกมาจากพื้นที่เสี่ยงภัยแบบนั้นได้ก็เล่นเอาใจหายใจคว่ำมากเหมือนกัน
“นายต้องการอะไร!” ฉันยืนชี้หน้าเขาด้วยความโมโหสุดขีด ได้ครั้งเดียวไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรกับฉันก็ได้นะไอ้คนเลว!
“คุย”
“ก็คุยสิวะ! พูดมา มีอะไรจะพูดก็พูดมา!” ฉันตะคอกเสียงดังลั่นไม่สนว่าห้องมันจะผนังคุณภาพห่วยแค่ไหน ไม่สนว่าใครจะได้ยินทั้งนั้น!
“อย่าพูดจาไม่เพราะขมิ้น อย่าทำให้หงุดหงิด...ไม่งั้นจะกดให้จมเตียง”
“ทุเรศ! อย่ามาขู่ฉันด้วยคำพูดทุเรศ ๆ ของนายนะ!”
“ไม่อยากให้ขู่ก็เงียบ หยุดโวยวาย ตั้งสติใจเย็นเมื่อไหร่ค่อยคุย” ฉันเกลียดน้ำเสียงราบเรียบนิ่งเฉยของเขาที่สุด!
“ไม่มีทาง! แล้วก็ไม่ต้องมาบอกให้ตั้งสติหรือใจเย็นอะไรทั้งนั้นเพราะฉันไม่คิดจะคุยกับคนอย่างนาย!”
“อย่าให้พูดซ้ำ อย่าทำให้โมโหนะขมิ้น”
“อย่าให้โมโห? เหอะ! ไม่อยากโมโหแล้วมาทำคนอื่นโมโหก่อนทำไมวะ ทุเรศ! มาทำไมไม่ทราบ คิดว่าจะหลอกฟันฉันได้อีกรอบรึไง ฉันไม่ได้... / มาหาเมีย”
“...” พูดว่าอะไรนะ?
“ได้ยินชัดรึยัง มาหาเมีย”
“ใครเป็นเมียนาย!”
“ใครที่โดนฉันขย่มบนเตียงนี้เมื่อสามวันก่อนก็คนนั้นแหละ”
“ฉันไม่ใช่เมียนาย! อย่ามาใช้คำนี้นะแม็คเวล!” ฉันไม่เขิน ไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากโกรธจนตัวสั่น พอฉันชี้หน้าตะคอกใส่เขาก็ลุกจากเตียงแล้วเดินมาหาฉันที่ตอนนี้ไม่มีทางหนีได้เลยเพราะอย่างที่บอกว่าห้องมันกว้างเท่าแมลงสาปดิ้นตาย!
หมับ!
“อย่ามาทำอะไรบ้า ๆ แบบนี้กับฉันนะ!” ฉันสะบัดมือที่เขาจับให้หลุดแต่มันไม่หลุด!
“ขอโทษ”
“ขอโทษบ้าอะไรของนาย ขอโทษที่หลอกฟันแล้วยังกล้าหลอกต่อว่าจะโทรหาน่ะเหรอ เหอะ! ไม่ต้องมาขอโทษ ก็แค่คำพูดของคนที่เมาแล้วได้กันฉันไม่ได้แคร์!” ฉันรู้ว่าเขาไม่แคร์คำพูดที่ตั้งใจจะพูดให้มันเจ็บแสบของฉันหรอกแต่ถึงรู้ว่าเขาไม่แคร์ฉันก็ยังตั้งใจที่จะพูดอยู่ดี!
“แต่ฉันแคร์!”
“...” ฉันนิ่งไปเพราะคิดว่าเขาไม่แคร์คำพูดของฉันหรอกแต่เขากลับพูดด้วยน้ำเสียงดุดันและสายตาแข็งกร้าวจนดูน่ากลัว ไม่ใช่แค่นั้นแต่มือที่จับข้อมือฉันก็ออกแรงบีบจนฉันเจ็บร้าวที่ข้อมือ
“เจ็บ อย่าบีบ”
“ไม่อยากให้บีบก็ฟัง คิดว่าอยากเงียบหายไปเฉย ๆ รึไงวะ! ฟังเหตุผลฟังคนอื่นก่อนไม่ใช่โวยวายว่าอีกคนแค่กลับมาหลอกอีกครั้งทั้งที่เขากำลังตั้งใจจะมารับผิดชอบเธอ!”