ตอนที่ 2 สัมภาษณ์ /2
เงาดำทะมึนสูงใหญ่ตกอยู่ในหางตา ฟางข้าวค่อยๆ ผินเสี้ยวหน้าไปมองอย่างเชื่องช้า ทั้งกลัว...ทั้งกล้า ปะปนกัน
เสียงฝีเท้าเบากริบ แต่ทว่าหนักแน่น เคลื่อนเข้ามาช้าๆ นั่นยิ่งทำให้เธอไม่กล้าหันไปในที่สุด แม้ว่าจะพยายามยืดตัวขึ้นแค่ไหน แต่ก็ปกปิดอาการสั่นเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี
ฟางข้าวเคยเชื่อว่าตัวเองเข้มแข็งได้มากกว่านี้ แต่ตอนนี้เธอไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร
เขาเหมือนพระอาทิตย์ดวงใหญ่ที่ส่องแสงจ้า จนไม่อาจจะหันสายตาไปสู้ได้ ความรู้สึกบอกหล่อนแบบนั้น หากแต่ถ้าเขาคือดวงอาทิตย์จริง ทำไมเธอถึงได้รู้สึกหนาวเหน็บมากกว่าจะร้อนเหมือนถูกเผา
และเมื่อเขาทรุดนั่งลงบนโซฟาตัวสีดำตรงกันข้าม ดวงตากลมโตก็หลุบลงต่ำกว่าปกติโดยอัตโนมัติ
สบเข้ากับแผงอกกว้าง ในชุดสูทสีดำเข้ม รับกับเนกไทสีดำลายริ้วหลุดลุ่ย ที่ระอยู่บริเวณเสื้อเชิ้ตสีเทา ปลดกระดุมสามสี่เม็ด เผยให้เห็นลอนแผงอกที่มีกลุ่มขนประปรายอยู่
ความเป็นเขาจากภายนอกเพียงแค่นั้น พลันทำเอาใจดวงน้อยของเธอเริ่มสั่น เต้นไม่เป็นส่ำรัวเร็วจนต้องเหลือบขึ้นแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความสลัวของแสงไฟพลันเกิดเงาทะมึนดำใหญ่ไปยังผนังห้องอีกฝั่ง ใบหน้าเรียบเฉยของหนุ่มใหญ่ลูกผสม ที่ตามกฎแล้วเธอต้องเรียกเขาว่า ‘แด๊ด’ ที่ย่อมาจากแด๊ดดี้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ ไม่ว่าจะผ่านการสัมภาษณ์หรือไม่
เส้นผมสีน้ำตาลเข้มถูกเซตตัวด้วยเจลอย่างดี ติดออกไปไปทางยุ่งนิดหน่อย แต่ก็เป็นแนวเดียวกัน ใบหน้าเรียวยาวได้สัดส่วน มีกลุ่มเคราดกดำโอบล้อม เสริมให้ใบหน้าคมคายกลายเป็นคมดุ
คิ้วสีเข้ากันกับเส้นผมพาดผ่าน จมูกโด่งคมย่นเล็กน้อย ดวงตารียาวมีนัยน์ตาสีน้ำตาลทองทอประกายอยู่
หากแต่คาดเดาได้ยากว่าแววตาคู่นั้น กำลังครุ่นคิดสิ่งใด เขากำลังเพ่งพิศมองเรือนร่างของเธอแบบเรื่อยเปื่อย ไม่ได้ใคร่รู้สึกถึงความพิเศษใด
หากแต่คนถูกมองกลับรู้สึกได้ ว่าเขาคงจะประเมินไปถึงเรื่องพรรค์นั้น
ก็แน่สิ...เธอมาที่นี่ก็เพื่อเรื่องพรรค์นี้นี่นะ
“ขอจุดหน่อยนะ” น้ำเสียงทุ้มกังวานเหมือนบอกกล่าวมากกว่าเอ่ยถาม
บุหรี่มวนใหญ่ ถูกจุดขึ้นในส่วนปลาย ควันสีขาวถูกอัดเข้าไปจนเต็มปอด ก่อนพวยพุ่งคลุ้งออกจากริมฝีปากหยักหนาได้รูปนั้น
ฟางข้าวตื่นตระหนกเล็กน้อย เมื่อมองตามกลุ่มควันแล้วพลันไปสบเข้ากับสายตารียาวของเขาเข้า
นารีเพื่อนรักพูดเอาไว้ไม่ผิด เขาดูดี...และไม่แก่อย่างที่คิดเอาไว้เลยสักนิด
เธอรู้ว่าเขาอายุ 47 ปีแล้ว...หากแต่รูปพรรณของเขาที่เธอเห็นตรงหน้า เหมือนหนุ่มใหญ่เสเพลมากกว่าตาแก่คราวพ่อ
มันใช่เวลามาชมเขามั้ย
“เอาหน่อยมั้ย” หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเจ้าของคำถามยื่นหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมพ่นควันบุหรี่เข้าใส่แบบไม่เกรงใจเจ้าของ
แปลก ไม่เห็นจะเหม็นฉุนเหมือนบุหรี่ทั่วไป
หญิงสาวสั่นหน้า เมื่อคำถามมาพร้อมกับยื่นสิ่งที่นิ้วแข็งแกร่งกำลังคีบอยู่เชิงจะให้
“เอาหน่อย”
นี่ไม่ใช่คำถาม เหมือนเขาย้ำว่ามันเป็นคำสั่ง แววตากลมใสดุจแก้วแวววาว ประหม่าหวาดไหว จดจ้องกลับเข้าไปในดวงตาราชสีห์ผู้ดุร้ายอย่างลืมตัว
“ฉันไม่สูบค่ะ”
ยืนยันหนักแน่น จนเขาต้องนิ่วหน้า เหยียดมุมปากหลุบลึกคล้ายจะหยัน
“ไหนๆ ก็จะ ไม่เคย แล้ว ไม่เคยให้สุดๆ เลยเป็นไง” ถ้อยคำที่ถูกเน้นทำเอาขนอ่อนทั่วร่างของแม่สาวแรกแย้มที่ยังดูใสสะอาด ชันขึ้น
บุหรี่มวนนั้นมาจ่ออยู่แถวๆ ริมฝีปาก นี่เพียงแค่เริ่มต้นเขาก็เอาใหญ่เสียแล้ว ฟางข้าวไม่แน่ใจเสียแล้วล่ะว่าตัวเองคิดถูกหรือผิด ที่เลือกทางเดินนี้
จมูกโด่งคมเกินมาตรฐานพ่นลมหายใจราดรดผ่านมายังแก้มใส
ลมหายใจเขาร้อนฉ่าราวกับควันที่พวยพุ่งออกจากเปลวไฟลุกโชน
เขายกตัวเองมานั่งเคียงข้าง พร้อมพาดวงแขนโอบไปยังไหล่กลมมนแบบไม่ได้กริ่งเกรงใจ จดจ่อ..มวนบุหรี่ที่กำลังจะเข้าสู่ริมฝีปากสาวสะพรั่ง อย่างตั้งอกตั้งใจ
เหมือนผู้ใหญ่พยายามล่อให้เด็กกินขนม
บ้าอำนาจ! บริภาษในใจก่อนเหลือบมองมวนบุหรี่ขนาดใหญ่ ที่กำลังมีควันสีขาวลอยกรุ่นอยู่แถวปลายๆ เถ้าของมันเริ่มหล่นลงตามพื้น
ทีท่าของเขาเริ่มผ่อนคลาย ดูเหมือนจะรอได้ รอให้เธอตัดสินใจรับมันเข้าไปยังริมฝีปาก
‘คืนสัมภาษณ์เขาจ่ายแก 5 หมื่น...จะผ่านหรือไม่ผ่านก็ได้ 5 หมื่น’
เสียงของเพื่อนรักดังก้องขึ้นอีกครั้ง
หึ ก็สมควรหรอก...อย่าเรียกว่าสัมภาษณ์เลยเรียกทดลองเถอะ ชิมได้เหมือนขนมก็คงจะชิมไปแล้ว
หญิงสาวกลั้นลมหายใจ ใช้เรียวนิ้วคีบสิ่งนั้นจากมือเขามาเข้าริมฝีปากตัวเองแบบรีบๆ เหมือนอยากจะให้มันเสร็จๆ ไป ดูดเข้าปากไปเหมือนคนไร้เดียงสา
“แค่กๆ”
แต่ความรีบนั้นก็ทำเอาหล่อนสำลัก ความฉุนขมปร่าของบุหรี่ แสบพร่าไปทั้งลำคอ ฉุนขึ้นจมูกจนเธอต้องโยนมันทิ้ง มองหาอะไรมาล้างลำคอแบบลืมตัวไปเลย ว่าตอนนี้กำลังโดนสัมภาษณ์อยู่
“ขม น้ำ” เสียงแหบรีบมองหาน้ำสักแก้ว หากแต่ก็ไร้วี่แวว เหลือบไปเห็นแค่แก้วคอกเทลทรงกระบอกเตี้ยใส ที่เป็นของเขาวางอยู่
“แค่กๆ”
สำลักจนหน้าแดง น้ำหูน้ำตาไหล มองไปยังคนที่นั่งนิ่งไม่ไหวติง เอนแผ่นหลังพิงกับโซฟาอย่างนึกโมโห
เขานั่งยิ้มราวกับว่าเป็นเรื่องสนุก ไม่ทุกข์ร้อนหรือห่วงใยใดๆ ทั้งสิ้น
ฟางข้าวมองตามรองเท้าคู่ใหญ่ ที่กำลังเอื้อมไปดับบุหรี่บนพื้น ออกแรงกดบดบี้เพียงนิด...มันก็ดับสนิทนิ่งไป เขาทำด้วยสายตาว่างเปล่าเรียบเฉย
แต่เธอกำลังว่างโหวงไปทั้งท้องน้อย กิริยานั้นของเขา เหมือนย้ำเตือนให้รู้ว่าหล่อนกำลังจะเป็นรายถัดไป
“ดื่มหน่อย”
คนหายใจไม่ทั่วท้องจ้องมองแก้วคอกเทลที่เขาตั้งใจรินให้แบบไม่อยากจะเชื่อสายตา
นี่เขาตาบอดหรือไร ไม่เห็นจริงๆ หรือ...ว่าเธอกำลังสำลักควันแทบตายอยู่
“ฉันก็ไม่ดื่มเหมือนกันค่ะ” เสียงเข้มของริมฝีปากจิ้มลิ้ม ทำเอาเกิดเสียงสั่นสะเทือนของเส้นเสียง ในลำคอแกร่ง ลูกกระเดือกยกขึ้นลงทั้งๆ ที่ใบหน้าเกือบนิ่ง
แววตาคมลุกวาวราวกับกำลังถูกใจอะไรนักหนา
เขาไม่เหมือนพวกมีอิทธิพลแบบเลวร้ายเสียทีเดียว เขามีความกวนประสาท เหมือนพวกหนุ่มเจ้าสำราญ เจ้าเล่ห์อะไรเทือกๆ นั้น
หล่อนสรุปกับตัวเองอย่างนึกเดือดดาลใจ
“ดื่มหน่อย”
ดวงตาคมวับมืดดำลง ขณะเดียวกันก็ยื่นเจ้าแก้วใสที่มีเครื่องดื่มสีอำพันนอนนิ่งอยู่ในนั้น จดจ่อเข้าที่ริมฝีปากสีแดงฉ่ำวาว ที่เจ้าหล่อนแต่งแต้มมาอย่างเรียบเนียน
เขาจดจ้องริมฝีปากหล่อนในขณะที่ดวงตาก็เหมือนจะมีเปลวเทียนปลิวพลิ้วไหวอยู่ในนั้นด้วย