Sugar มาเฟีย

49.0K · จบแล้ว
เทพีปรัมปรา
44
บท
2.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คำโปรย “เขาไม่ใช่ Sugar daddy ธรรมดา...แต่เป็น Sugar มาเฟีย” อารัมภบท เขาทักทายมันอย่างแผ่วเบา ใจเย็นเสียจนสะโพกผายต้องยกขึ้นลงแบบทานทนไม่ไหว นี่มันเรื่องน่าอับอายอะไรนี่ ค็อกเทลที่ดื่มไปจนหมดแก้วนั้น เริ่มออกฤทธิ์ไปในทางกระตุ้นอารมณ์ดิบลึกของมนุษย์ จนหูตาหล่อนพร่ามัวไปหมด ไอ้สะโพกที่ยกขึ้นลงเป็นจังหวะราวกับซักซ้อมมาอย่างดีกับเขานี่ก็ด้วย เกลียดนัก “ครางออกมา” ท้องนิ้วเรียวยาวแตะต้องรัวเร็วบริเวณเกสรที่เริ่มแดงปลั่ง “อ๊ะ...” ฟางข้าวขัดคำสั่งด้วยการเม้มริมฝีปากเพื่อปิดกั้นเสียงน่ารังเกียจพวกนั้น “ฉันต้องการฟังเสียงเธอ” ขณะเดียวกันนั้นท้องนิ้วร้ายก็ผลุบหายเข้าไปในช่องแคบที่ไม่เคยมีใครได้กล้ำกรายผ่าน ฝากผลงานเรื่องนี้ด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่า

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนางเอกเก่งบอดี้การ์ดนักฆ่ามาเฟียเศรษฐีโรแมนติกพระเอกเก่ง25+

ตอนที่ 1 สัมภาษณ์/1

เปลือกตาสีเข้ม ที่ถูกแต่งแต้มด้วยอายแชโดว์สีเข้มยังคงปิดสนิท ทรวงอกที่ถูกดันจนดูล้นโผล่พ้นเกาะอกตัวจิ๋ว

กระเพื่อมขึ้นลง...ด้วยจังหวะที่ไม่สม่ำเสมอ

มือบางเลื่อนลงต่ำ พยายามดึงชายกระโปรงผ้ารัดรูป ที่ร่นขึ้นมาถึงโคนขาให้ยาวลงไปอีกหน่อย แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

ความเย็นวาบที่ทาบไปทั่วร่าง ไม่ได้มาจากเครื่องปรับอากาศที่ปรับอุณหภูมิจนเย็นฉ่ำ แต่มันเป็นเพราะบรรยากาศในห้องสี่เหลี่ยมสีทึม ที่มีเพียงแสงไฟริบหรี่จากโคมไฟสีดำสลัวตรงมุมห้องนั่นต่างหาก

ถ้าจะให้นับแสงสว่างจากเปลวเทียนเล็กๆ จากเทียนหอมอโรมาหนึ่งเล่ม ที่วางอยู่บนโต๊ะกลางเล็กๆ ระหว่างโซฟาใหญ่สีดำสองตัว นี่ด้วยละก็...

อย่านับเลย

ฟางข้าว สุขบุญ ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นรอบที่ไม่รู้เท่าไหร่ เหลือบมองไปยังประตูสีดำสนิท ที่ยังคงปิดนิ่ง ถึงจะไม่มีนาฬิกาบอกเวลาว่าเธอรอมานานแค่ไหนแล้ว แต่ความรู้สึกชานิดๆ ที่สะโพกผาย ก็พอจะบอกได้ ว่ามันนานนับโขอยู่

หญิงสาวในชุดที่ไม่คุ้นเคยมองสำรวจตัวเองให้ชัดอีกครั้ง แต่แล้วแค่เพียงนิดก็ต้องรีบเมินหนี

เมินขึ้นไปบนเพดานที่เหมือนมีหมู่ดาวทั้งจักรวาลมาวิ่งวนอยู่ บางทีก็ต้องแอบนึก...

เรามาทำอะไรที่นี่?

“ไม่ๆ เราทำถูกแล้ว นี่เป็นหนทางเดียวที่เราจะได้เป็นอิสระ นี่เป็นหนทางเดียวแล้วจริงๆ”

ริมฝีปากจิ้มลิ้มพร่ำพูดออกมา เพื่อให้ก้องไปทั้งใจ ดังอยู่ในสองรูหู ตอกย้ำในตน...ว่าเธอจะต้องอดทนให้ผ่านพ้นความกลัวครั้งนี้ไปให้ได้!

“น้องฟาง...รอเดี๋ยวนะ พอดีว่าท่านมาถึงแล้ว ไปคุยอะไรกับเฮียแป๊บนึง รอไหวอยู่ใช่มั้ย” เสียงหวานๆ ของหญิงสาววัยสามสิบต้นๆ ที่ชื่อว่า โสภาหรือเจ๊โส เด็กในปกครองของเฮียเมฆ เจ้าของผับหรูในย่านเมืองแห่งการท่องเที่ยวนี้

“ไม่ไหวได้เหรอคะเจ้” ว่าติดเล่นพอให้ตัวเองได้ผ่อนคลาย แต่ก็ไม่เลย...โสภายิ้มกว้างส่งให้พร้อมส่ายหน้า ก่อนเดินออกไปด้วยทีท่าเร่งรีบ

เพราะคงจะมีงานมากโขรอให้ไปจัดการอยู่

เขาคนนี้คงจะมีอิทธิพลพอดู การมาของเขาเลยดูเหมือนจะยิ่งใหญ่ แม้จะเป็นเพียง เงียบๆ ก็ตามทีเถอะ

หญิงสาวไม่รู้หรอกว่าเขาคือใคร รู้แต่เพียงว่าเขาเป็นหนุ่มลูกผสม ไทย-ฮ่องกง-อิตาลี อำนาจในวงการสีเทาของเขาค่อนๆ ไปทางมาเฟีย และการมาเพื่อสัมภาษณ์ด้วยตัวเองแบบนี้ มักจะเกิดขึ้นไม่บ่อย

สามเดือนครั้งเห็นจะได้...เธอรับรู้ข้อมูลมาแบบนั้น

ผับแห่งนี้เป็นผับชื่อดัง ผู้คนที่มาเที่ยวในจังหวัดต่างก็รู้จักกันดี ผับนี้มีทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังที่ทางการไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้อง

ฟางข้าวเคยทำงานที่นี่ช่วงปิดเทอมหรือเสาร์อาทิตย์ ในฐานะเด็กเสิร์ฟ ก็เลยพอจะรู้จักมักคุ้นกับพี่สาวคนนี้อยู่บ้าง

‘เดี๋ยวฉันฝากแกกับเจ้โสให้ ไหวแน่นะ’

เสียงของเพื่อนรักอย่าง นารี ดังก้องเข้ามาอีกครั้ง มือเรียวเล็กอดที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสโทรศัพท์ที่มีหน้าจอมืดดำ อย่างพยายามที่จะเข้มแข็ง

เธอปิดตายมันตั้งแต่เข้ามาในห้องนี้ เพื่อที่ใจจะได้ไม่ต้องไขว้เขว

ชีวิตคนเรามันก็ไม่ได้มีทางให้เลือกอะไรมากมายนักหรอก เธอยืนยัน นอนยัน ตีลังกายันยังจะได้...

คนที่บอกว่าชีวิตเราเลือกได้ เพราะคนพวกนั้นมีทางเลือกต่างหาก

อันที่จริง ฟางข้าวก็มีทางเลือกนะ แต่แค่ไม่เยอะเท่าไหร่ ทางเลือกที่ไม่เลือกก็ไม่ได้... หึ คิดแค่นี้ความลังเลก็หายไปเหมือนปลิดทิ้ง

‘แด๊ดคนเนี้ย...งานดีมาก ไม่ได้พุงพลุ้ยเหมือนไอ้เสี่ยพวงอะไรนั่น แถมอิทธิพลเขาก็มาก เงินหนัก...ถ้าแกผ่านสัมภาษณ์นะ ถือว่าโคตรโชคดีเลย’

แต่แล้วห้วงความหวนคิดนั่นนี่ของแม่สาวนงคราญ ก็จำต้องหยุดชะงักลง เมื่อเสียงประตูห้องถูกเปิดออก

แค่เพียงกลิ่นน้ำหอมฉุนปนควันบุหรี่โชยมาก่อนสิ่งอื่นใดนั้น พลันเอาร่างทั้งร่างแข็งทื่อ แผ่นหลังตั้งตรงอัตโนมัติ