ตอน เมื่อไหร่จะได้เข้าไปในนั้นบ้าง
เวลา 02:45 น.
บ้านของแมน
พริกเงยหน้ามองบ้านที่อยู่ห่างจากร้านสักของแมนเพียงสามซอยด้วยแววตาคิดถึง หลังจากที่เขาเรียกแกร็บให้มารับที่คลับ เขาก็บอกจุดหมายปลายทางให้คนขับรู้ นั่นก็คือที่นี่..
“หลับไปแล้วมั้ง” พริกพึมพำกับตัวเองเบาๆแล้วหยิบกุญแจสำรองที่เขาแอบเอาไปปั๊มมาไขเข้าไปด้านใน
บ้านของแมนเป็นบ้านที่ออกแนวไปทางหวานเหมือนกับบ้านของผู้หญิงไม่มีผิด เพราะดูจากม่านสีชมพูดที่ติดอยู่ทางหน้าต่างกับของกระจุกกระจิกที่วางอยู่รอบๆ แถมทางเข้าบ้านยังมีกลิ่นดอกกุหลาบติดเอาไว้ เมื่อใครเข้ามาก็จะได้กลิ่นของมันแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
ขาเรียวรีบเดินขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็วด้วยความคิดถึงเจ้าของบ้าน และเมื่อไปถึงชั้นสอง สายตาของพริกก็จ้องมองประตูที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งชั้นนี้จะมีเพียงห้องเดียวเท่านั้น พริกจึงไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหยุดอยู่ที่ประตูห้องแมนทันที ก่อนจะใช้มือจับไปที่ลูกบิดแล้วค่อยๆหมุนออกช้าๆ มุมปากของพริกยกยิ้มขึ้นเมื่อรู้ว่าแมนไม่ได้ล็อคห้องอย่างที่เขาแอบกังวลในตอนแรก
“มึงเข้ามาทำไมที่บ้านกู”
เสียงเข้มของแมนดังขึ้น ทำให้คนที่แอบเข้ามาสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ พริกยิ้มแหยเมื่อเห็นแมนนั่งทำหน้าบึ้งบนเตียงนอน เขารีบเดินเข้าไปด้านในก่อนจะหันมาปิดประตูให้สนิทตามเดิม
“พี่ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ” พริกถามเสียงอ้อมแอ้ม
“กูตื่นตั้งแต่ที่มึงไขประตูบ้านเข้ามาแล้ว”
“พี่ได้ยินด้วยเหรอ”
“หูกูไม่ได้หนวกนี่ทำไมจะไม่ได้ยิน แล้วตีนมึงก็ใช่ว่าจะเบา ตีนหนักขนาดนั้นต่อให้หลับเหมือนตายยังไงก็ต้องตื่น” แมนพูดเสียงนิ่ง พลางหันไปหยิบยางมัดผมที่ข้างเตียงมารัดผมที่มีอยู่ครึ่งหัวของตัวเองให้กลับสู่สภาพเดิม
พริกเดินไปหาแมนใกล้ๆแล้วยิ้มอ้อน
“นี่มันกลิ่นเหล้านี่..” แมนขมวดคิ้วและยื่นหน้าเข้าไปใกล้พริก
“เอ่อ..” พริกอึกอักเมื่อเห็นสายตาของแมนที่จ้องเขม็งมาที่เขา
“มึงแดกเหล้ามาเหรออีพริก!” แมนลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดไฟทันที จนตอนนี้ห้องทั้งห้องได้สว่างวาบขึ้นมา
พริกได้แต่ยืนยิ้มแหยๆให้แมน โดยไม่พูดแก้ตัวอะไรออกมา เพราะรู้ดีว่าถ้าแมนโมโหเมื่อไหร่ เขาก็ไม่ควรทำตัวให้แมนโมโหเพิ่ม ไม่อย่างนั้นทุกอย่างมันจะแย่ลงกว่านี้
“พรุ่งนี้มึงบอกว่ามึงจะให้กูติวให้ แต่นี่มึงเสือกไปแดกเหล้ามาอ่ะนะ”
“ก็..เพื่อนมันชวนอ่ะ” เสียงแผ่วของพริกทำให้แมนถอนหายใจออกมาหนักๆ
“แล้วเมาหรือเปล่า”
“หึ ไม่ได้เมา”
“แต่ไม่เหมือนเดิมใช่ไหม” แมนถามต่ออีก พริกเองก็ยอมพยักหน้าอย่างจำนน เพราะเขารู้สึกไม่เหมือนเดิมจริงๆ แต่แค่มีสติครบถ้วน รับรู้เรื่องราวในตอนนี้ทุกอย่างแถมยังรู้ด้วยว่าตัวเองเพิ่งทำอะไรลงไป
“เฮ้อออ กูไม่ว่าควรดีใจแทนพ่อแม่มึงดีไหม ที่มีลูกเป็นอีขี้เมาแบบมึงเนี่ย” แมนท้าวเอวแล้วมองหน้าพริกอย่างเอือมๆ
“พริกขอโทษ ก็..เพื่อนมันชวนอ่ะ แต่พริกไม่ได้กินเยอะนะ แค่กินพอสนุกๆแค่นั้นเอง”
“ก็ลองมึงกินเยอะดูสิ กูจะตบมึงให้ส่างเลยคอยดู”
พริกแบะปากนิดๆแล้วขยับตัวเข้าไปใกล้แมน ก่อนจะลองจับแขนของแมนเบาๆ เมื่อไม่เห็นแมนปฎิเสธหรือผลักออกเหมือนเดิม เขาก็ค่อยๆเอาหน้าไปถูไถกับแขนของแมนอย่างอ้อนๆอีกครั้ง
“เป็นเหี้ยอะไรอีก” แมนขมวดคิ้วถามออกไป แต่น้ำเสียงกลับดูอ่อนลงกว่าตอนแรกที่พริกได้ยิน
“มึนหัวอ่ะ”
“แล้วแดกทำไมตั้งแต่แรก ทีงี้ล่ะมาทำสำออย” แมนว่าออกมาเสียงขุ่นด้วยความโมโห แต่พริกกลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังดุเขามากกว่าที่จะด่าเหมือนทุกครั้ง
“งื้อออ อย่าดุหนูได้ไหม” พริกช้อนสายตามองคนที่ตัวสูงกว่าตัวเองเล็กน้อย
“มึงคิดว่ามึงทำแบบนี้แล้วน่ารักหรือไง ไม่รู้ตัวเหรอว่ามึงเหมือนหมาโกเด้นตัวเท่าควายกำลังอ้อนกูอยู่ ทุเรศ” แมนผลักหน้าผากของพริกเบาๆ พริกยิ้มหวานแล้วดึงแมนไปนั่งที่เตียง ส่วนตัวเขาก็นั่งตักแมนที่ทีนึง
“ด่าพริกว่าหมาเนี่ย แล้วอยากโดนหมาเลียปากไหมล่ะ”
“เลียปากบ้านป้ามึงสิ แล้วนี่..ตัวอย่างกับควาย เสือกมานั่งตักกูเหมือนลูกหมาตัวเล็กๆอยู่ได้ มึงไม่อายหรือไง” แมนมองหน้าพริกนิ่งๆ แต่มือกลับรองไปที่บั้นท้ายเพราะกลัวว่าอีกคนจะตกลงไป
“อายทำไมอ่ะ ก็ตักพี่นิ่มนี่แถมยังรับน้ำหนักพริกได้พอดีเลยด้วย..เหมือนร่างกายพี่เกิดมาเพื่อพริกเลยอ่ะ”
“มึงไม่ใช่หนุ่มน้อยตัวเล็กๆน่ารักๆนะอีพริก เลิกทำตัวแอ๊บแบ๊วใส่กูสักที รำคาญ” แมนว่าไปอย่างนั้นเอง แต่แท้ที่จริงเขาแล้วเขาไม่ได้รู้สึกอย่างที่พูดไปเลยสักที กับรู้สึกชินในท่าทีของพริกแบบนี้ไปแล้วมากกว่าแต่ที่ต้องพูดออกไปแบบนั้นเพราะไม่อยากให้พริกรู้สึกได้ใจที่เขาใจดีกับอีกฝ่าย
“ไม่รู้ไม่ชี้ ตอนนี้พริกง่วงแล้วอ่ะ อยากนอนกอดพี่แมนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว” พริกซบไปที่อกของแมนแล้วเอาหน้าถูไถไปมา
แมนถอนหายใจออกมาหนักๆแล้วมองคนที่อ้อนตัวเองด้วยสายตานิ่งๆ โดยไม่ได้ตอบอะไรออกไป มือที่ประคองบั้นท้ายของพริกอยู่ค่อยๆดันให้พริกนอนราบไปบนเตียงของตัวเอง ซึ่งพริกก็ได้แต่มองการกระทำที่อ่อนโยนของแมนงงๆ เพราะจู่ๆแมนก็ดูใจดีกับเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“มองหน้ากูทำไม หน้ากูเหมือนพ่อมึงหรือไง”
พริกแบะปากใส่คนปากร้ายอย่างงงอนๆที่อีกฝ่ายเอาแต่พูดจาสวนทางกับการกระทำอยู่ตลอดเวลาแบบนี้
“ปากไม่ดีเลย”
“เรื่องของกู ส่วนมึงก็นอนได้แล้ว บอกว่าง่วงแต่เสือกพูดมากอยู่นั่นแหละ” แมนห่มผ้าให้พริกด้วยท่าทีนิ่งๆ ส่วนตัวเขาก็เดินไปปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ พริกที่เห็นแบบนั้นก็ไม่รอช้า รีบเข้าไปกอดแมนทันที ก่อนจะถามในสิ่งที่ตัวเขาอยากรู้ออกไป
“พี่แมน”
“อะไรของมึง”
“พี่..รักเขามากไหม”
แมนปลายตามองผมนุ่มของพริกที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วยสายตาที่อ่านยาก
“มึงจะถามให้ตัวมึงเจ็บเองทำไม”
“ก็พริกอยากรู้ว่าอีกนานไหมที่พริกจะได้เข้าไปอยู่ในนั้นเหมือนเขาบ้าง”
“ชอบเป็นตัวแทนคนอื่นนักหรือไง” แมนขมวดคิ้วเมื่อพูดจบ
“เปล่า แต่พริกชอบพี่นี่ เผลอๆ..อาจจะรักไปแล้วด้วยซ้ำ” พริกขยับตัวซุกหน้าเข้าไปตรงอกของแมนมากขึ้น แมนถอนหายใจออกมาเล็กน้อย มือเรียวที่ทาเล็บเจลสีชมพูอ่อนค่อยๆยกขึ้นโอบไหล่ของพริก
“มึงเมาแล้วพูดมากฉิบหาย เก็บปากไว้แดกข้าวตอนเช้าเถอะ ไม่ต้องพูดอะไรต่อแล้ว” แมนตัดจบแล้วแสร้งหลับตาลงเมื่อพริกเงยหน้าขึ้นมามองเขา
“ก็รักไปแล้วจริงๆนี่”
“……………”
“หลับก็ได้” พริกแบะปากเล็กน้อยแล้วค่อยๆหลับตาลงตามคนที่กอดตัวเองอยู่
เวลาผ่านไปสักพักเสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอของพริกก็ทำให้แมนรู้ทันทีว่าตอนนี้อีกฝ่ายคนเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วเรียบร้อย เขาค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับมองดวงตาที่หลับพริ้มของพริกนิ่งๆ
“กูมีอะไรดีวะ มึงถึงได้เกาะติดกูนัก..เด็กน่ารำคาญอย่างมึง ใครจะอยากได้เป็นเมีย” แมนส่ายหน้าไปมา ก่อนที่สติของเขาจะทวนในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดเมื่อกี้
“เดี๋ยวนะ..นี่กูอยากมีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ กูมีผัวอยู่ไม่ใช่เหรอ ถึงจะเป็นผัวแค่คืนแรกเมื่อสองปีที่แล้วก็เถอะ” แมนถามตัวเองอย่างงงๆ
อันที่จริงเรื่องราวระหว่างเขากับนิคนั้นมันเกิดขึ้นเมื่อตอนที่อีกฝ่ายรถเสียแล้วเอารถมาที่อู่ของเขา และเพียงครั้งแรกที่แมนเห็นนิค เขาก็รู้สึกตกหลุมรักทันที เพราะนิคนั้นตรงสเปคเขามาก จนเวลาผ่านไปได้เดือนกว่าๆ เขาก็ลองมีอะไรกับนิคครั้งแรกที่บ้านของนิคเอง และเป็นครั้งเดียวที่เขาได้มีอะไรกัน เพราะแมนรู้สึกไม่ค่อยชอบเรื่องแบบนี้เท่าไหร่แล้วพยายามหาทางเลี่ยงนิคตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมา โดยไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเพื่อนสนิทของแมน
“เฮ้อออ จะยังไงก็ช่าง กูไม่มีทางเอาเด็กเปรตอย่างมึงมาเป็นเมียกูหรอก เด็กหน้าอย่างหลังอย่าง..ใครจะอยากอยู่ด้วยวะ” แมนกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ ยามที่นึกถึงนิสัยที่แท้จริงของคนที่กอดเขาอยู่
“หึหึ ต่อหน้าเพื่อนทำเป็นเก่ง ปากดี หาเรื่องต่อยตีกับเขาไปทั่ว แต่พออยู่กับกูก็เสือกตอแหลทำตัวเป็นลูกหมาเชื่องๆ..แต่โทษทีว่ะ คิดจะหลอกคนตอแหลแบบกู คือมึงต้องตอแหลกว่าเท่านั้น ไม่งั้นก็จะถูกจับได้แบบนี้นี่แหละ อีโง่” แมนแบะปากใส่พริกนิดๆ แล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นราวกับจะรัดคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ให้หายใจไม่ออก และสาเหตุที่เขารู้ราวของพริกดีขนาดนี้เพราะเขาได้สั่งให้ลูกน้องของตัวเองไปแอบตามสืบพริกอยู่เงียบๆ ว่าตอนที่อีกฝ่ายอยู่นอกสายตาของเขา ได้ทำอะไรไม่ดีหรือไม่ และพอได้คำตอบจากลูกน้องของตัวเอง มันก็ทำให้แมนรู้ทันทีว่าพริกเป็นเด็กแสบกว่าที่เขาคิด..และทำตัวซ่าสมกับชื่อของตัวเองจริงๆ
..
..
เช้าวันต่อมา
“ตื่นได้แล้วไอ้พริก! จะนอนแดกบ้านแดกเมืองไปถึงไหน”
พริกขยับหน้าหนีเสียงรำคาญที่ได้ยินทันที
“ไอ้พริก..”
“………….”
แมนที่อาบน้ำแต่งตัวพร้อมที่จะออกไปทำงานแล้ว ได้แต่ยืนท้าวเอวมองไอ้หมาโง่ขี้เซาอย่างเอือมๆ
“ห้องก็ห้องกู เสือกนอนเหมือนเจ้าของห้องเลยนะมึง”
“อื้ออออ” เสียงอื้ออึงในลำคอของพริก บ่งบอกได้ดีว่าเจ้าตัวคงรำคาญเสียงของแมนมากแค่ไหน
“อีห่านี่แม่ง จิ๊! อยากนอนก็นอนไปเลยนะมึง นอนให้ตายห่าไปเลย” แมนด่าเสียงแหลม ก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมตัวพริกใหม่อีกครั้ง แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ โดยที่แมนไม่ลืมที่จะหันไปมองที่เตียงอีกครั้งเพื่อดูว่าคนที่หลับอยู่ได้นอนแบบสบายๆแล้ว
++++++++++++++