บท
ตั้งค่า

ชา(ม)รัก : 7

“นี่แหละครับที่ผมกำลังจะให้ทั้งสองคนช่วยตัดสินอีกแรง”

ใบหน้าคนพูดจริงจังมาก ตนผู้เป็นแม่กับเพื่อนสนิทหันมองหน้ากัน

“แล้วจะให้แม่ตัดสินยังไงล่ะ”

“แม่ลองดื่มชานี้ดู”

“ใครชง”

เออ นั่นสิ ใครจะชง

ชลศึกษ์ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย เขาได้ชานี้มาก็จริง แต่ถ้าจะให้สองคนตรงหน้าช่วยตัดสินว่าเจ้าของร้านผ่านเกณฑ์หรือเปล่าในเวลานี้คงเป็นไปไม่ได้เพราะเธอไม่ได้เป็นคนมาชงชานี้เอง

“งั้นเอางี้ ผมจะลองชงชานี้ให้ทั้งสองคนดื่มดู แล้ววันหลังจะพาทั้งสองคนไปจิบชาที่ร้านเพื่อเป็นตัวชี้วัด ดีไหมครับ”

ชลศึกษ์หันไปถามความเห็นมารดาและเพื่อนสนิท

“จะทำให้ยุ่งยากทำไม มึงก็พากูกับคุณน้าไปที่ร้านเขาเลยไม่ดีกว่าเหรอ”

ก้องภพขมวดคิ้วถาม

“ตากล้องพูดถูกนะลูก วันนี้ช่วงบ่ายแม่ว่างอยู่พอดี”

คุณหญิงปิยะนุชเสริมทับอีกเสียง

“คือ...” จะพูดยังไงดี เขาเพิ่งไปที่นั่นมาวันนี้ ยังไม่อยากกลับไปซ้ำรอบสองเดี๋ยวเจ้าของร้านจะสงสัยเอา

“ผมว่าวันหลังดีกว่า ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม” ชลศึกษ์เอ่ยความในใจ

“กลัวไก่ตื่นว่างั้น” ก้องภพเอาคืนบ้าง

“ประมาณนั้น มึงก็รู้ ในประเทศเราหาคนชงชาฝีมือดีๆ มีที่ไหน เจอคนพอเข้าตาบ้างก็ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป เป็นเรื่องธรรมดา”

“ครับๆ เจ้าของโรงแรมว่ายังไงก็เอาแบบนั้น แต่อย่าลืมว่าคณะทัวร์กูใกล้เข้าประเทศแล้วนะคุณมึง”

อา... จุกจนพูดไม่ออก

อีกไม่ถึงสิบวัน คณะทัวร์ของเพื่อนสนิทที่รีเควสขอมุมจิบชาเลิศๆ ก็จะมาถึงแล้ว เขาอาจจะค่อยเป็นค่อยไปได้ แต่ชักช้าจนอืดอาดไม่ได้สินะ

“แม่เห็นด้วยกับตาก้องนะชาม ลูกเกรงใจเขาได้ แต่ถ้าลูกมัวแต่เกรงใจมากไปเราจะเตรียมการไม่ทัน”

ชลศึกษ์พยักหน้าเข้าใจสิ่งที่ผู้เป็นแม่บอก ก่อนจะมองไปยังถุงชาที่ได้มา

หรือเขาจะเริ่มทาบทามตั้งแต่พรุ่งนี้ดีนะ

วันนี้ชลศึกษ์ตื่นมาตักบาตรล้างซวยแต่เช้าอย่างที่เขาพูดไว้

“ผมคงต้องเข้าไปเคลียร์งานที่บริษัทก่อน สายๆ จะแวะมารับแม่พร้อมไอ้ก้องนะครับ” ลูกชายสุดที่รักเอ่ยบอกมารดา

“ได้ลูก เดี๋ยวแม่อาจจะชวนคุณหญิงนิจไปเป็นเพื่อน”

คุณหญิงนิจที่แม่กล่าวถึงคือเพื่อนที่อยู่สมาคมช่วยเหลือเด็กยากไร้

“ถ้าผมพาคนไปเยอะๆ เจ้าของร้านจะไม่ตกใจเหรอแม่”

ชลศึกษ์คิดอย่างตระหนัก

“ไปดื่มชานะลูก ไม่ได้พาแม่ไปดูตัวว่าที่ลูกสะใภ้”

“เจ้าของร้านคงไม่ตกใจหรอกมั้ง”

ทำไมแม่ต้องพูดแบบนั้นนะ คิดยังไงถึงได้ยกตัวอย่างเกี่ยวกับการดูตัวขึ้นมา มีเหตุผลให้ยกมากล่าวอ้างตั้งเยอะตั้งเยอะ คนเป็นลูกคิดในใจ

“งั้นก็เอาที่แม่สบายใจเลยครับ ผมไปทำงานก่อนนะ”

คุณหญิงปิยะนุชยิ้มให้ลูกชายที่หันหลังเดินไปขึ้นรถคู่ใจที่ซ่อมเสร็จแล้วจนลับสายตา

“สงสัยแม่จะมีข่าวดีเร็วๆ นี้”

เลี้ยงดู ฟูมฟักมาตั้งสามสิบสี่ปี ทำไมเธอจะมองสายตาและเดาความคิดลูกชายไม่ออก วันๆ เคยใช้สายตาวิบวับเวลาพูดถึงผู้หญิงที่ไหนกันล่ะ

แต่สำหรับเจ้าของร้านคนนี้ เพียงแค่ถูกเพื่อนแซ็วนิดหน่อย หูก็แดง แววตาก็สั่นวูบ แบบนี้มันผิดปกติจากที่เป็นอยู่

อีกทางด้านหนึ่ง ณ ร้าน Tea Time

“คุณน้ำชาจำลูกค้าคนเมื่อวานได้ไหมคะ”

แต้มที่กำลังปัดกวาดเช็ดถูร้านเพื่อเปิดรอลูกค้าเอ่ยถาม เจ้าของร้านคนสวยนึกอยู่ครู่หนึ่งเลยขมวดคิ้วเล็กน้อยว่าเธอหมายถึงใคร

“ก็คนหล่อๆ สูงอย่างกับเสาไฟที่ขอซื้อชาคาโมมายล์เราไปไงคะ”

แต้มแจงบุคลิกคนที่พูดถึงอย่างละเอียด ชาวิมลจึงพยักหน้าว่าจำได้

“เมื่อวานตอนเย็นแต้มบังเอิญเข้าไปเสพข่าวบันเทิง เห็นรูปสุดหล่อคนนั้นโชว์หน้าซุบซิบบันเทิงด้วยนะคะ” แต้มเล่าอย่างออกรสออกชาติ

“ถึงว่าหน้าตาหล่อเหลา ใบหน้าเกลี้ยงเกลา แถมยังขับรถคันละหลายสิบล้านแบบนั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดา แล้วก็เป็นอย่างที่คิดด้วยค่ะ”

คนช่างจ้อคุยไป มือก็ปัดกวาดเช็ดถูไปด้วย

“ชื่อ... อะไรน้า~”

ทำไมความจำสั้นนักนะ เมื่อกี้เพิ่งนึกได้อยู่เลย

มีแอบบ่นให้ตัวเองในใจ

“อ้อ! ชื่ออักษรย่อ ช. เจ้าของโรงแรมรื่นรมย์ โรงแรมระดับห้าดาวอันดับหนึ่งในประเทศ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel