EP10 รังเกียจ
EP10
.
.
.
2 วันต่อมา…
โรงพยาบาล
ในห้องพิเศษของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งยังมีร่างของใครบางคนนอนอยู่บนเตียง แมทมีอาการสาหัสและตำรวจก็ให้ข้อมูลมาว่าเขาเมาแล้วขับจึงทำให้เกิดอุบัติเหตุสร้างความไม่พอใจให้กับผู้เป็นพ่อและแม่ไม่น้อยที่ลูกชายตนเเองเมาเพราะผู้หญิงคนนั้นจนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น สองวันที่ผ่านมาแมทยังไม่ฟื้นจนกระทั่งมาถึงวันนี้ วันที่เขาได้สติแล้ว
"คุณ…ลูกฟื้นแล้วค่ะ" กรัตที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจแล้วหันไปบอกสามีที่นั่งอยู่บนโซฟา ภาคิณจึงเดินเข้ามาหา
"แกเป็นยังไงบ้าง"
"…" แมทไม่สามารถขยับปากตอบอะไรได้ เขาเหนื่อยจนไม่อยากพูดอะไร สายตากวาดมองหาใครบางคน
"ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้โผล่หัวมาหรอก" ภาคินพูด
"…"
"เห็นรึยังว่ายัยนั้นไม่ได้รักแก ถ้ารักป่านนี้คงมาแล้ว"
"อย่าพึ่งพูดเรื่องนี้เลยค่ะ" กรัตปรามสามีแล้วช้อนตามองเขาพร้อมจับเข้าที่ท่อนแขน
"ผมไม่พูดคงไม่ได้ ลูกชายเราเป็นขนาดนี้กับคนที่บอกว่ารักนักรักหนาไม่เห็นแม้กระทั่งเงา" คำพูดของภาคินทำให้หัวใจของชายหนุ่มมันอ่อนไหวไม่น้อย เป็นไปไม่ได้ที่ไอติมจะไม่มา เธอคงไม่รู้เรื่องเพราะครอบครัวของเขาปิดข่าวหรือไม่ก็อาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับไอติม แมทนอนคิดแล้วเหลือบมองโทรศัพท์มือถือของตนเองที่ว่างอยู่บนชั้นวางของข้างเตียงหวังจะโทรหาเธอแต่กลับถูกกรัตหยิบเอามาซะก่อน
"พักผ่อนเถอะแมท ถ้าเขาอยากมาเขามาแล้ว แม่ไม่อยากให้แมทเจอกับผู้หญิงคนนั้นถ้าเกิดมีเรื่องกันอีกแม่กลัวว่าแกจะอาการทรุดลงกว่าเดิม"
"ผม…"
"เชื่อแม่นะแมท" พูดอะไรไม่ได้อีกแล้ว ยิ่งทำแบบนี้เขาก็ยิ่งไม่อยากนอนติดเตียงเฉยๆเป็นห่วงไอติมสุดหัวใจ ชายหนุ่มหลุบตามองท่อนขาตนเองที่ถูกใส่เฝือกเอาไว้ไหนจะตามท่อนแขนและใบหน้าที่มีรอยแผล ศีรษะถูกพันด้วยผ้าปิดแผลเพราะเสียเลือดมาก ตอนเข้าโรงพยาบาลภาคินเป็นคนเสียเลือดเพื่อช่วยลูกชาย
"คืนนี้หนูหวานจะมาเฝ้า อย่าทำตัวไม่ดีล่ะ"
"…" แมทยังคงเงียบเขาได้แต่เบือนสายตามองไปทางอื่นจนกรัตถอนหายใจแล้วหันไปมองหน้าสามี
"ฉันต้องไปทำงานแล้ว ไว้พรุ่งนี้จะมาหาใหม่" ว่าแล้วก็พยักหน้าให้ภรรยาก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไป ตอนนี้เป็นคนรับใช้ในบ้านที่ต้องทำหน้าที่ดูแลแมทแต่ป้าแดงยังไม่อยู่ออกไปซื้อของข้างนอกมิวที่แอบมาเยี่ยมและทำท่าทีเหมือนรอญาติหน้าห้องพิเศษจึงเดินเข้ามาหา ทำให้แมทหันกลับไปมองเธอ
"เป็นยังไงบ้างคะ มิวหาโอกาสมาเยี่ยมพี่ไม่ได้เลย" ว่าแล้วก็หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้
"ติมไปไหน…"
"ติดต่อยังไม่ได้เลยค่ะ ไม่รู้ว่าไปไหน ไปหาที่ห้องก็ล็อก"
"เกิดอะไรขึ้นกันนะ"
"ติมคงเหนื่อยน่าจะกลับไปหาแม่ที่ต่างจังหวัดค่ะ เดี๋ยวคงกลับมาแล้ว"
"พี่ก็ขอให้มันเป็นแบบนั้น"
"พี่แมท" มิวเอ่ยเรียกคนตัวโตด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามสิ่งที่ทั้งสามคนคุยกันเมื่อกี้มันทำให้เธออดที่จะสงสัยไม่ได้จึงเลือกที่จะเอ่ยถามออกไป
"ครับ"
"หวาน…คือใครหรอคะ" คำถามของมิวทำเอาแมทถึงกับชะงัก เขาไม่กล้าตอบออกไปว่านํ้าหวานคือคู่หมั้นที่เขาไม่ต้องการแต่ถูกครอบครัวจับให้
"พี่…"
"ที่เคยมีข่าวลือ เรื่องจริงใช่ไหม" ข่าวลือที่ว่าสองครอบครัวเศรษฐีกำลังจะหมั้นกันในอีกไม่ช้า ตอนแรกมิวไม่ได้สนใจอะไรแต่พอมาได้ยินกับหูวันนี้มันทำให้เธออยากรู้ ไอติมจะได้ไม่ต้องมารู้ทีหลังและแบกความเจ็บเอาไว้คนเดียวอีก
"มิวอย่าพึ่งบอกติมได้มั้ย"
"แต่พี่กำลังจะหมั้น"
"พี่หาทางแก้ไขอยู่"
"แก้ไขยังไงคะ พี่รู้พ่อของพี่ดีกว่าใคร"
"มิว จะบอกเรื่องนี้กับติมหรอ…"
"มิวไม่ได้อยากยุ่งหรอกนะคะ แต่ตอนนี้ติมมันก็เจ็บกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากพอแล้ว" ลำพังข่าวที่มีอยู่มันก็สาหัสมากพอแล้วหากคนรู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือแมทอย่างที่ลิสท์เจมตั้งใจ พวกเขาก็จะโยงไปเรื่องหมั้นและแมทเองก็ยิ่งจะดูแย่ในสายตาคนอื่นอีกเหมือนทั้งสองกำลังหักหลังคนของตัวเอง อีกทั้งชื่อเสียงของครอบครัวนํ้าหวานอีกคงทำให้เกิดผลกระทบด้านธุรกิจและภาคินเองคงไม่ปล่อยเรื่องนี้เอาไว้นาน ไอติมคงจะถูกจัดการให้พ้นทางในอีกไม่ช้า
"พี่ขอลองพยายามดูสักหน่อยได้มั้ย ถึงเวลาที่มันไปต่อไม่ได้พี่จะบอกเอง"
"แล้วความปลอดภัยของติมละคะ"
"พี่สัญญาจะไม่ให้มันเกิดอะไรขึ้นกับติม"
"แต่ถ้ามันช้าเกินไป มิวจะบอกติมเอง"
"ถึงวันนั้นพี่จะไม่ห้าม"
"ตกลงค่ะ" มิวยอมตอบตกลงหากแมทแก้ไขปัญหานี้ได้ เธอเองก็จะไม่บอกเรื่องนี้กับไอติม แต่ถ้าชายหนุ่มจัดการช้าเกินไปเธอคงต้องบอกก่อนที่อะไรมันจะแย่ลงกว่าเดิม
.
.
.
(เกาะ SENT TAVERN)
"ที่นี้ไม่มีเรือกลับขึ้นฝั่งเลยหรอคะ" เธอถามผู้ชายชุดสีดำทั้งตัวคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าโดมขนาดใหญ่มันถูกออกแบบให้คล้ายกับคาสิโนในอเมริกา
"…" ผู้ชายชาวยุโรปคนนั้นไม่ได้ตอบคำถามของไอติมเขาทำเหมือนเธอราวกับอากาศธาตุ
ความทรงจำล่าสุดของไอติมคือเธอถูกผู้ชายใจร้ายคนนั้นผลักตกทะเล แต่พอมารู้ตัวอีกทีตัวเองก็นอนอยู่ชายฝั่งบนเกาะเดียวกัน ไอติมงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นว่าตัวเองมาที่ชายหาดได้ยังไงแต่ในเมื่อฟื้นขึ้นมาแล้ว เธอก็ไม่อยากกลับไปหาลิสท์เจมที่เรือนั้นอีกหากเขารู้ว่าเธอรอดชีวิตคงหาทางรังแก ไอติมไม่รู้เลยว่าตนเองจะต้องเจอกับอะไรเลวร้ายกว่านี้อีกหรือเปล่า
"ได้ยินหนูถามหรือเปล่าคะ หนูหลงทางมาที่นี้ค่ะ"
"…"
"คุณคะ…"
"ที่นี้ไม่มีเรือกลับฝั่ง" ผู้ชายคนนี้พูดไทยได้แต่คำตอบของเขาทำให้ไอติมพูดอะไรไม่ออก ไม่มีเรือกลับฝั่งแบบนั้นหรอ…
แสดงว่ามีแค่เรือลำนั้นที่ลิสท์เจมขับเข้ามาที่จะออกจากเกาะนี้ไปได้ เพราะสถานที่ตรงนี้ยังเป็นโปรเจกต์ลับอยู่รอเวลาเปิดตัวให้นักการเมืองและนักลงทุนทั้งหลายมาที่นี้ ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วบริเวณมันเต็มไปด้วยตึกสูงตระหง่านเหมือนตั้งอยู่ใจกลางเมือง เกาะนี้มีลักษณะเป็นวงแหวนที่มีใจกลางเป็นนํ้าทะเลสีครามและสะพานข้ามสูงสี่ฝั่งที่เชื่อมกันจุดตรงกลางมีธงชูขึ้นและเขียนว่า SENT TAVERN
"สักลำก็ไม่มีเลยหรอคะ…"
"…" ถามออกไปด้วยความสิ้นหวังพลันก็ได้กลับมาแค่ความเงียบเช่นเดิมมีแค่คำตอบนั้นประโยคเดียว
คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาแล้วก้มหน้าหมุนตัวกลับ ท้าวเล็กก้าวเดินตามพื้นหินอ่อนสีขาวที่ปูเป็นทางเดินทั่วเกาะอย่างไร้จุดหมาย เครื่องมือสื่อสารก็ไม่มี เรือกลับเข้าเมืองก็ด้วยแล้วแบบนี้จะต้องเดินกลับไปที่เรือลำนั้นหรอ แล้วมันจอดอยู่ตรงไหนล่ะเกาะนี้กว้างจะตายไป อีกอย่างเธอกลัวลิสท์เจมจับใจไม่กล้ากลับไปหาเขา…
ไอติมคิดอยู่ลำพังบนเกาะมีแค่ผู้ชายชุดดำเดินหน้านิ่งยืนเฝ้าอยู่ตามสถานที่ต่างๆราวกับเมืองร้าง คงมีแค่เธอและลิสท์เจมที่เป็นคนเข้ามาใหม่ พอรู้แบบนั้นไอติมก็เดินหาที่พักสำหรับคืนนี้มองขึ้นไปบนฟ้ามันมืดแล้วบนนั้นเต็มไปด้วยดวงดาว แม้ SENT TAVERN จะเต็มไปด้วยเเสงสีแต่มันก็แอบน่ากลัวจากอากาศที่เริ่มหนาวเหน็บเพราะมันอยู่ห่างจากเมืองมามาก
เดินอยู่ราวห้านาทีไอติมก็ทรุดตัวนั่งลงบนสะพานสองวันที่ตื่นขึ้นมามันก็เป็นที่พักให้เธอ ถึงจะหนาวไปหน่อยแต่ก็รู้สึกปลอดภัยกว่าที่อื่น เพราะคนพวกนั้นคงไม่มีใครไว้ใจได้ คนตัวเล็กทรุดตัวนั่งลงแล้วเอนแผ่นหลังพิงกับราวกั้นพลันสายตาก็เห็นเงาของผู้ชายเดินผ่านตึกกระจกใสแห่งหนึ่งเป็นกลุ่มคนราวสิบคนและหนึ่งในนั้นคือลิสท์เจม เห็นแบบนั้นจึงรีบก้มหน้ากอดเข่าตนเองเอาไว้
บนตึก
"สินค้ากำลังส่งออกในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้าครับ"
"เคลียร์เส้นทางแล้วใช่ไหม" ลิสท์เจมเอ่ยถามในตอนที่สายตาเพ่งมองผ่านกระจกใสเข้าไป ในนั้นมีกลุ่มผู้หญิงอยู่พวกเธอกำลังเจืออยู่กับความเศร้าแต่มันก็เกิดจากการตัดสินใจของตนเองทั้งหมด
"เรียบร้อยทุกอย่างครับคุณเจม"
"อืม" ใช้เวลามองดูไม่ถึงนาทีร่างหนาก็เดินออกมาด้านนอกพร้อมกับการ์ดที่ยื่นกล้องส่องทางไกลมาให้ ชายหนุ่มจึงหยิบขึ้นมาส่องไปยังบนสะพาน
"…" สายตาคมกริบมองไปที่ร่างของคนตัวเล็ก เข้าคืนที่สามแล้วที่เธอนอนอยู่ตรงนั้น และใช่…ลิสท์เจมรู้ทุกการเคลื่อนไหวของเธอ "ยังไม่ตายอีกหรอ…"
"ให้จัดการเลยไหมครับ"
"จับตัวมันมา"
"ครับคุณเจม" ว่าแล้วก็เดินไปที่ลิฟต์เพื่อรอเวลาที่ไอติมถูกจับตัวมาให้
ผ่านไปราวสิบนาทีร่างของคนตัวเล็กก็ถูกจับมาส่งที่ห้อง หันไปมองอีกทีไอติมก็นอนอยู่บนพื้นจากการถูกผลักอย่างแรง มือหนาที่ถือเครื่องดื่มค็อกเทลแกว่งไปมาแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าไอติม
"หนังหนาจริงๆเลยนะ"
"…" ไอติมพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้วช้อนตามองคนตัวโต เท้าเต็มไปด้วยบาดแผลจากการเหยียบเศษหินและเปลือกหอยเพราะเธอไม่ได้สวมรองเท้า
"ไหนๆก็ฆ่าไม่ตายแล้ว เรามาทำอะไร…ที่มันตื่นเต้นหน่อยดีกว่ามั้ย"
"…อย่าแตะต้องตัวติม" เธอพูดเสียงแผ่วแล้วยกเรียวแขนกอดตัวเอง
"ทำไม ผัวแตะไม่ได้ แต่ชู้เย็xได้แบบนี้หรอ?"
หมับ!
"อ๊ะ!?" สิ้นเสียงพูดก็สาดค็อกเทลใส่ใบหน้าหวานแล้วดึงผมให้เธอเงยหน้าขึ้น
"จำไว้นะไอติม เธอเป็นแค่ของฉันตลอด คนอื่นไม่มีสิทธิ์"
.
.
.
ทั้งเกลียดทั้งรักแบบนี้หรอพี่เจม…หรือไม่ได้รักน้องเลย
Next ep..
"อ๊ะ!" เสียงหวานหลุดครางออกมาไอติมกัดปากตนเองแน่น มือจิกลงที่บ่าแกร่งระบายความเจ็บ
"เธอคงไม่คิดถึงสัมผัสของฉัน แต่ฉันคิดถึงสัมผัสของเธอแทบขาดใจแล้วไอติม"
