บท
ตั้งค่า

Stipulate นางบำเรอจำยอม-4ไม่มีทางเลือก

พริมากำโทรศัพท์แน่นโกรธที่เขาดูถูกเธอทั้งการกระทำและคำพูด เธออุตส่าห์หนีเขาออกมาแล้วทำไมเขาต้องโทรมาพูดทำให้ตัวเธอนั้นดูด้อยค่ามากกว่าเดิมอีก คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงขายตัวยังไม่พอยังต้องการตัวเธอไปเป็นนางบำเรอให้อีก และเมื่อนึกถึงเรื่องที่พึ่งผ่านพ้นมาดวงหน้าหวานก็หม่นลงดูหมองเศร้าขึ้นทันที ร่างบางเอนกายลงนอนพร้อมกับปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลรินออกมาอาบแก้มจนเปียกหมอนและผล็อยหลับไปอีกครั้ง

ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก

" เทียนหอม ตื่นหรือยังลูก " อำภาเคาะประตูเอ่ยเรียกบุตรสาวเมื่อเห็นว่าเวลาเย็นมากแล้ว แต่เมื่อไม่มีเสียงตอบรับนางจึงเปิดประตูเข้าไปทันทีเมื่อเห็นว่ามันไม่ได้ล็อก

" อุ๊ย! ตายแล้วทำไมตัวร้อนแบบนี้ " อำภาตกใจเมื่อเอื้อมมือไปเขย่าตัวปลุกหญิงสาว

" อือ.แม่กลับมาแล้วเหรอ? " หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาไอร้อนจากผิวกายและลมหายใจระอุขึ้นจนอำภารับรู้ได้

" ไม่สบายเหรอลูก? " หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง

" ค่ะแม่ พอดีตอนเทียนกลับบ้านฝนตกเลยเปียกฝน " พริมาตอบพลางหลุบตาลงต่ำพลางคิดถึงสาเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้เธอจับไข้

" แล้วทำไมไม่หาที่หลบฝนก่อนเห็นไหมป่วยจนได้ แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้วเดี๋ยวให้เพชรยกมาให้นะลูกคืนนี้เทียนก็พักไม่ต้องตื่นมาช่วยแม่ทำกับข้าวหรอก เดี๋ยวแม่ให้เพชรมันช่วยแทน " อำภาบอกพลางใช้หลังมืออังที่หน้าผากบุตรสาว

" เทียนว่านอนพักอีกสักหน่อยก็คงดีขึ้น เดี๋ยวเทียนลุกไปทำเองดีกว่าแม่กับน้องพักผ่อนเถอะตอนเช้าค่อยลุกไปขายของ " พริมาปฏิเสธเธอไม่อยากให้มารดาเหนื่อยเพราะปกติตนจะเป็นคนเตรียมกับข้าวต่าง ๆ ไว้ให้แม่ไปขายในตอนเช้าซึ่งต้องลุกขึ้นทำตั้งแต่ตีสามเธอจึงไม่อยากให้มารดาเหนื่อย

" อย่าดื้อดูซิตัวร้อนยังกับไฟ แม่ทำได้เทียนไม่ต้องเป็นห่วงหรอกลูกนอนพักเถอะ " อำภาดุเมื่อเห็นว่าบุตรสาวยังคงดื้อรั้น

" งั้นก็ได้ค่ะ " พริมาพยักหน้ารับเพราะพิษไข้เริ่มเล่นงานเธอหนักขึ้นอีกทั้งอาการปวดหัวและไหนจะความเจ็บตรงบริเวณนั้นอีก

" แล้วงานที่สัมภาษณ์เป็นไงบ้างลูก? " อำภาเอ่ยถามและเมื่ออีกฝ่ายได้ฟังใบหน้าและแววตาก็แปลเปลี่ยนดูหม่นเศร้าขึ้นทันที

" คือ..ทางบริษัทเขาบอกจะติดต่อมาใหม่ค่ะแม่ ไม่ต้องกังวลหรอกนะเทียนสมัครไว้หลายที่ไม่ได้ตรงนี้ที่อื่นก็ยังมี " พริมาโกหกคำโตเพราะที่จริงแล้วเธอไม่ได้เข้าไปสัมภาษณ์เลยแต่ถูกเอาไปทำอย่างอื่นแทน ยิ่งคิดน้ำตาก็พานจะไหล หญิงสาวจึงนอนลงหันหน้าหนีมารดาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้สังเกตได้

" ไม่เป็นไรลูก เรายังพอมีเวลา " อำภาบอกเพราะกลัวว่าพริมาจะคิดมากและกดดันตัวเองมากไปอีกอย่างวันนี้ตนนั้นได้เข้าไปคุยกับเสี่ยอำพลเพื่อขอเวลาจนถึงสิ้นเดือนเพื่อหาเงินไปชำระค่าดอกเบี้ยให้ซึ่งอีกฝ่ายก็ตกลง

พูดจบอำภาจึงเดินออกจากห้องลูกสาวและจัดการหาข้าวหายาและให้พชรเอาเข้าไปให้พริมาที่ห้องนอน และเมื่อสองพี่น้องเจอกันก็พูดคุยกันสักพัก พข้าวแกงจึงยกถาดอาหารออกมาเก็บด้านพริมาเมื่อกินข้าวกินยาเสร็จก็เอนกายนอนและหลับอย่างง่ายดายอาจด้วยพิษไข้ที่เล่นงานเธออยู่ตอนนี้

*-*

ภูวดลนั่งยิ้มเยาะอย่างชอบใจเมื่อเลขาคนสนิทรายงานว่าเรื่องที่มอบให้ไปจัดการตอนนี้เรียบร้อยทุกเรื่องแล้ว ชายหนุ่มนั่งมองโฉนดที่ดินด้วยสายตาอย่างผู้ชนะก่อนที่จะเอ่ยถามเลขาคนสนิทด้วยน้ำเสียงเรียบ

" จับตาดูเธอไว้ด้วย กูอยากจะรู้นักว่าเก่งอีกสักกี่น้ำ " สั่งจบเขาก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้นวมใหญ่ยกมวนบุหรี่ขึ้นสูบพ่นควันขาวอย่างอารมณ์ดี

" ครับ " นทีตอบรับเพียงสั่น ๆ แม้ในใจคิดอยากจะช่วยเธอเพียงไหนแต่ด้วยหลายสิ่งมันจึงทำให้เขาต้องทำร้ายเธอซ้ำเป็นครั้งที่สอง และเขาก็ยิ่เจ็บใจตัวเองมากขึ้น

" ออกไปได้แล้วกูจะคุยกับแวนด้า " ภูวดลโบกมือไล่พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยใบหน้ามีความสุข นทีรับคำก้าวเดินออกจากห้องด้วยสมองที่หนักอึ้ง

*-*

 ครืด~ครืด

 (ฮัลโหลว่าไงเพชร) พริมารับสายเอ่ยถามน้องชายที่โทรมาหาตน

( พี่เทียนแย่แล้ว! ) พชรตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงร้อนรนใจ

( เกิดอะไรขึ้นเพชร! ) เมื่อได้ฟังน้ำเสียงจากคนปลายสายพริมาก็ลุกขึ้นนั่งอย่างเร็วจนเกิดอาการหน้ามืดเพราะกลัวว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับแม่และน้อง ดีที่เธอยังอยู่ที่นอนไม่งั้นได้ล้มลงพื้นเจ็บตัวแน่

( เจ๊ดาเจ้าของตลาดบอกว่าไม่ให้เราขายของที่หน้าตลาดของเขาแล้วพี่ )

( ทำไมเหรอเพชร ถามเจ๊เขาหรือยัง ) พริมาเอ่ยถามน้องชายไปตามสายด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรนไม่ต่างกัน

( แม่ถามแล้ว )

( แล้วเขาว่ายังไง? )

( เขาบอกว่าที่จอดรถของตลาดไม่พอ เลยต้องเอาที่ตรงเราขายของทำที่จอดรถแทนไม่อย่างงั้นเขาจะโดนเทศบาลว่า เพราะเมื่อวานเทศกิจมาเตือนแล้ว ) พชรบอกพี่สาวถึงเหตุผลที่เจ้าของตลาดไม่ให้ขายของต่อ

( ไม่จริง เราขายมาตั้งนานตั้งแต่ไหนแต่ไรทำไมเทศกิจพึ่งมาไล่ ) 

( เพชรไม่รู้ ตอนนี้แม่กำลังคุยกับเจ๊ดาอยู่ เดี๋ยวยังไงเพชรโทรหานะขอไปดูแม่ก่อน ) พชรขอวางสายเมื่อเห็นว่ามารดานั่งร้องไห้โดยมีเจ๊ดาเจ้าของตลาดยืนทำหน้าอย่างคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

( เดี๋ยวพี่ไปหาที่ตลาด พี่จะไปคุยกับเจ๊เอง ) พริมาบอก

( พี่ไหวเหรอ? ) พชรเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

( ไหวรอพี่ก่อนนะ ) พริมาบอกน้องชายก่อนที่เธอจะค่อย ๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาแม้ว่าตอนนี้จะรู้สึกปวดหัวปวดกายมากแค่ไหนก็ตาม

" แม่ เพชร เป็นยังไงบ้างทำไมขถึงมาอยู่กันตรงนี้ " พริมารีบถลาเข้าไปหามารดาและน้องชายที่นั่งอยู่ใต้ต้นหูกวางด้านหน้าตลาด

" เทียนหอม เขาไม่ให้เราขายของแล้วลูก " อำภาบอกลูกสาวท้อใจมือยับย่นยกขึ้นเช็ดหยาดน้ำตาด้วยความเศร้า

" เทียนจะเข้าไปคุยกับเจ๊ดา เพชรดูแม่ด้วย " หญิงสาวเอ่ยสั่งน้องชายพลางก้าวเท้าเดินตรงไปยังจุดที่เจ๊ดายืนอยู่

" เจ๊ดา สวัสดีค่ะ " พริมาเอ่ยเรียกพร้อมยกมือทั้งสองขึ้นไหว้ทักทายเจ้าของของที่ตลาดที่ยืนแกว่งพัดในมือไปมา

" มีอะไร? " เจ้าของตลาดเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจนักต่างจากทุกครั้งที่อีกฝ่ายมักจะพูดคุยเมตตากับครอบครัวเธอเสมอ

" เทียนขอขายข้าวแกงต่อได้ไหมคะ? " พริมาเอ่ยถามพร้อมกับลุ้นกับคำตอบของอีกฝ่าย

" ไม่ได้! " เจ้าของตลาดร่างอ้วนท้วมตอบกลับหญิงสาวมาทันที

" ทำไมล่ะคะเจ๊ พวกเราก็ขายมานานเกือบสิบปีและทำไมพึ่งมามีปัญหาตอนนี้คะ ทั้งที่ค่าที่เราก็จ่ายให้เจ๊ทุกเดือน " พริมาเอ่ยถามพร้อมกวาดสายตามองบริเวณหน้าตลาดซึ่งร้านอื่นยังขายปกติยกเว้นร้านเธอที่ถูกไล่และที่สำคัญพื้นที่ตรงนั้นไม่มีรถมาจอดแต่กับมีเชือกล้อมกั้นที่ไว้แขวนด้วยป้ายห้ามเข้า

" เอาเป็นว่าเจ๊ให้เทียนขายไม่ได้แล้ว เจ๊ขอตัวก่อนนะ "

" เดี๋ยวซิคะเจ๊คุยกับเทียนก่อน! " พริมาเอ่ยเรียกแต่ดูเหมือนไร้ผลเมื่อหญิงนั้นเดินหันหลังจากเธอไปอย่างไม่ไยดี

พริมาทำอะไรไม่ถูกหญิงสาวจึงเดินไปที่ร้านน้ำเต้าหู้ด้านข้างพร้อมกับเอ่ยถามซึ่งเจ้าของร้านนั้นสนิทกับเธอมาก เขาจึงบอกว่าแท้จริงแล้วเทศกิจไม่ได้มาไล่ที่อะไรทั้งนั้น แต่มีชายชุดดำหลายคนมาขอพบเจ๊ดาและเมื่อเข้าไปคุยกันสักพักเจ๊ดาก็ออกมาบอกว่าตรงนี้ห้ามใครขาย ซึ่งลุงข้างร้านรู้ข้อมูลเพียงแค่นั้นพริมาจึงไม่ซักถามอะไรอีกและฝืนกายที่ปวดร้าวเดินตรงมาหามารดาและน้องชายที่นั่งอยู่ใต้ต้นหูกวางพร้อมกับกวาดสายตามองหม้อข้าวหม้อแกงที่ตอนนี้เหลือเต็มหม้อด้วยความเสียใจ

" เราเข็นขายกันไปตามทางก็ได้ค่ะแม่ อย่างน้อยถ้าเราขายได้มันยังพอได้ทุนคืนบ้าง " พริมาบอกทั้งสองอย่างหมดหวังเมื่อรู้ว่าตนและครอบครัวถูกปิดกั้นไม่ให้ค้าขายที่นี่อีกแล้ว

" เดี๋ยวเพชรเข็นรถและเรียกลูกค้าให้เอง แม่กับพี่เทียนเดินเฉย ๆ พอ " พชรลุกยืนขึ้นบอกพี่สาวและแม่พลางเดินอ้อมไปที่รถข้าวแกงคู่ใจเตรียมเข็นเดินไปตามริมขอบถนน

"ฝากด้วยเพชร " พริมาบอกน้องชายด้วยใบหน้าซีดเซียว สามคนแม่ลูกจึงพากันเข็นรถข้าวแกงเดินกลับพร้อมกับเรียกลูกค้าตลอดทาง ถึงแม้ว่าข้าวแกงจะขายไม่หมดแต่มันก็ยังดีที่พกเธอนั้นยังพอจะได้ทุนคืนบ้างเกือบครึ่งจากที่ซื้อของไปเมื่อวาน

พริมาถึงกับต้องกุมขมับเมื่อบริษัทที่เธอยื่นเรซูเม่สมัครงานไปนั้นไม่มีที่ไหนติดต่อกลับมา แถมบริษัทที่เคยนัดสัมภาษณ์กลับขอยกเลิกและบอกว่าได้พนักงานแล้ว หญิงสาวจำต้องแต่งเดินหาสมัครงานตามบริษัทต่าง ๆ ที่ติดป้ายรับพนักงานตามวุฒิที่ตนเองมีไปเรื่อยอยู่หลายวัน

แต่พริมาก็ต้องผิดหวังทุกครั้งเมื่อเข้าไปสมัครที่บริษัทไหนพอยื่นเรซูเม่ให้หญิงสาวก็ถูกปฏิเสธทุกครั้ง และเหตุผลที่เธอได้จากฝ่ายบุคคลคือเต็มแล้วแต่เมื่อเธอเดินออกมาปรากฏว่าคนถัดไปต่อจากเธอกลับได้กรอกใบสมัครและรอเรียกสัมภาษณ์ พริมาได้แต่เก็บกักความเสียใจไว้ข้างในก้าวเดินหาสมัครงานต่อไปอย่างไม่ลดความพยายาม 

มือเล็กล้วงกระเป๋าหยิบเศษเหรียญออกมานับด้วยความอดสู และเมื่อนับแล้วเงินติดตัวก็มีอยู่แค่สามสิบห้าบาทซึ่งถ้าตนซื้อน้ำดื่มเงินค่าโดยสารรถเมล์ตอนกลับบ้านก็คงไม่พอ พริมาเก็บเศษเหรียญเข้ากระเป๋าเดินตรงไปที่ป้ายเมล์เพื่อรถรอบต่อไป เวลานี้ทุกอย่างที่เธอกำลังเผชิญมันดูหนักอึ้งเหลือเกินมือบางยกขึ้นปาดน้ำตาพร้อมกับบอกกับตัวเองให้สู้ต่อและเมื่อเห็นว่ารถประจำทางเที่ยวที่รอมาแล้วหญิงสาวจึงเดินขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน

" หึ! เริ่มแผนต่อไปได้เลย " ภูวดลเอ่ยสั่งนทีเลขาคนสนิทที่ทำหน้าที่ขับรถด้วยน้ำเสียงและใบหน้าเย้ยหยัน ชายหนุ่มรู้สึกสะใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นคนพยศจนมุม 

คราแรกเขานั้นนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวภายในบริษัท แต่เมื่อได้รับรายงานจากคนสนิทว่าพริมาเข้าไปสมัครงานตามบริษัทต่าง ๆ แต่ถูกปฏิเสธเนื่องด้วยอำนาจของเขา ชายหนุ่มจึงสั่งให้นทีขับรถคอยตามดูพริมาโดยที่เขานั่งอยู่เบาะหลังเฝ้ามองเธอด้วยแววตาสะใจ

พริมากลับมาถึงบ้านก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นว่าบริเวณหน้าบ้านมีป้ายประกาศขายติดไว้อยู่พร้อมร่างของมารดานั่งสะอื้นไห้โดยมีพชรน้องชายคอยประคองอยู่

" แม่! เพชร! เกิดอะไรขึ้น ทำไม ทำไมมีป้ายนี้หน้าบ้านเรา " พริมาเอ่ยถามด้วยความสงสัยป่นตกใจที่เห็นแบบนี้

" เทียนลูก เสี่ยอำพล ฮึก! เขาขายที่เราให้คนอื่นแล้วเขากำลังจะขายที่ของเราลูก " อำภาเอ่ยบอกบุตรสาวทั้งน้ำตา

" เสี่ยอำพลขายที่เราไป ไหนแม่บอกว่าเรามีเวลาถึงสิ้นเดือนไงคะ " พริมาถามกลับอย่างตกใจและคิดไม่ถึงว่าต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ เพราะทุกอย่างมันประเดประดังเข้ามาพร้อมกันทีเดียว

" ใช่ลูก " อำภาบอกและไม่นานก็มีรถยุโรปคันหรูจอดที่หน้าบ้านพร้อมกับชายชุดดำอีกห้าเดินลงจากรถตรงเข้ามาหาสามแม่ลูก

" สวัสดีครับ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัท ไพศาล พร็อมเพอร์ตี้ " ชายชุดดำหนึ่งในห้าเอ่ยขึ้นจนคนฟังถึงกับนิ่งงัน

" ไพศาล พร็อมเพอร์ตี้ " พริมาเอ่ยชื่อบริษัทที่อีกฝ่ายแนะนำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

" ที่ดินผืนนี้เสี่ยอำพลได้ขายให้กับบริษัทของเราแล้ว ซึ่งทางบริษัทมีโฉนดมายืนยันและทุกอย่างทางเราได้มาอย่างถูกต้อง " พูดจบชายคนดังกล่าวก็หยิบโฉนดที่ดินขึ้นมาชูให้อีกฝ่ายได้ดู และเมื่อสามแม่ลูกเห็นโฉนดแผ่นนั้นอำภาก็ถึงกับเข่าทรุดทันทีที่เมื่อรู้ว่ากำลังจะสูญเสียผืนดินที่ตนและสามีรวมกันก่อร่างสร้างตัวตัวมา

" ฮึก! ฮือออ "

" แม่! " พริมาตกใจรีบคว้าร่างมารดาไว้ทันทีเมื่อเห็นว่าร่างซูบผอมกำลังจะทรุดลง

" แม่! " พชรตกใจไม่แพ้พี่รีบถลาเข้าไปรับร่างมารดาไว้เช่นกัน

" พอมีวิธีไหนขอผ่อนปรนได้ไหมคะ " พริมาเอ่ยถามอย่างคนจนตรอก

" ผมไม่ทราบครับ ผมรับหน้าที่มาแค่นี้ ถ้าคุณต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมก็สามารถไปที่บริษัทติดต่อประชาสัมพันธ์และขอนัดพบ คุณ ภูวดล รัตนะไพศาล โดยจะมีคุณนทีเลขารับเรื่องต่อครับ " ชายชุดดำบอกจากนั้นทั้งหมดจึงพากันขึ้นรถกลับโดยที่ไม่ลืมใช้แนวกั้นล้อมรอบบ้านและที่ดินของอำภาไว้ 

" เทียน ฮือ "

" พี่เทียน เราจะทำยังไงกันดี "

" แม่กับเพชรไม่ต้องคิดมากนะพรุ่งนี้พี่จะไปคุยกับเขาเอง " พริมาพลางนึกถึงคำพูดของชายหนุ่มที่บอกเธอไว้ก่อนที่วางสาย " งั้นเธอก็ช่วยจำชื่อฉันให้ดีแล้วกันว่าฉันชื่อ ภูวดล รัตนะไพศาล เพราะฉันเชื่อว่าสักวันเธอต้องคลานเข้ามาขอร้องอ้อนวอนแทบเท้าฉันแน่ "

จากนั้นทั้งสามจึงพากันเข้าเดินกลับเข้าบ้านพริมาได้เปิดเอกสารที่ชายชุดดำยื่นให้ก่อนพากันขับรถออกไปออกดู ซึ่งข้อความในแผ่นกระดาษดังกล่าวแจ้งว่าให้เธอและครอบครัวย้ายออกจากก่อนสิ้นเดือนนี้ และเมื่อพริมาได้อ่านข้อความดังกล่าวนั้นหยาดน้ำใสก็หล่นร่วงลงมาไหลอาบแก้ม เมื่อนึกถึงภาพที่แม่และน้องชายต่างพากันร้องไห้เศร้าเสียใจ หญิงสาวจึงตัดสินใจที่จะขอเข้าพบรองประธาน บริษัท ไพศาล พร็อมเพอร์ตี้ ในวันพรุ่งนี้ และไม่ว่าอีกฝ่ายนั้นจะต้องการอะไรเธอก็พร้อมที่จะทำตามข้อเสนอทุกอย่างเพราะเธอนั้นไม่อาจเห็นมารดาต้องทุกข์ใจต่อไปอีกได้และนาทีนี้เธอนั้นไม่มีทางเลือก

" แม่! พี่เทียน! แม่เป็นลม! "

_______

*ภูวดลอีช้อยขอสาปแก ซับน้ำตาสงสารหนูเทียน*

____

*มาส่งตอนต่อไปให้แล้วงับ พรุ่งนี้อัพให้รัว ๆ สองตอนนะคะ ชดเชยที่วันนี้มาช้า ฝากกดไลค์คอเม้นท์กดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะขอบคุณค่ะ*

______

*มึคำผิดขออภัยด้วยถ้าเจอเม้นท์บอกไรท์ได้นะค่ะ ขอบคุณค่ะ*

ท______

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel