Tequilla Love 2 : การกลับมา
“นี่ยี่หวา แล้วคืนนี้ไม่ออกไปไหนกับคุณมาร์เหรอ” เสียงพี่ไหมถามขึ้นทำให้หยุดทะเลาะกับความคิดตัวเอง แล้วหันไปมองตามเสียง หยุดการโยงเรื่องความรักของฉัน ก็ยิงคำถามออกมาด้วยความอยากรู้ตรง ๆ เลยนะพี่ไหม
“ไม่มีไปไหนกันทั้งนั้น ตอนนี้ยี่หวาอยากกินส้มตำ อาหารอีสาน” ดวงตากลมมองผู้จัดการส่วนตัวเป็นการบังคับ ซึ่งอีกฝ่ายรีบพยักหน้ารับแต่โดยดี
“อยากกินเหมือนกัน พี่ชัยไปร้านอาหารอีสานร้านประจำของเรากัน”
“ได้เลยครับ ~”
ทันทีที่ได้รับคำสั่ง พี่ชัยคนขับรถของฉันจัดการเปลี่ยนเส้นทางมุ่งตรงไปยังร้านประจำของเราทั้ง 3 คนทันที
เรื่องความรัก เรื่องการแต่งงานอะไรไม่เคยอยู่ในหัวสักนิด เรื่องเดียวที่ทำให้ฉันมีความสุขและสนใจคือของอร่อยเท่านั้น
(หนึ่งอาทิตย์ก่อน)
ณ เพนต์เฮาส์กลางเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ
“ไฟล์ทบินกลับประเทศไทยจะเป็นวันที่แปดครับคุณเต”
เสียงทุ้มของเลขาส่วนตัวกำลังรายงานถึงกำหนดการเดินทางกลับประเทศไทย หลังเรียนจบของเขาให้ได้รับรู้แต่เหมือนว่าจะไม่ได้เข้าหูเขาเลยสักนิด
‘เตกีลา’ ทายาทคนเล็กตระกูลภิสรินธรณ์ ว่าที่ผู้บริหารรุ่นต่อไปของตระกูลเคียงคู่กับพี่ชาย ธุรกิจมากมายภายในเครือกำลังรอให้เขากลับไปทำหน้าที่บริหารมัน ซึ่งตอนนี้พี่ชายของเขารับหน้าที่ดูแลอยู่
ร่างกายกำยำของผู้ชายวัย 25 ปี ท่อนบนเปลือยเปล่าสวมเพียงกางเกงออกกำลังกายขาสั้น หยดเหงื่อผุดตามผิวกาย ขายาวเคลื่อนไหวตามความเร็วของลู่วิ่ง ดวงตาคมจ้องมองไปยังวิวกลางเมืองผ่านหน้าต่างบานใหญ่ หูฟังไร้สายอุดหูของเขาทั้งสองข้าง
“...” เข้ามาพูดอะไรไม่ได้ยิน?
“คุณเตครับ” ผู้จัดการส่วนตัวก้าวเท้าพาตัวเองขยับมาให้อยู่ในระยะสายตา
“...อะไร” เขาถามกลับเพราะหางตาเห็นเข้ากับการเคลื่อนไหวนั้น แต่หูฟังทั้งสองข้างยังไม่ถูกถอดออก
“เอ่อ ขอเวลาหนึ่งนาทีครับ” ปากขยับพูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พร้อมกับชูนิ้วชี้ขึ้นเป็นสัญลักษณ์ตัวเลขตามที่ตัวเองพูด มืออีกข้างชี้ยังหูของตัวเองให้ผู้เป็นเจ้านายได้รู้ตัว
“....” และในที่สุดเขาก็รู้ตัวเอง หูฟังข้างหนึ่งถูกดึงออกและฟังในสิ่งที่เลขากำลังจะพูด
“กำหนดไฟล์ทบินกลับประเทศไทยคือวันที่แปด หรืออีกสี่วันนับจากวันนี้ครับ”
“อือ มีแค่นี้ใช่มั้ยที่จะพูด?” นัยน์ตาคมมองไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก เรื่องแค่นี้จะต้องรีบบอกให้ได้ในทันทีเลยหรือไง รอให้เขาออกกำลังกายเสร็จแล้วค่อยมาบอกก็ไม่น่าเป็นอะไร แต่พูดไปก็ดูไร้ประโยชน์มันคงเป็นหน้าที่และเรื่องนี้สำคัญมั้ง?
กลับไทยในรอบ 2 ปีกว่า...
“ครับ ผม...ผมขอตัวครับคุณเต” เลขาพยักหน้าแล้วรีบเดินออกจากห้องทันที
กริ้ก!
เสียงประตูปิดลงเป็นจังหวะเดียวกันที่เขาใส่หูฟังข้างที่ดึงออกให้เข้าที่ มือหนาเอื้อมจับโทรศัพท์ขึ้นมากดเปลี่ยนเพลง แล้วเข้าหน้าอินสตาแกรมของตัวเอง สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นคือข่าวของพี่ชายกับ...เพื่อนสนิท
จากอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วในตอนแรก ตอนนี้เหมือนว่ามันจะทวีความรุนแรงขึ้น ดูเหมือนว่าข่าวมันจะเกิดขึ้นบ่อยเหลือเกินนะช่วงนี้ แต่ไม่ว่าจะถามพี่ชายตัวเองกี่ครั้งที่ได้กลับมาก็มีเพียงคำว่าเพื่อน ซึ่งเขาเชื่อว่าพี่มาร์ไม่ได้ให้ความสนใจเธอเกินเพื่อน
แต่กับผู้หญิงคนนั้น...ที่รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองเป็นจุดสนใจก็ยังทำให้ข่าวเกิดขึ้นอยู่เรื่อย ตั้งใจให้มีข่าวกับพี่? รู้ทั้งรู้ว่ามันต้องเกิดขึ้นแน่แต่ก็ยังไม่ระวังตัว นิ้วเรียวกดออกหน้าข่าวเปลี่ยนมาเลื่อนหาเบอร์โทรของพี่มาร์ตินี จากนั้นจึงกดโทรออกโดยไม่สนว่าเวลานี้ที่ประเทศไทยจะกี่โมง
ตู๊ด! ตู๊ด! ติ้ด!
(บ้านมึงไม่มีนาฬิกาเหรอเตหรือตายแล้วเลยโทรมาบอก) เสียงทุ้มต่ำดังรอดจากในสายหลังจากกดรับ ไม่มีการกล่าวทักทายเพราะฟังก็รู้ว่าโทรไปรบกวน
“เรื่องข่าว”
(...เฮ้อ เด็กเหี้ย) ที่ด่าเพราะโทรมารบกวนเวลานอน ไม่ได้ด่าเพราะถามเรื่องข่าวหรอก
“สรุปยังไงคบกันเหรอ?” ปากถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แม้ว่าในใจเฝ้ารอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
(มึงสมควรจะเป็นคนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด แต่ก็เสือกถามบ่อยที่สุด) ใช่ เขาถามเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายกับเพื่อนสนิทมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว
“ก็อยากรู้ เห็นข่าวออกมาไม่หยุด”
(กูก็ตอบคำเดิมว่าเพื่อน)
“....”
(สรุปว่ามึงไม่ชอบยี่หวาเพราะอะไร? เพราะเป็นเด็กกำพร้าเหรอ) คำถามนี้ไม่ใช่ครั้งแรกเช่นกันที่เขาได้รับจากพี่ชาย
“เรื่องแบบนั้นไม่มีใครเขาเอามาตัดสินอีกฝ่ายหรอกนะ เห็นเป็นคนยังไง”
(ก็ไม่รู้ มึงคือคนเดียวที่มีปัญหากับยี่หวามาตลอดนะ)
“แล้วจะทำไม” ร่างสูงไปทิ้งตัวนั่งลงยังโซฟามุมห้อง เอื้อมมือไปหยิบเอาบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ
(ก็ไม่ทำไม รอมึงกลับมาไทยก่อนเดี๋ยวก็รู้)
“ไม่ต้องบอกก็รู้ ต้องทำงานกับเพื่อนพี่ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์เพียงคนเดียวของเรา” พูดจบก็พ่นควันบุหรี่ออกจากริมฝีปากแดง
(เออ กลับมาก่อนเถอะ...อีกสองอาทิตย์ใช่มั้ยจะกลับไทย)
“อือ ประมาณนั้นมั้ง” สิ่งที่บอกพี่ชายกับการเดินทางกลับจริงมันช่างไปกันคนละเรื่องราว เพราะเขาแอบกลับไปก่อนเพื่อไปเจอใครบางคน
(กลับมาค่อยคุยกัน ตอนนี้กูจะนอนไอ้เด็กเหี้ย ติ้ด!) ด่าจบพี่มาร์ตินีก็กดตัดสายไป
2 ปีที่เขาต้องมาเรียนต่อที่อังกฤษ อาจจะทำให้ห่างกับพี่ชายออกมาและเธอน่าจะได้ใจ เดี๋ยวเราก็ต้องเจอกัน เพราะสายงานที่ต้องดูแลมันเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นโดยตรง
(ยี่หวา)
(ปัจจุบัน) ณ คอนโดใจกลางสีลม เวลา 23.45 น.
ติ๊ง!
ประตูลิฟต์ชั้นล่างสุดเปิดออกพร้อมกับหญิงสาวในชุดเสื้อฮู้ดสีดำ กางเกงขายาวสวมรองเท้าแตะเดินออกมา เจ้าหน้าที่ดูแลคอนโดลุกขึ้นเปิดประตูให้และเมื่อเห็นว่าเป็นฉันเขาก็แสดงสีหน้าตกใจไม่น้อย
“คุณยี่หวาจะไปไหนครับเวลานี้ แล้วไม่ได้ขับรถไปด้วย” ด้วยความสนิทสนมกันพอสมควร พี่คนดูแลจึงถามด้วยความเป็นห่วง
“ยี่หวาไปหาซื้ออะไรกินหน่อยค่ะ...หิว” ฉันไม่ใช่ดาราที่เคร่งเรื่องการกิน เพราะต่อให้กินเยอะน้ำหนักก็ไม่ขึ้นไปมากกว่านี้แล้ว ทั้งหมดเผาผลาญผ่านการทำงานในแต่ละวัน
แล้วอีกอย่าง...ส้มตำเมื่อเย็นถูกน้ำย่อยทำลายหมดแล้ว! ฉันหิว!
“อ่อ ครับ ๆ คนหิวเราอย่าไปขัด เชิญครับคุณยี่หวา ~”
“เจอของอร่อยเดี๋ยวซื้อมาฝากนะคะ” พูดจบก็เดินผ่านประตูคอนโดออกไป แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเกือบ 5 ทุ่มแล้วก็ตาม แต่ในย่านนี้ไม่มีคำว่าเงียบเหงาอย่างแน่นอน รถในกรุงเทพวิ่งกันทั้งคืนไม่มีหยุดพักจริง ๆ เหมือนกับฉันที่หิวไม่เคยหยุดพักเช่นกัน
สองเท้าก้าวเดินไปตามริมฟุตพาท สายตาจ้องมองไปยังรอบตัว รถที่วิ่งบนท้องถนนหรือผู้คนที่เดินผ่านไปมา ในเวลาแห่งความเป็นส่วนตัวบางคนที่คุ้นหน้าฉันก็หันมาส่งยิ้ม เรียกชื่อทักทายเพียงเท่านั้นไม่มีการขอถ่ายรูป คงเพราะสภาพตอนนี้พวกเขาน่าจะสงสารถ้าฉันออกสื่อ
ตื้อดึ่ง ~
เสียงประตูร้านสะดวกซื้อดังเป็นสัญญาณเตือนให้พนักงานได้รับรู้เมื่อมีลูกค้าเข้ามา ความเย็นภายในร้านทำให้ฉันต้องซุกมือเข้าในกระเป๋าเสื้อ มืออีกข้างเอื้อมหยิบเอาตะกร้ามาถือไว้แล้วเดินดูของไปเรื่อย ๆ บรรยากาศรอบตัวมีเพียงเสียงเพลงเคล้าคลอเบา ๆ
ลูกค้าภายในร้านมีเพียงไม่กี่คน ไม่รู้ว่ามีใครมองมามั้ยเพราะฉันไม่ได้ให้ความสนใจใครเลย ตอนนี้มาหยุดยืนหน้าตู้อาหารและเครื่องดื่มแล้ว ซื้อซาลาเปาไปฝากพี่คนดูแลคอนโดดีกว่ากับเครื่องดื่ม
อ่อ! จริงสิ มีแม่บ้านกะกลางคืนด้วยนี่น่า ไม่ได้ ๆ ต้องเอาไปเผื่อ
ฉันหยิบของกิน ขนม เครื่องดื่มทั้งของตัวเองและจะเอาไปฝากพนักงานดูแลคอนโด จนรู้ตัวอีกทีก็เต็มตะกร้า แต่ยังไม่หยุดเพียงเท่านั้นเมื่อสายตาเห็นเข้ากับตู้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ตอนนี้อายุ 29 แล้วพรุ่งนี้ไม่มีงานเป็นวันพักผ่อน...ฉันดื่มได้!
มือที่เอื้อมไปเปิดตู้แล้วหยิบเบียร์กระป๋องออกมาใส่ตะกร้าด้วยความรวดเร็วนั้น ในจังหวะที่หยิบกระป๋องที่ 3 ออกมาเกิดหลุดมือทำให้มันตกลงกับพื้น ทำให้ของเหลวพุ่งกระจัดกระจายออกจากกระป๋อง ซึ่งในเวลานั้นเองที่สายตาเห็นเข้ากับขาของใครบางคนเดินเข้ามาทางฉันพอดี ทำให้เขาโดนเบียร์พุ่งใส่ขากางเกงเต็ม ๆ
“ว้าย! ขอโทษนะคะ ขะ...” ปากเล็กที่กำลังขยับพูดกล่าวขอโทษอยู่นั้นต้องหยุดค้าง เมื่อสบสายตากับคนตรงหน้า
“พี่” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแผ่วเบา แต่รับรู้ได้ถึงความไม่พอใจอย่างมาก
“เต...กีลา” น้องชายเพื่อนฉันกลับมาแล้ว! แล้วยังมาเจอในสถานการณ์แบบนี้อีก
กรี๊ด! ทำไมต้องเป็นเด็กนี่ด้วยเล่า!