บท 1 (2)
การย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะคนอุ้มบุญที่ถูกจ้างมา มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแฮะ…
ขณะที่กำลังทำความสะอาดห้องนอนของตัวเองอยู่นั้น จานินก็ได้คิดอะไรเพลิน ๆ ไปด้วย ซึ่งเรื่องหลัก ๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องการรับจ้างอุ้มบุญที่เขาตัดสินใจจะทำมันเมื่อสองสัปดาห์ก่อนนี่แหละ
และเหตุผลที่ทำนั้น นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาไม่มีเงิน
ย้อนเหตุการณ์กลับไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ระหว่างที่จานินกำลังทำงานอยู่ในร้านกาแฟอยู่นั้น ขณะที่เขากำลังเก็บแก้วกาแฟและทำความสะอาดโต๊ะที่หน้าร้าน เขาก็ได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์ของผู้หญิงคนหนึ่งด้วยความบังเอิญ โดยในตอนแรกก็เขาไม่ได้ตั้งใจจะฟังมันด้วยซ้ำ เนื่องจากนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของลูกค้า แต่เพราะจานินต้องยืนเคลียร์โต๊ะอยู่แถวนั้นนานพักใหญ่ นั่นจึงทำให้เขาได้ยินเสียงสนทนาเหล่านั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งในบทสนทนาเหล่านั้น เขาก็จับใจความได้ว่าเธอกำลังหาคนมารับอุ้มบุญให้ แถมเงินค่าจ้างนั้นก็สูงลิ่ว จนจานินได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเสนอตัวเอง
5,000,000 ก้อนนี้ คือ ค่าตอบแทน
10,000,000 ก้อนนี้ คือ ค่าตอบแทน บวกกับโบนัสหากมีลูกขึ้นมา
15,000,000 ก้อนนี้ คือ ค่าตอบแทน บวกกับโบนัสและลูกที่เกิดมาเป็นเพศชาย
แค่เงินค่าตอบแทนก็ได้เป็นหลายล้านแล้ว แถมยังทำเพียงแค่สามเดือนเท่านั้น แล้วจะให้จานินเมินเฉยต่อโอกาสรวยของตัวเองได้อย่างไร
“อุ่ย!” ตัดภาพกลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน ขณะที่จานินกำลังจะหมุนตัวกลับไปทางประตูห้อง เขาก็ต้องเผลออุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นคุณชินกำลังกอดอกแล้วยืนพิงอยู่ที่ขอบประตูห้อง
“ม—มีอะไรหรือเปล่าครับ” เขาตัดสินใจถามออกไป หลังเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ยอมพูดอะไรออกมาเสียที ซึ่งจานินก็ยืนสบตากับคุณชินกรอยู่อย่างนั้นนานพักใหญ่ ก่อนที่ในเวลาต่อมาร่างสูงจะหมุนตัวแล้วเดินกลับออกไปทันที
“อ้าว อะไรของเขาเนี่ย” เมื่อคุณชินกรเดินออกไปได้พักใหญ่แล้ว จานินก็ได้แต่พึมพำออกมาเบา ๆ อย่างไม่เข้าใจ
[ย้ายเข้าไปอยู่ที่นั่นวันแรกเป็นยังไงบ้าง?]
“…เหนื่อย”
[อะไรเนี่ย แค่มึงย้ายเข้าไปอยู่ที่นั่นวันแรกเขาก็จัดหนักมึงเลยเหรอ]
“ก็ใช่น่ะสิ ก้ม ๆ เงย ๆ ปวดเอวฉิบหาย”
[ท่าไหนวะ]
“ฮะ ท่าอะไร? นี่เราคุยเรื่องเดียวกันไหมเนี่ย”
[….]
“เพียว กูไม่ได้กำลังพูดเรื่องบนเตียงนะ แต่กูหมายถึงคุณชินเขาให้กูทำความสะอาดห้องนอนเองจนกูเหนื่อยต่างหาก แล้วที่กูต้องก้ม ๆ เงย ๆ เนี่ย ก็เพราะกูต้องปัดกวาดเช็ดถูพื้น เพราะฝุ่นมันเยอะ”
[ก—กูก็นึกว่าเรื่องบนเตียงเสียอีก]
“ไอ้บ้า” จานินด่าปลายสายที่เป็นเพื่อนสนิทเบา ๆ แล้วค่อยพูดต่อ “ขนาดคุยกันยังแทบนับคำได้เลย แล้วจะไปหวังอะไรกับเรื่องบนเตียง”
[อ้าว แล้วเขาไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับแม่ของตัวเองหรือไง?]
“เห็นแม่บ้านบอกว่าคุณชินเขาไม่เคยเห็นด้วยนะ แต่เขาก็ไม่ได้ห้าม แม่ตัวเองจะทำอะไรก็เรื่องของแม่ แต่เขาจะไม่ให้ความร่วมมือ”
[งั้นก็คงจะจริงแหละ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นแม่เขาก็คงไม่มากำชับมึงหนักหนาหรอกว่าต้องทำให้ได้]
“อือ แต่เอาจริง ๆ กูก็แอบเครียดอยู่เหมือนกัน เพราะมันก็จริงอยู่ว่ากูไม่จำเป็นต้องทำอะไรก็ได้ แค่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เป็นเวลาสามเดือนกูก็ได้เงินห้าล้านมาใช้ฟรี ๆ แล้ว แต่กูก็เสียดายเงินแทนคุณหยาดพิรุณอะ”
[เอาอีกแล้ว ไอ้นิสัยชอบคิดแทนคนอื่นเนี่ย]
“นิสัยชอบคิดแทนคนอื่นเนี่ย มันไม่ดีเลยเนอะ แต่ก็อดไม่ได้จริง ๆ” จานินเอ่ย พลางระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย โดยเรื่องนี้มันก็เป็นข้อเสียของเขาเองที่ชอบคิดมากแทนคนอื่น ขี้กังวลเสมอ ทั้งที่ตัวเจ้าของเรื่องเองอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
[แต่ว่าถ้ามึงทำไม่สำเร็จ มันก็จะเป็นเรื่องดีมากเลยนะ]
“ฮะ?”
[มึงรู้ใช่ไหมว่าการทำแบบนี้ในบ้านเรา มันผิดกฎหมาย…เพราะมึงเป็นเจ้าของไข่ที่กำเนิดตัวอ่อน]
“….”
[แล้วถ้าคุณชินเขาไม่มายุ่งย่ามกับมึง ต่างคนต่างอยู่เหมือนอย่างที่เขาลั่นวาจาเอาไว้ นั่นก็เป็นเรื่องดีแล้วล่ะ อยู่ใครอยู่มัน และตัวมึงเองก็ใช้ชีวิตในบ้านหลังนั้นจนครบสามเดือนแล้วย้ายออกมา…มันดีที่สุดแล้วหรือว่ามึงหวังเงินมากกว่าห้าล้าน?]
“กูก็ไม่ได้หวังขนาดนั้น แต่ถ้าได้มากกว่านั้นก็ดี” จานินตอบปลายสายเสียงแผ่ว
[เออ เอาเข้าไปสิ…แล้วนี่คุณชินเขาอยู่บ้านไหม หรือว่าเขาหนีมึงไปอยู่คอนโดแล้ว?]
“น่าจะอยู่แหละมั้ง กูก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันแฮะ แต่เห็นเขาขับรถออกจากบ้านไปตั้งแต่หัวค่ำแล้วนะ” จานินเอ่ย เมื่อเขาจำได้ว่าคุณชินกรขับรถออกไปจากบ้านตั้งแต่ช่วงหัวค่ำแล้ว แต่ตอนนี้ที่เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มกว่า จานินก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าอีกฝ่ายกลับมาหรือยัง หรือว่าจะไปนอนค้างที่อื่น เนื่องจากเขาย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่แล้ว
[งั้นก็ขอให้เขาย้ายไปนอนที่คอนโดแล้วกัน] สิ้นเสียงของเพียว เสียงเคาะประตูห้องของจานินก็ดังขึ้นทันที นั่นจึงทำให้คนที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ถึงกับรีบหันไปมองประตูห้องโดยพลัน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“มึง มีคนมาหา งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ” หลังบอกกับปลายสายเสร็จ จานินก็รีบกดตัดสายแล้วเดินไปเปิดประตูห้องทันที
“ค—คุณชินมีอะไรหรือเปล่าครับ?” เมื่อเปิดประตูห้องออกไปแล้วเจอคุณชินกรกำลังยืนทำหน้านิ่งอยู่ จานินก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักทันที
“ถอยไป ฉันจะเดินเข้าไปในห้อง” อีกฝ่ายตอบกลับมา แล้วนั่นก็ทำให้จานินต้องเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย เพื่อให้คุณชินกรเดินเข้ามาในห้องนอนของเขา
“แม่ของฉันจ้างนายมาเท่าไร?”
“ครับ?”
“สิบล้านบาท ฉันจะจ่ายเงินจำนวนนั้นให้นายเอง แล้วนายก็ไปยกเลิกสัญญากับแม่ฉันซะ”
50,000,000 นั่นคือตัวเลขที่ปรากฏขึ้นมาในหัวของจานิน หลังเขาถูกคุณชินกรสั่งให้ไปยกเลิกสัญญาการอุ้มบุญนี้ ซึ่งเขาก็จะต้องชดใช้คุณหยาดพิรุณเป็นจำนวนเงินห้าสิบล้าน เพื่อเป็นค่าเสียเวลา
“ไม่ครับ” แล้วเพราะตัวเลขที่ต้องชดใช้สูงลิ่วขนาดนั้น นั่นจึงทำให้จานินรีบปฏิเสธคนตรงหน้าทันที
“ไม่? มันน้อยเกินไปหรือไง”
“ไม่ใช่ครับ แต่ไม่ว่ายังไงผมจะไม่รับข้อเสนอจากคุณเด็ดขาด”
“นี่แม่ฉันไปตกลงกับนายว่ายังไงบ้างเนี่ย นายถึงซื่อสัตย์ขนาดนี้”
“….”
“โอเค ตกลงนายจะไม่รับข้อเสนอจากฉันใช่ไหม?” คุณชินกรถามต่อ
“ใช่ครับ และไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่รับข้อเสนอจากคุณเด็ดขาด” จานินบอกอีกฝ่ายอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“โอเค งั้นถือว่าฉันถามนายแล้วนะ แต่ว่านายไม่รับข้อเสนอจากฉันเอง…ถ้าอย่างนั้นคืนนี้นายก็ทำหน้าที่หน่อยสิ”
“….”
“เพราะถ้าให้เดาแม่ของฉันคงจ้างนายเป็นจำนวนเงินหลายล้าน ภายในระยะเวลาแค่สามเดือนนี้แน่ เพราะงั้นนายก็ต้องทำให้คุ้มกับเงินหน่อยสิ แล้วถ้าพูดกันตรง ๆ แล้ว เด็กเสี่ยยังได้เงินน้อยกว่านายอีกนะ” คุณชินกรเอ่ยเสียงนิ่ง และจานินก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดหยอกหรือลองเชิงอะไรทั้งนั้น
แต่คุณชินกรเอาจริง
