Stipulate นางบำเรอจำยอม-3บีบคั้น
พริมารู้สึกโล่งใจเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วไม่เจอมารดาและน้องชายเพราะทั้งสองยังไม่กลับจากขายข้าวแกง หญิงสาวพาร่างที่บอบช้ำเข้าห้องน้ำชะล้างคราบคาวออกจากกาย แววตาหม่นเศร้าฉายชัดมากยิ่งขึ้นเมื่อมองเห็นเรือนร่างของตัวเองที่มีแต่รอยแดงช้ำผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำ
" ฮึก..ฮืออ " มือเล็กยกขึ้นกอดปลอบประโลมตัวเองและปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลรินไปกับสายน้ำที่ไหลผ่านฝักบัวร่วงหล่นลงมาชโลมกาย
" อ้าวพี่เทียนกลับมาแล้วนี่ " พชรพูดขึ้นเมื่อเห็นรองเท้าของพี่สาวถูกถอดวางอยู่หน้าบ้าน
" มาแล้วเหรอ แม่ก็นึกว่ายังไม่กลับเห็นไม่แวะไปหาที่ตลาด " อำภาบอกเพราะพริมาบอกว่าถ้าสัมภาษณ์งานเสร็จจะไปช่วยขายของที่ตลาด
" พี่เทียนน่าจะเหนื่อยแหละแม่ ให้เขานอนพักเถอะตรงนี้เดี๋ยวเพชรทำเอง " พชรบอกมารดาเพราะเมื่อเช้าก่อนที่พริมาจะออกไปหญิงสาวก็ลุกขึ้นมาตั้งแต่ตีสามเพื่อทำกับข้าวเตรียมให้มารดาและตนออกขาย
" เดี๋ยวแม่ทำเองดีกว่า เพชรไปพักเถอะลูก " อำภาปฏิเสธเพราะไม่อยากให้ลูกชายต้องเหนื่อย
" แม่นั่นแหละไปพัก เพชรทำได้แม่ไม่ห่วงแค่เก็บล้างของเอง เดี๋ยวเพชรยกของเข้าบ้านก่อนไปพักเถอะ " พชรบอกเขาไม่อยากให้มารดาต้องเหนื่อยอะไรที่พอจะทำได้เขาก็จะทำ
ถึงแม้ว่าพชรจะอยู่ในช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อแต่เขาก็ไม่เคยที่จะทำตัวเกเรให้คนในครอบครัวเสียใจหรืออาจจะมีบ้างตามวัยแต่ก็ไม่ได้หนักหนาส่วนมากจะเป็นเรื่องเรียนซะมากกว่า กลับกันเขายังพยายามที่ช่วยแบ่งเบาภาระต่าง ๆ ของแม่และพี่สาวด้วยซ้ำ แต่ด้วยวุฒิภาวะและองค์ประกอบหลายอย่างเขาจึงยังช่วยอะไรไม่มากอย่างที่ตั้งใจ
" ก็ได้งั้นแม่ขึ้นไปขึ้นบ้านก่อนนะฝากตรงนี้ด้วยลูก " อำภาบอกและเดินเข้าบ้านเพื่อเตรียมตัวพักผ่อน ด้านพชรเองก็จัดการยกหม้อยกชามลงมาล้างทำความสะอาดและยกวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ได้ซื้อมาเข้าครัวเพื่อใช้ทำเมนูในวันพรุ่งนี้
*-*
ภูวดลนั่งพ่นควันขาวจนโขมงห้องพลางเคาะนิ้วลงโต๊ะอย่างคนใช้ความคิด เพราะเวลาที่ชายหนุ่มนั้นคิดอะไรหรือตั้งใจฟังอะไรเขามักจะมีบุคลิกของเขาแบบนี้เสมอ อยู่ ๆ ภาพเหตุการณ์เมื่อสองชั่วโมงที่ผ่านมาก็ปรากฏขึ้นมาในหัว ภาพเรือนร่างขาวผ่อง แต่เรื่องที่เขาดูจะถูกใจมากเป็นพิเศษเห็นทีจะเป็นเรื่องที่เขาได้เปิดบริสุทธิ์เธอต่างหาก
และเรื่องนี้มันจึงทำให้เขามีความคิดที่จะเอาเธอนั้นมาเป็นนางบำเรอไว้ชั่วคราวในระหว่างที่รอคู่หมั้นกลับมาจากเมืองนอกทั้งที่เรื่องแบบนี้ไม่เคยอยู่ในหัวเขาเลย อาจเพราะไม่อยากมีบ่วงรัดคอและไหนจะมารดาที่ค่อนข้างเข้มงวดกับเรื่องแบบนี้เป็นอย่างมาก เพราะท่านรักและเอ็นดูแวนด้าจึงไม่อยากจะให้มีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น แต่ถ้าเป็นครั้งคราวท่านไม่ห้ามเพราะยังไงเขาก็คือผู้ชายมันก็ต้องมีกันบ้างเรื่องแบบนี้ซึ่งท่านเองก็เข้าใจเพราะแบบนี้เขาจึงเรียกใช้บริการเด็กในสังกัดของซูซี่บ้างเป็นบางครั้งเวลาที่อยากจะระบายและปลดปล่อย
...LINE...
Dol ... ตอนแรกกูให้เวลามึง24ชั่วโมงตอนนี้กูเปลี่ยนใจแล้วภายใน1ชั่วโมงกูต้องได้ประวัติผู้หญิงนั้นจบนะ
Tee ... ครับ
_______
เมื่ออีกฝ่ายรับปากภูวดลจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินกลับเข้าไปที่ห้องนอน หยุดยืนมองตรงเตียงนอนที่บนผ้าปูมีรอยจุดสีแดงเลอะกระจายเต็มอยู่ ตอกย้ำให้รู้ว่าเขานั้นคือผู้ชายคนแรกของเธอคนนั้นและรอยยับย่นจากศึกรักรอบสุดท้ายที่ดูจะหนักหน่วงและรุนแรงมากกว่าสองรอบแรกอีกเสียด้วย
ชายหนุ่มยืนมองมันด้วยแววตาปรารถนาความวาบหวามก่อเกิดขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่เขานั้นพึ่งจะปลดปล่อยมันออกไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ชายหนุ่มรีบสลัดความคิดพวกนี้ออกจากหัวพลางกดเบอร์โทรภายในสั่งให้แม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาดห้องนอน จากนั้นเขาจึงเดินไปถอดชุดคลุมอาบน้ำออกเปลี่ยนใส่ชุดสูทคว้ากุญแจรถขับออกจากบริษัทกลับมารอฟังข่าวจากเลขาคนสนิทที่คอนโดหรูของตนแทน
ติ้งต่อง..ติ้งต่อง
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงเสียงกดกริ่งก็ดังขึ้นมาจากหน้าห้อง ภูวดลรู้ในทันทีว่าคนสนิทได้ทำตามคำสั่งเรียบร้อยแล้ว เขาจึงไม่รอช้ารีบเดินไปที่ประตูเปิดให้อีกฝ่ายเข้ามาทันที
" เรียบร้อยครับคุณดล " นทีรายงานพร้อมกับยื่นซองเอกสารให้อีกฝ่ายได้ดู
" พูดมาเลยกูขี้เกียจอ่าน " ภูวดลโยนซองสีน้ำตาลลงบนโต๊ะเอนหลังพิงโซฟาตัวใหญ่รอฟังเลขาคนสนิทรายงานด้วยท่าทีสบาย ๆ
" เธอชื่อว่าเทียนหอมครับ อายุยี่สิบสองอาศัยอยู่กับแม่และน้องชายส่วนพ่อเสียไปได้สามปีแล้ว ที่บ้านทำอาชีพขายข้าวแกง บ้านอยู่แถวชานเมือง แม่ชื่ออำภา พ่อชื่อพงษ์พัฒน์ ส่วนน้องชายชื่อเพชรอายุสิบเจ็ดปีครับ " นทีรายงานสิ่งที่รู้มาให้ผู้เป็นนายได้ฟัง
" ชั่วโมงหนึ่งมึงได้เรื่องแค่นี้? " ภูวดลเลิกคิ้วสูงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงประชด
" มีอีกครับ " นทีบอกเมื่อเห็นว่าตนเหมือนจะถูกตำหนิ
" มึงก็พูดมาซิ จะหยุดทำไมเร็ว ๆ " เขาบอกพลางทำน้ำเสียงหงุดหงิดและเมื่อนทีเห็นดังนั้นจึงพูดขึ้นต่อ
" ผมทราบมาว่าเธอเรียนจบแค่ ป.ว.ส ไม่ได้เรียนต่อเพื่อให้น้องชายได้เรียนแทน เพราะตั้งแต่นายพงษ์พ่อของเธอเสียด้วยโรคประจำตัวแม่ของเธอก็ทำงานคนเดียวมาตลอด และเห็นว่าพึ่งจะตรวจเจอโรคประจำด้วยสุขภาพเลยไม่ค่อยจะดี ที่สำคัญเมื่อวันก่อนเห็นว่าเสี่ยอำพลคนที่แม่ของเธอเอาที่ดินไปจำนองไว้มาขู่ยึดที่ถ้าไม่ยอมจ่ายค่าดอกเบี้ย คุณเทียนหอมเลยหางานทำและได้กรอกใบสมัครแผนกแม่บ้านที่บริษัทได้ลงรับสมัครไว้ และวันนี้เป็นวันที่ฝ่ายบุคคลของเรานัดสัมภาษณ์พอดีเธอเลยมาที่นี่ ส่วนน้องชายที่ชื่อเพชรก็ดรอปเรียนไว้ก่อนเพราะต้องช่วยแม่ขายข้าวแกงแทนครับ "
นทีบอกทุกอย่างที่สืบมาจนหมด มันทำให้เขารู้สึกผิดกับพริมามากที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ และยิ่งรู้ประวัติครอบครัวเขาก็ยิ่งรู้สึกแย่กับสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไป ถ้าเขาสังเกตหรือใช้สมองคิดสักนิดเรื่องร้ายคงไม่เกิดขึ้นกับเธอ เขาจึงคิดที่จะหาทางขอโทษและรับผิดชอบการกระทำของตัวเองและเจ้านายไม่ว่าแบบไหนเขาก็ยอมจะให้รับผิดชอบโดยการแต่งงานเขาก็ทำได้ไม่รังเกียจ เพราะความรู้สึกแรกที่เขาได้เห็นหน้าและมองเธอตอนอยู่ในลิฟต์ก็รู้สึกตกหลุมรักเธอเช่นกัน แต่ตอนนั้นเขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงอย่างว่าจึงคิดอกุศลกับเธอเรื่องที่ว่าจะไปติดต่อกับซูซี่เพื่อใช้บริการเธอต่อจากเจ้านาย
" มึงกำลังหมายความว่าผู้หญิงคนนี้มาสัมภาษณ์งานตำแหน่งแม่บ้านไม่ใช่เด็กที่ซูซี่ส่งมาให้กู " ภูวดลเอ่ยถาม
" ครับเพราะผมเข้าว่าเธอเป็นคนที่ซูซี่ส่งมาให้ เพราะผู้หญิงคนนี้เดินมาจากหลังบริษัทผมก็ไม่รู้ว่าเธอมาสัมภาษณ์งานเห็นว่าไม่พูดอะไร อีกอย่างผมก็นัดกับเจ๊ซูซี่ไว้หลังบริษัทด้วยเพราะปกติไม่ค่อยมีใครใช้ประตูหลังนี่ครับถ้าจะมีก็มีแต่คุณดล " นทีบอกพลางก้มหน้าหลบสายตาของผู้เป็นนายตอนนี้ความรู้สึกหลายอย่างวนเวียนอยู่ในหัวมากมายโดยเฉพาะความรู้สึกผิดต่อพริมา
" อืม " ภูวดลเอนกายพิงโซฟาใหญ่ยกสองแขนขึ้นประสานกันหนุนศีรษะอย่างใช้ความคิด ด้านนทีจึงไม่ได้เอ่ยอะไรต่อเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายนั้นตอบมาเพียงแค่นั้น
" กูพูดตรง ๆ ว่ากูอยากได้ผู้หญิงคนนั้นมาเลี้ยงดู " ภูวดลพูดหน้านิ่ง ๆ ต่างจากอีกคนที่พอได้ยินก็ถึงกับอึ้งกิมกี่
" แต่.."
" กูรู้ว่ามึงจะพูดว่าอะไร กูรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ไม่ต้องห่วงว่าคุณแม่หรือใครจะรู้เพราะทุกอย่างมันจะต้องเป็นความลับมึงไม่พูดกูไม่พูดก็จบ ส่วนผู้หญิงคนนั้นกูเชื่อว่าเอาอยู่ " ภูวดลเอ่ยแทรกขึ้นเพราะเขารู้ว่านทีนั้นกำลังจะพูดอะไร เขาจึงอธิบายให้เลขาคนสนิทได้ฟัง
" แล้วถ้าคุณแวนด้ากลับมาล่ะครับ นี่ก็ใกล้ขึ้นกำหนดแล้วด้วย " นทีเอ่ยถามเจ้านายหนุ่มถึงวิธีจัดการปัญหาถ้าคู่หมั้นของเขานั้นกลับมา
" ก็แค่ชั่วคราว ไม่ได้จริงจังอะไร ก็เอาไว้ฆ่าเวลาช่วงรอแวนด้ากลับมา อีกอย่างกูจะได้ไม่ต้องไปหาซื้อกินให้เสียเวลาด้วย และที่กูชอบที่สุดคือเธอสะอาด " ภูวดลพูดต่อด้วยท่าทีสบาย ๆ อย่างไม่ยี่หระเพราะเขาเชื่อว่าอำนาจเงินของเขานั้นสามารถซื้อได้ทุกอย่างแม้กระทั่งผู้หญิงคนนี้
" และถ้าคุณเทียนหอมไม่ยอมล่ะครับ " นทีถามหยั่งเชิง
" เอาเป็นว่ากูมีแผน แต่ตอนนี้มึงลองต่อสายหาเธอซิ " เขาบอกพร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
" แต่..."
"กูให้มึงโทรก็โทร แล้วมึงก็พูดตามที่กูบอก " ชายหนุ่มสั่งเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเหมือนจะไม่เห็นด้วยกับความคิดของเขา ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมครั้งนี้เลขาคนสนิทถึงพยายามที่จะขัดทั้งที่ปกติไม่ว่าเรื่องอะไรนทีจะรีบทำตามคำสั่งเสมอเขาคิดในใจ
" ครับ " นทีจำใจต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายกดโทรออกตามเบอร์โทรที่อยู่ในประวัติจากที่เขาสืบมาทั้งที่ชายหนุ่มไม่อยากทำแบบนี้เลย และยิ่งได้รู้ความคิดของเจ้านายหนุ่มตัวเขาเองก็ยิ่งรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้พริมาต้องเจอเรื่องแบบนี้
...ครืด..ครืด...
เสียงสั่นแจ้งของโทรศัพท์เครื่องเก่าปลุกให้คนที่กำลังหลับใหลเพราะโดนพิษไข้เล่นงานให้รู้สึกตัวตื่น มือบางควานหาโทรศัพท์เจ้าปัญหาที่กำลังสั่นถี่รัวอยู่ข้างหมอน และเมื่อเจอและหญิงสาวจึงกดรับทันทีโดยที่เธอนั้นยังไม่ลืมตาด้วยซ้ำ
( สวัสดีค่ะ ) พริมากรอกเสียงไปตามสายอย่างงัวเงีย
( สวัสดีครับ ผมนทีนะครับ ) คนปลายสายตอบกลับ คิ้วเล็กขมวดมุ่นเพราะเธอไม่เคยรู้จักคนที่ชื่อนี้ก่อนมา เธอจึงถามกลับคนปลายสายอย่างสงสัย
( เออคือคุณโทรผิดหรือเปล่าคะ ดิฉันไม่เคยรู้จักคนที่ชื่อนที )
( เออคือ ผมเป็นเลขาของคุณ ภูวดล รัตนะไพศาล รองประธานบริษัท ไพศาล พร็อมเพอร์ตี้ ครับ..)
( คุณโทรมาทำไม? ) พริมเปิดเปลือกตาพรึ่บตกใจสุดขีดเมื่อได้ยินชื่อบริษัทที่อีกฝ่ายพูดออกมา เพราะการไปที่บริษัทนั้นทำให้เธอเจอเรื่องที่น่าอดสูในวันนี้
( คือเจ้านายผมแจ้งว่าคุณลืมหยิบเช็คเงินสดไปครับ ท่านจึงให้ผม... )
( บอกเจ้านายคุณเก็บไว้เถอะค่ะ ฉันไม่ต้องการเพราะฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวอย่างที่พวกคุณคิด ถ้าไม่มีอะไรแล้วดิฉันขอวางสายนะคะ ) พริมาไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบเธอจึงพูดขึ้นแทรกทันที และเธออยากจะบอกให้พวกเขารู้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว เรื่องที่เกิดขึ้นเธอจะถือซะว่ามันเป็นเวรเป็นกรรมของเธอเอง
( เดี๋ยว! ครับเอ่อคือว่า เจ้านายผมสนใจอยากจะเลี้ยงดูคุณ ไม่ทราบ....) นทีพูดตามที่เจ้านายหนุ่มเขียนใส่กระดาษยื่นให้อย่างจำใจ แต่คำพูดเขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อถูกอีกฝ่ายพูดแทรกขึ้นอีกอีกครั้ง
( ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นฝากบอกเจ้านายของคุณด้วยว่าฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ฉันมีศักดิ์ศรีมากพอกว่าเศษเงินของเจ้านายคุณเรื่องที่เกิดขึ้นฉันจะถือว่ามันเป็นแค่ฝันร้าย ) พริมาฉุนจัดที่โดนอีกฝ่ายดูถูกตนขนาดนี้
( งั้นเธอก็ช่วยจำชื่อฉันให้ดีแล้วกันว่าฉันชื่อ ภูวดล รัตนะไพศาล เพราะฉันเชื่อว่าสักวันเธอต้องคลานเข้ามาขอร้องอ้อนวอนแทบเท้าฉันแน่ ) พูดจบภูวดลจึงกดวางสายทันทีแววตาลุกโชนด้วยเพลิงโทสะ เพราะไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าว่าและปฏิเสธเขามาก่อน และเมื่อพูดดี ๆ ไม่ชอบเขาก็คงต้องเล่นบทโหดคนอย่างภูวดลอยากได้อะไรก็ต้องได้
" ที "
" ครับคุณดล "
" มึงไปติดต่อเสี่ยอำพลบอกว่ากูต้องการที่ดินผืนนั้น ราคาจำนองไว้เท่าไหร่กูให้สองเท่า " ภูวดลพูดด้วยน้ำเสียงจนนทีรู้สึกเครียดเพราะกลัวว่าเจ้านายจะทำรุนแรงเกินไปเขาห่วง ห่วงหญิงสาวที่ต้องมาซวยเพราะเขา
" ครับ " เลขาหนุ่มจำต้องรับคำสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
" เดี๋ยว! จัดการทำให้แม่ของผู้หญิงคนนั้นไม่มีที่ทำมาหากินและอย่าลืมส่งเรื่องบอกทุกบริษัทไม่ให้รับเธอคนนั้นเข้าทำงานด้วย " ภูวดลสั่งซ้ำเสียงเข้ม นทีคำนับรับคำจากนั้นจึงเดินออกไปด้วยท่าทางเคร่งเครียดทันที
" เธออยากลองดีกับฉันเองนะพริมา "
________
*คุณดล! นี่คุณจะร้ายเกินไปแล้วนะ แกจะทำแบบนี้กับลูกสาวฉันไม่ได้นะ ว่าแต่แอบสงสารนทีนะอยู่แบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแถมตกหลุมรักเทียนหอมอีก…เฮ้ออ*
_____
*มาส่งตอนต่อไปให้แย้วงับเรื่องนี้จะค่อนข้างดราม่ากว่าพี่ภูมิและเฮียนักรบนะคะ เซตนี้จะมีสี่เรื่องนะคะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามค่ะ ฝากกดไลค์คอมเม้นท์พูดคุยเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะขอบคุณค่ะ
______
*มีคำผิดขออภัยจะรีบแก้ไขให้คะ อ่านเจอเม้นบอกไรท์ได้น๊าาขอบคุณค่ะ*
_____