บท 1 (1)
บทที่ 1
“เอ่อ อันนี้เป็นห้องนอนผมเหรอครับ?”
“ใช่”
“….”
“ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น? หรือนายคาดหวังว่าห้องนอนของนายมันจะเรียบหรูรึไง?”
“เปล่านะครับ ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น”
“ถ้านายไม่ได้คิดอย่างนั้นก็ดีแล้ว และต่อจากนี้ตลอดทั้งสามเดือนที่นายต้องอยู่ที่นี่…เราสองคนก็ต่างคนต่างอยู่กัน นายไม่ต้องมาวุ่นวายหรือมายุ่มย่ามอะไรกับฉัน หวังว่านายจะเข้าใจนะ”
“….”
“อ้อ! ส่วนอุปกรณ์และเครื่องมือทำความสะอาดเก็บอยู่ที่ห้องเก็บของ ถ้านายไม่อยากนอนทั้งที่ฝุ่นยังลอยฟุ้งเต็มห้องแบบนี้ ก็อย่าลืมทำความสะอาดแล้วกัน”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ” หลังคุณชินกรผู้เป็นเจ้าของบ้านเดินออกจากห้องไปแล้ว จานินที่มาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะผู้อยู่อาศัยชั่วคราวก็ได้ถอนหายใจออกมาทันที เพราะความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นระหว่างการพูดคุยกับเจ้าของบ้านได้สลายหายไปแล้ว
ซึ่งในเวลาต่อมาจานินก็เริ่มกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องที่เขาจะต้องใช้หลับนอนตลอดทั้งสามเดือนนี้ด้วยความหนักใจ หลังเขาไม่รู้ว่าควรจะเริ่มทำความสะอาดจากตรงไหนดี
“เฮ้อ นี่แค่วันแรกก็รับน้องกันเลยเหรอเนี่ย” จานินพึมพำเบา ๆ เนื่องจากในตอนแรกเขาคิดว่าคุณชินจะใจดีและเป็นมิตรกับเขามากกว่านี้เสียอีก แต่เหมือนจานินจะมองโลกในแง่ดีเกินไป เพราะการเข้ามาอยู่ของเขาในฐานะคนอุ้มบุญที่ได้รับว่าจ้างมาจากคุณหยาดพิรุณ ผู้เป็นแม่ของคุณชินกรนั้น
…มันยังไม่ได้รับความยินยอมจากคนเป็นลูกชาย
“สวัสดีครับ ผมชื่อจานินนะครับ ไม่ทราบว่าห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดไปทางไหนเหรอครับ?”
หลังหาที่ว่างวางกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อยแล้ว จานินก็รีบเดินลงมาที่ชั้นล่างของบ้านอีกครั้ง เพื่อสอบถามกับแม่บ้านว่าห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดตั้งอยู่ตรงไหน เนื่องจากในตอนนี้เขาจะต้องรีบทำความสะอาดห้องนอนให้เร็วที่สุด เพราะเดี๋ยวดวงตะวันจะลับขอบฟ้าไปเสียก่อนและจานินก็จะไม่มีที่นอน
“สวัสดีค่ะ คุณจานิน งั้นเดี๋ยวป้าพาเดินไปเอาอุปกรณ์ก็แล้วกันนะคะ” แม่บ้านเอ่ยอย่างเป็นมิตร พร้อมเดินนำจานินไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ทันที โดยในระหว่างทางนั้นเธอก็ได้ชวนจานินพูดคุยไปด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความเงียบขึ้น
“นี่คุณจานินได้รับว่าจ้างมาจากคุณหยาดพิรุณเหรอคะ?”
“ครับ?”
“ไม่ต้องแปลกใจนะคะว่าทำไมป้าถึงรู้ เพราะคุณจานินไม่ใช่คนแรกหรอกค่ะที่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ในฐานะคนอุ้มบุญ”
“อ—อ๋อ แล้วก่อนหน้านี้มีมาเยอะเหรอครับ” จานินถามต่ออย่างใคร่รู้
“ถ้าก่อนหน้าคุณจานินก็มีมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ประมาณสองสามคนได้มั้งคะ”
“….”
“คือคุณชิน เธอไม่เคยเห็นด้วยกับเรื่องนี้น่ะค่ะ แล้วก็จริงอยู่ที่ไม่ได้ต่อต้านอะไรกับการที่คุณหยาดพิรุณทำแบบนี้ แต่นั่นก็ใช่ว่าเธอจะยอมให้ความร่วมมือด้วย อารมณ์คล้าย ๆ กับคุณแม่จะทำอะไรก็ทำไป แต่คุณชินจะไม่ยอมให้ความร่วมมือเด็ดขาด”
“แต่ว่าถ้าพูดกันตามตรงแล้ว มันก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยนะครับ ก็แค่หลับนอนกับคนที่คุณแม่จัดหามาให้โดยที่ไม่ต้องป้องกันแค่นั้นเอง”
“คุณชิน เธอมีความเชื่อว่าลูกที่เกิดมาจากความรักของพ่อแม่ ไม่ใช่ความใคร่ดีที่สุดค่ะ”
“อ่า… เรื่องนั้นมันก็จริงของเขา” เมื่อได้ยินเช่นนั้นจานินก็พึมพำเบา ๆ ในลำคอ แล้วค่อยถามต่อ “แล้ว…เขาไม่เคยพึงใจกับคนที่คุณหยาดพิรุณจัดหามาให้เลยเหรอครับ”
“สองสามคนที่ผ่านมานี้ ป้ายังไม่เคยเห็นคุณชินจะสนใจใครเลยนะคะ ป้าไม่เคยเห็นแม้แต่การสนทนากันด้วยซ้ำ ต่างคนต่างอยู่เหมือนคนแปลกหน้า เหมือนคนที่มาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้เพียงชั่วคราวเฉย ๆ ค่ะ แต่ว่า…คุณจานินก็ดูมีลุ้นอยู่นะคะ”
“ครับ?”
“ก็คุณเป็นคนแรกเลยนะคะที่คุณชินกรพาขึ้นไปดูห้องนอนด้วยตัวเอง เพราะโดยปกติแล้วจะเป็นป้าต่างหากที่พาคนของคุณหยาดขึ้นไปดูห้อง”
“ผมอาจจะมาถูกวันที่เขาว่างมั้งครับ” จานินเอ่ยพลางระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วค่อยเปลี่ยนเรื่อง “พอผมได้รู้เรื่องนี้แล้ว แม้จะรู้เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น แต่ผมก็รู้สึกได้เลยว่าแม่ลูกคู่นี้เขานิสัยคล้าย ๆ กันเลยนะครับ คุณหยาดพิรุณก็พยายามไม่เลิก ส่วนคุณชินกรเองก็ใจแข็งใช่ย่อย” จานินแสดงความคิดเห็น ซึ่งนั่นก็ทำให้แม่บ้านถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“ฮ่า ๆ ใช่เลยค่ะ นิสัยของคุณหยาดกับคุณชินเป็นอย่างนั้นเลย นี่ค่ะถึงแล้วห้องเก็บอุปกรณ์”
“….”
“จริง ๆ เมื่อวานนี้ป้าว่าจะเข้าไปทำความสะอาดให้อยู่นะคะ แต่ว่าคุณชินไม่อนุญาตค่ะ ห้องนอนของคุณจานินเลยยังคงฝุ่นเขรอะอยู่ แต่เดี๋ยวยังไงป้าจะให้เด็ก ๆ ไปช่วยทำความสะอาดอีกแรงหลังจากที่คุณชินออกไปจากบ้านแล้วนะคะ เพราะถ้าคุณทำคนเดียวมันคงไม่เสร็จง่าย ๆ”
“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอบคุณมากเลยนะครับ” จานินเอ่ยแล้วเอื้อมมือไปหยิบอุปกรณ์ปัดกวาดฝุ่น เตรียมจะนำขึ้นไปทำความสะอาดในห้องของตัวเองต่อทันที
