ตอน ปากร้ายใจไม่ร้ายเหมือนปาก
-คำหยาบค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ หากใครรับไม่ได้กรุณากดออกนะคะ-
..
..
“เฮ้อออ ดุเก่งชะมัด นี่เป็นผัวหรือเป็นพี่เนี่ย” พริกบ่นอุบ หลังจากโดนแมนทิ้งให้อยู่ในห้องทำงานของตัวเอง
ดวงตาคมกวาดมองไปรอบๆเพื่อสำรวจ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปทางเก้าอี้ของแมนที่เจ้าของใช้นั่งเมื่อสักครู่นี้
“ไหนบอกไม่ชอบกันไง แล้วนี่อะไร..ของที่ซื้อให้ตอนนั้นยังอยู่ที่เดิมเลย” พริกอมยิ้มนิดๆ เมื่อเขาเห็นกระบองเพชรจิ๋ว ที่เขาซื้อให้ในวันเกิดของแมนเมื่อปีที่แล้วยังคงวางอยู่บนโต๊ะทำงานของเจ้าตัว ทั้งๆที่ตอนนั้นแมนเป็นคนบอกกับเขาเองว่าไม่อยากได้และจะเอาไปทิ้ง แต่พริกยังดีใจได้ไม่เท่าไหร่รอยยิ้มของเขาก็ต้องหุบลงอย่างช้าๆ เพราะสายตาไปเห็นกรอบรูปที่วางคู่กับต้นกระบองเพชรของเขา ซึ่งเป็นรูปถ่ายของแมนกับคนรัก มือเรียวหยิบกรอบรูปขึ้นมาดูใกล้ๆแล้วแบะปากใส่ผู้ชายหุ่นล่ำผิวแทนที่เป็นแฟนของคนที่เขาแอบชอบ
“มีดีก็แค่เงินนั่นแหละ นอกนั้นไม่เห็นมีอะไรสู้เราได้เลย แหวะ!” พูดจบก็ค่อยๆวางกรอบรูปลงที่เดิม โดยไม่ให้แมนรู้สึกสงสัยหรือเอะใจ เพราะแมนนั้นค่อนข้างเจ้าระเบียบมาก และไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับของส่วนตัวของตัวเองเท่าไหร่นัก ถ้าใครมาจับของบนโต๊ะแล้ววางไม่เหมือนเดิม แม้จะเป็นแค่การวางเอียงเพียงนิดเดียวก็ตาม แมนจะรู้ได้ทันทีว่ามีคนมายุ่งกับของบนโต๊ะของตน
“เราคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ไม่งั้นพี่มันต้องเห็นเราเป็นแค่น้องแบบนี้ตลอดไปแน่” พริกคิดไม่ตกถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา
ใครหลายคนต่างก็บอกว่าเขาเป็นคนซื่อๆ ไม่ค่อยทันคน คำพูดคำจาก็สุภาพอ่อนโยน แต่สิ่งที่คนเหล่านั้นเห็นไม่ใช่สิ่งที่เขาเป็นจริงๆเลยสักนิด และคนที่จะยืนยันนิสัยจริงๆของเขาได้มันก็คือเพื่อนสนิทของเขานั่นเอง เพราะพวกมันเองก็รู้ว่านิสัยของเขาจริงๆนั้นตรงข้ามกับสิ่งที่แสดงออกให้ครอบครัวและแมนเห็นทุกอย่าง และสาเหตุที่เขาต้องปิดบังตัวตนของตัวเองเอาไว้ ก็เพราะเขาอยากให้แมนรู้สึกรักและเอ็นดูเขาเหมือนคนบอบบางคนนึง ถึงร่างกายจะมาดแมนไปสักนิดก็ตาม
ครืดดด
เสียงประตูเลื่อนที่ถูกเปิดออกโดยฝีมือเจ้าของร้าน ทำให้พริกรีบเดินออกห่างจากโต๊ะทำงานของแมนทันทีและกุลีกุจอไปนั่งโซฟาด้านข้างแทน
“สำนึกได้หรือยัง” แมนถามเสียงนิ่ง
“สำนึกแล้วครับ”
แมนจ้องหน้าเด็กหนุ่มที่นั่งก้มหน้าสำนึกผิด ใบหน้าของพริกนั้นดูเศร้าอย่างเห็นได้ชัดและมันทำให้หัวใจอันบอบบางดุจหญิงสาววัยแรกรุ่นอดที่จะรู้สึกสงสารไม่ได้
“วันหลังมึงก็อย่าทำแบบนี้อีก สำนึกแล้วก็ไสหัวกลับบ้านมึงไปซะ แล้วอาทิตย์นี้ก็ไม่ต้องมาหากู”
พริกลุกขึ้นยืนแล้วรีบเดินเข้าไปกอดแขนแมนทันที
“ไม่เอา!! ทำไมพี่ไม่ยอมให้หนูมาอ่ะ ก็หนูสำนึกผิดแล้วนี่ไง”
“ไม่ต้องมาอยากรู้ให้มาก มึงรู้แค่ว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้มึงมาหากูไม่ได้ก็แค่นั้น”
“ทำไม!”
“เอ๊ะอีนี่ มึงจะถามมากทำไม กูบอกไม่ต้องมาก็คือไม่ต้องมาไง”
“ไม่! ยังไงหนูก็จะมา พี่ห้ามหนูไม่ได้หรอก”
“อีหน้าด้านนี่”
“ก็ด้านแล้วมันได้ ถ้าอายก็อดดิ”
“กูหมดคำจะพูดกับมึงแล้วนะอีพริก”
“งั้นก็ไม่ต้องพูดไง”
“ทำไมมึงเป็นเด็กที่ไม่รู้ฟังแบบนี้วะ พิการทางหูหรือไง” แมนถอนหายใจออกมาหนักๆอีกครั้ง
“แล้วทำไมพี่ถึงไม่ให้หนูมาพรุ่งนี้ละ พี่ก็ตอบมาดิ..หรือว่ายังโมโหอยู่ ก็หนูบอกแล้วไงว่าหนูสำนึกผิดแล้ว จะไม่ทำแล้ว โอเคปะ”
“กูไม่ได้โมโหมึงแล้ว”
“เอ้า แล้วทำไมไม่ให้มาเล่า!”
“ก็ผัวกูมาไง!!” แมนเสียงดังกลับไปอย่างไม่ยอมเช่นกัน และนั่นก็ทำให้พริกเงียบไปทันที ใบหน้าอันเสแสร้งของพริกหม่นลงเล็กน้อย เพื่อให้แมนได้เห็นความเศร้าของเขา ทั้งๆที่ในใจของพริกนั้นรู้สึกโมโหกับสิ่งที่แมนพูด
‘เขามาก่อน..ทำไมมันต้องเป็นเขาที่ต้องยอมอยู่ในที่ลับแบบนี้คนเดียวด้วย แต่ยังไงก็ช่าง..เขาจะไม่มีวันยอมปล่อยให้คนสวยขาของเขาต้องไปกับไอ้หน้าปลาจวดนั่นแน่ เดี๋ยวมึงจะได้รู้ว่าถ้ามึงคิดจะยุ่งกับคนของกู มีจะเจออะไร..ไอ้นิค’
“แต่หนูใกล้จะสอบไฟนอลแล้วนะ ถ้าพี่ไม่ยอมติวให้หนู แล้วหนูจะสอบผ่านได้ไงล่ะ” พริกรีบตีหน้าเศร้าพูดถึงเรื่องเรียนขึ้นมา เพราะเขารู้ดีว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเดียวที่แมนอาจจะยอมให้เขา
“มึงก็ไปให้เพื่อนมึงติวให้สิวะอีนี่ ผัวกูมาทั้งทีจะให้กูมาขลุกอยู่กับมึงหรือไง” แมนมองใบหน้าอ้อนๆเหมือนแมวส้มของอีกฝ่ายด้วยความเอือมละอา
“ก็เพื่อนมันไม่ว่างอ่ะ”
“กูก็ไม่ว่างค่ะ!”
“ไม่ว่างก็ต้องว่าง”
“มึงพูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ กูก็บอกอยู่ว่าไม่ว่างๆๆอีห่าจิกนี่!”
“แต่..”
“อีพริก!”
เสียงตะคอกของแมนทำให้พริกนิ่งไป แมนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดประโยคต่อไปให้พริกรับรู้
“มึงอย่ามาล้ำเส้นกูให้มันมาก ที่กูยอมมึงก็เพราะกูเห็นแก่แม่มึงที่มีบุญคุณกับกู แต่ถ้ามึงยังยุ่งเรื่องส่วนตัวของกูอีกก็อย่าหาว่ากูใจดำแล้วกัน” แมนพูดจบก็ดึงแขนของพริกให้ออกห่างและเดินไปนั่งเก้าอี้ทำงานของตัวเองทันที
“หนูก็ไม่ได้ยุ่งเรื่องส่วนตัวของพี่สักหน่อย แค่อยากจะให้มาติวให้ มันยากเย็นมากเลยเหรอ ไหนพี่พริกบอกกับแม่หนูว่าจะดูแลหนูไง” พริกเอ่ยทวงสัญญาที่อีกฝ่ายเคยให้ไว้กับแม่เขา
“เด็กเปรตอย่างมึง ใครเขาจะอยากดูแลไม่ทราบยะ” แมนขมวดคิ้วมองพริกตาขวาง
“หยาบคาย” พริกทำหน้ามุ่ยที่อีกฝ่ายพูดไม่เพราะกับเขา
“แล้วกูเคยพูดดีๆกับมึงหรือไง”
พริกกัดปากตัวเองนิดๆ ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นแล้วมองแมนกลับไป
“ไม่รู้ไม่ชี้ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้พี่แมนมาติวให้หนูด้วยแล้วกัน เดี๋ยวหนูเอาหนังสือกับสมุดมาที่นี่ พี่จะได้ไม่ต้องไปบ้านหนูให้เปลืองน้ำมัน”
“นี่กูบอกว่า..”
“แล้วถ้าพี่จะเอาผู้ชายคนนั้นมาที่นี่ด้วยหนูก็ไม่ว่าอะไรหรอก หนูจะติวเงียบๆอยู่อย่างสงบๆไม่กวนพี่กับผู้ชายคนนั้นเลย..ก็อย่างว่าแหละ คิดจะเป็นเมียพี่ก็ต้องรับให้ได้สิเนอะ”
“กูไม่ใช่ผะ..”
“เอาเป็นว่าตกลงตามนี้นะครับ งั้นหนูวางแล้วนะ บ๊ายบาย” พูดจบพริกก็หันหลังออกไปทันทีโดยไม่รอฟังคำคัดค้านใดๆจากแมนอีก
“โอ๊ยยยย กูยังไม่ได้อนุญาตสักคำอีเด็กห่านี่! ไปเร็วมากเร็วจริงๆ คนหรือลิงลมกันแน่วะเนี่ย” แมนได้แต่ถลึงตามองตามแผ่นหลังกว้างที่กำลังวิ่งออกจากร้านของเขาไป
“ความเป็นสตรีของกูคงจะจบสิ้นในชาตินี้แน่ๆ เฮ้ออออ อีลิงเผือกนะอีลิงเผือก จะให้กูอยู่กับผัวกูไม่ได้เลยหรือไงวะ”
..
..
ทางด้านพริก
Tru.. Tru..
หลังจากกลับมาบ้านได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ทำให้พริกหันไปมองโทรศัพท์ ที่วางอยู่ตรงปลายเตียงแล้วเดินไปหยิบขึ้นมาดู
-กิ่ง-
พริกกดรับสายทันทีที่เห็นว่าเพื่อนสาวคนสนิทของตัวเองโทรมา
“ว่า”
“(แหมๆๆ พอรู้ว่าเป็นสายของกูละเสียงแมนจังนะอีสัตว์)” กิ่งจีบปากจีบคอพูดแซวกลับไป
“เสือก” พริกเองก็ด่ากลับไปเช่นกัน ซึ่งนี่เป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับเขาทั้งสองคนที่จะด่ากันเล่นๆแบบนี้
“(เอ้าอีห่านี่ ด่ากูเฉย)”
"ตกลงโทรมามีเหี้ยอะไร"
“(กูจะโทรมาชวนไปห้องอีเต้)”
พริกกรอกตามองลนทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ เพราะเขารู้ได้ทันทีว่าถ้าเขาไปที่ห้องเพื่อนคนนี้เมื่อไหร่..ความบรรลัยเข้ามาเยือนเขาแน่นอน
“กูไม่ไป กูจะไม่ยอมเกือบเสียตัวเป็นครั้งที่สองเพราะไอ้เหี้ยเต้อีกแน่” พริกหน้าบึ้งเมื่อพูดจบ และสิ่งที่เขาพูดกับเพื่อนไปนั้นไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาเกือบจะเสียตัวให้กับเพื่อนสุดหล่อคนนี้จริงๆด้วยฤทธิ์ของสุรามหาประลัยที่พวกมันเป็นคนซื้อเข้ามา ดีที่ตอนนั้นเขามีสติมากพอจึงได้ถีบมันลงจากเตียงไป เมื่อเขาเห็นมันทำท่าจะจูบปากเขา ไม่อย่างนั้นวันนี้เขากับมันก็คงมองหน้ากันไม่ติดแน่
“(โอ๊ยยย ฮ่าๆๆ นึกถึงวันนั้นละก็ขำ ดีนะที่ผัวมันไม่ตามมาฆ่ามึงอ่ะ)” กิ่งว่าอย่างอารมณ์ดี พอเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ขำกันพอสมควรในกลุ่มของพวกเขา แต่เห็นทีว่าเจ้าของเรื่องจะไม่ขำด้วย
“กูนี่แหละที่จะฆ่ามันเอง”
“(ฮ่าๆๆ เอาหน่ามึง มันมีผัวนอนด้วยที่ห้อง วันนี้มันคงไม่ทำอะไรมึงหรอก)” กิ่งพยายามพูดปลอบ
“เฮ้อออ แล้วจะแดกกันเนื่องในโอกาสอะไรไม่ทราบ”
“(โอกาสอยากแดกเฉยๆจ้า)”
“สัตว์ จะสอบอยู่ล่ะยังหาเรื่องเมาอีกนะพวกมึงเนี่ย” พริกบ่นออกมาเล็กน้อย
“(เออหน่า วิศวะปีนี้ไม่เคร่งมากมึงก็รู้ นี่แค่สอบย่อยเอง จะซีเรียสทำไม)”
“มึงปีสองละนะไอ้ห่า ทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีหน่อย”
“(เดี๋ยวนะอีพริก ปกติแล้วเนี่ยมึงไม่ใช่คนที่จะมาเทศนาพวกกูเรื่องนี้ได้นะ เพราะคนเริ่มแดกสุราพาเพลินตั้งแต่แรกมันคือมึงค่ะอีหน้าหวานสันดานตอแหล แต่ที่มึงมานั่งเทศน์พวกกูแบบนี้เนี่ย..กูขอเดาว่ามึงโดนซ้อแมนนี่ช่างสักหลังมอด่ามาใช่ป่ะ)” กิ่งเอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน ด้วยความที่เธอสนิทกับพริกมาตั้งแต่มอต้น จนตอนนี้พวกเธอก็อยู่ปีสองกันแล้ว มันเลยทำให้กิ่งพอจะเดาคำพูดแปลกๆของเพื่อนได้ไม่ยาก เพราะพริกเป็นคนเล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอฟัง ว่าตัวมันเองกับซ้อแมนนี่นั้นสนิทกันมาขนาดไหน และมันคิดอะไรกับซ้อเขา
“รู้ดีนะมึง”
“(ก็กูทั้งสวยทั้งฉลาดนี่หว่า แถมเรื่องนี้แม่งก็เดาได้ไม่ยากปะ..ก็มีแค่คนเดียวที่มึงยอมให้แบบนี้อ่ะ กับคนอื่นมึงเป็นที่ไหนล่ะ)”
“ก็..เออ นั่นแหละ กูโดนพี่มันด่ามา แถมมันยังบอกกูด้วยว่าถ้ากูงานไม่เสร็จไม่ต้องไปเจอมัน..แม่งคิดได้ไงวะ พูดออกมาแบบนั้นไม่คิดว่ากูจะขาดใจตายบ้างหรือไง” พริกได้ทีแอบบ่นกับเพื่อนสนิทด้วยความเซ็ง
“(เขาก็ห่วงมึงไหมล่ะ ไม่งั้นจะอยากให้มึงทำงานให้เสร็จทำไม)”
“ห่วงกู?”
“(ก็เออสิวะ ความรักบังตามึงจนบอดหมดแล้วมั้งกูว่า)”
“กูก็พอมองออกอยู่ แต่กูแค่ไม่เข้าใจว่าเขาจะมากังวลอะไรกับอีแค่เรื่องส่งงาน”
“(ก็เขาไม่อยากให้การเรียนมึงมีปัญหาไงอีโง่)”
“เฮ้ออ ประสาทไปใหญ่ละ”
“(แล้วนี่สรุปมึงจะมาไม่มา)” กิ่งกลับมาถามเข้าเรื่องอีกครั้ง
“เออ ไปก็ไป”
“(เออดีค่ะ)”
“แต่กูกลับดึกมากไม่ได้นะ พรุ่งนี้มีนัดติวกับผัวกู”
“(ฮัลโหล ได้ข่าวว่าเขายังไม่ได้อะไรกับมึงเลยไม่ใช่เหรอคะ หน้ายังไม่อยากจะมองเลยไม่ใช่หรือไง)”
“เรื่องของกู”
“(แต่มึงไปได้แน่ใช่ไหม ไม่ใช่พอไปถึงแล้วรีบกลับเลยนะเว้ย)”
“เออ ไปได้ กูบอกว่าไปก็ไปดิวะ มึงเคยเห็นกูเทพวกมึงหรือไง”
“(เยอะแยะ)”
“ตอนไหน”
“(ก็ตอนที่เขาโทรมาสั่งให้มึงกลับบ้านไงอีสัตว์)”
“คนนี้คือข้อยกเว้นสำหรับกู มึงก็รู้นี่”
“(เออๆๆ สรุปไปแน่ใช่ปะ)”
“เออ”
“(ดีค่ะสาว ถ้างั้นกูวางล่ะนะ แต่งหล่อๆมาด้วย)”
“หน้าอย่างกูนี่เรียกหล่อได้เหรอ” พริกพูดพลางเดินไปหน้ากระจกที่ติดกับตู้เสื้อผ้า พลางสำรวจใบหน้าของตัวเองไปด้วย
“(ก็ในบรรดาเพื่อนของเราทั้งห้าคนเนี่ย หน้ามึงคือหล่อ โหด และก็เถื่อนที่สุดแล้วนะคะ แค่มึงไม่มีหนวดเฉยๆ)” กิ่งพูดบอก เพราะพริกนั้นหล่อมากจริงๆ ถึงจะมีมุมที่ดูหวานเหมือนผู้หญิงบ้าง แต่ส่วนใหญ่คนอื่นจะมองว่าพริกหล่อมากกว่า
“แต่กูว่าหน้ากูหวานนะ”
“(ทำไม หน้ามึงมีน้ำตาลเกาะอยู่หรือ)”
“มุกควายสัตว์”
“(มึงคะ..มึงฟังกูให้ดีนะ หน้ามึงมีมุมหวานก็จริง แต่ถ้าให้กูพูดแบบเปรียบเทียบระหว่างมึงกับซ้อเนี่ย..หน้ามึงหล่อกว่าค่ะหนู)”
พริกที่ได้ยินก็ขมวดคิ้วมองใบหน้าตัวเองแล้วคิดตามที่เพื่อนบอก
“ถ้ากูหล่อแบบที่มึงพูด แล้วทำไมพี่เขาไม่ตกหลุมรักกูเลยว่ะ”
“(ก็เขามีผัวแล้วไงเว้ยยย)”
“มึงนี่ก็ชอบย้ำให้กูเจ็บจังเลยนะไอ้ห่ากิ่ง”
“(กูย้ำขนาดนี้มึงยังไม่ตัดใจจากเขาเลยค่ะ)”
“พอๆๆ เลิกพูดเรื่องให้กูตัดใจจากพี่เขาได้แล้ว ยังไงกูก็ไม่วันนั้นแน่นอน”
“(อยากเจ็บต่อไปก็ตามใจมึงแล้วกัน)” กิ่งบอกอย่างปลงๆ เพราะเธอทนรับฟังเรื่องของพริกมา4-5ปีแล้ว
“เรื่องของกู เอาเป็นว่าคืนนี้ใช่ไหมที่นัดกัน”
“(เออ)”
“งั้นมึงมารับกูที่คอนโดด้วย”
“(เค)” หลังจากตอบรับเสร็จ กิ่งก็กดวางสายไปทันที
พริกวางโทรศัพท์ลงข้างแล้วทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำ แต่เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้พริกแทบจะถลาไปบนเตียงเลยก็ว่าได้ เมื่อปลายสายคือแมนที่โทรมา
“คิดถึงเหรอครับ” พริกถามปลายสายเสียงหวาน
“(คิดถึงแม่มึงสิ)”
“แม่มึงก็คิดถึงพ่อมึงเหมือนกันครับ” พริกแกล้งตอบกลับไปอย่างกวนๆ
“(กูวางล่ะ)”
“เดี๋ยวๆๆ หนูล้อเล่นหน่า ว่าแต่พี่โทรมาหาหนูมีอะไรหรือเปล่า”
“(เลิกเรียกแทนตัวเองว่าหนูสักที กูขนลุก)”
“ปวดขี้?”
“(ขี้พ่อมึงสิ! กูรำคาญตางหาก พูดจาเหมือนเด็กตัวเล็กๆไปได้ ตัวโตอย่างกับควายล่ะ)”
“บ่นหนูอีกแล้ววว”
“(อีพริก!)”
“เฮ้อออ โอเคครับๆ แล้วพี่โทรหาพริกมีอะไรหรือเปล่า” พริกยอมเปลี่ยนสรรพนามที่เขาใช้เรียกแทนอีกฝ่ายมาตั้งแต่เด็กตามที่แมนขอ
“(แม่มึงโทรหามึงไม่ติด)”
พริกขมวดคิ้วนิดๆแล้วผละใบหน้าออกห่างเพื่อดูหน้าจออีกครั้ง และเขาก็พบว่าแม่โทรมาหาเขาจริงๆ แต่เป็นตอนที่เขาคุยกับกิ่งเมื่อกี้อยู่
“เมื่อกี้พริกคุยกับไอ้กิ่งอ่ะเลยไม่ได้รับ แล้วแม่โทรมาทำไมอ่ะ”
“(วันเสาร์แม่มึงจะให้ไปหา)”
“แล้วพี่ไปไหม!?” พริกรีบถามกลับไปทันทีเพราะมันเหลืออีกตั้งสามวันกว่าจะถึงวันเสาร์นี้
“(เกี่ยวอะไรกับกูด้วย แม่มึงอยากให้มึงไป มึงก็ไปเองสิ กูจะอยู่กับผัวกู)”
“ถ้าพี่ไม่ไป พริกก็ไม่ไปหรอก”
“(ปัญญาอ่อนล่ะมึง นี่แม่มึงนะไม่ใช่แม่กู อย่าเสือกเอากูไปเกี่ยวข้องด้วยค่ะ)”
“ไม่รู้แหละ ถ้าพี่ไม่ไป..พริกก็ไม่ไป” สีหน้าของพริกจริงจังขึ้น แต่น้ำเสียงยังคงนุ่มเหมือนเดิม
“(อีเด็กเหี้ยนี่! มึงจะอะไรกับกูนักหนาวะ นี่กูโทรมาหามึงก็บุญแค่ไหนล่ะนะ เลิกวุ่นวายกับกูสักที กูรำคาญ!)”
พริกสะอึกไปเล็กน้อยกับคำพูดโมโหของแมนที่พูดมา ถึงเขาจะใจกล้าหน้าด้านตามตื้อแมนมากขนาดไหน แต่พอเจอคำพูดแรงๆของแมนแบบนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกไปไม่เป็นเหมือนกัน ซึ่งความเงียบของพริกที่แสดงออกไปผ่านโทรศัพท์มันคงทำให้แมนเริ่มรับรู้ถึงความผิดปกติของเจ้าตัวได้ อีกฝ่ายจึงถอนหายใจออกมาหนักๆและปรับน้ำเสียงให้อ่อนลงกว่าเดิม
“(พรุ่งนี้สิบโมงตรง ถ้ากูไปแล้วมึงยังไม่เสร็จอะไรเลย กูจะไม่ติวให้มึงแล้ว..ส่วนวันเสาร์ กูจะไปรับตอนเที่ยงเพราะกูต้องเคลียร์บัญชีคืนวันศุกร์ หาแดกข้าวเอาเองแล้วกัน แดกเสร็จก็นั่งรอที่ห้อง เดี๋ยวกูไป แค่นี้แหละ)”
พริกมองสายที่ถูกตัดไปนิ่งๆ รอยยิ้มของเขาค่อยๆเผยขึ้นเล็กน้อย จนเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างให้กับการง้อเขาในแบบของแมน
“แล้วบอกให้ตัดใจ แล้วบอกว่าไม่ชอบ..สุดท้ายก็ง้ออยู่ดีนั่นแหละ” พริกบ่นจมูกใส่หน้าจอตัวเองที่มีเบอร์ของแมนอยู่ตรงหน้า
++++++++++++++