ตอน เลือกเอา
“เฮีย! ไอ้พริกมันมาอีกแล้ว” เสียงตะโกนเรียกแมนของอ่ำลูกน้องที่อยู่ในร้านดังขึ้น เมื่อพริกมายืนยิ้มกว้างอยู่หน้าร้านสักของแมน
“เฮียพ่อมึงสิ!”
“ฮ่าๆๆ โทษๆครับซ้อ พอดีไอ้พริกมันมาหาซ้ออีกแล้วเนี่ย ให้ผมทำไง” อ่ำชะโงกหน้าเข้ามาด้านในประตูกระจก ที่มีแมนหรือที่ทุกคนเรียกกันว่าแมนนี่ทำหน้าโมโหอยู่
“แม่งมาได้ทุกวี่ทุกวัน” แมนขมวดคิ้วพูดบ่น ในขณะที่นั่งตรวจบัญชีภายในร้านอยู่
ไอ้เด็กน่ารำคาญ นี่คือความคิดแรกที่อยู่ในหัวของแมนในทุกวัน เพราะไอ้เด็กลูกเจ้าของตลาดใหญ่ในตัวเมือง มันตามจีบเขามานานหลายปีแล้ว ทั้งๆที่มันเองก็รู้ว่าเขาเป็นเกย์แถมยังมีผัวเป็นตัวเป็นตนอีก ถึงผัวของเขาจะไม่ค่อยได้มาอยู่ที่นี่เพราะต้องบินไปทำงานที่ต่างประเทศบ่อยๆก็ตาม แต่อย่างน้อยมันก็รู้อยู่แล้วว่าเขามีเจ้าของ ซึ่งมันเองก็ยังหน้าด้านหน้าทนมาหาเขาที่ร้านทุกวัน ซึ่งเป็นที่คุ้นชินสายตาของพนักงานในร้านของเขามาก ส่วนตัวของแมนเองจะเรียกว่าชินไม่ได้เต็มปากนัก เพราะเขายังคงรำคาญอีกฝ่ายเสมอ
“ถ้าซ้อไม่อยากให้มันมา ซ้อก็ไล่มันไปดิ” บาสลูกน้องที่เดินเข้ามาหาเขาด้านในพูดยิ้มๆ
ภายในร้านของแมนจะมีลูกน้องอยู่สามคน นั่นก็คือ อ่ำ บาสและนกยูงซึ่งนกยูงนั้นเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในร้าน แล้วด้วยความที่นกยูงนั้นเป็นเลสเบี้ยนจึงไม่มีใครคิดจะจีบ ทั้งหมดจะมีหน้าที่คือคอยสักและทำลายใหม่ๆให้กับลูกค้า รวมไปถึงการคิดเงินเมื่อทำงานนั้นๆเสร็จด้วย
“กูไล่แล้วมันยอมไปไหมล่ะอีนี่” แมนจีบปากจีบคอพูดอย่างคนอารมณ์เสีย
“ซ้อไม่ลองยอมเป็นผัวมันดูล่ะ เผื่อมันจะยอมอยู่เฉยๆไม่มากวนซ้ออีกไง” นกยูงแกล้งพูดหยอก
“เดี๋ยวกูตบนมแตกเลยอีนกกระแตแต้แว้ด นั่นปากคนหรือปากหลียะหล่อน” แมนยกมือค้างเอาไว้แบบนั้นไม่ได้ตบอย่างที่บอกไป เพราะเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายเพียงแค่แกล้งพูดหยอกเย้าเท่านั้น
“โหแม่ แค่นี้จะตบลูกสาวเลยเหรอ” นกยูงแกล้งทำหน้าบึ้ง แต่มุมปากกลับมีรอยยิ้มติดอยู่
“ก็ลูกสาวปากผีนี่คะ แม่ก็ต้องตบสั่งสอนว่าอย่าพูดจาปากกระเจี๊ยวไอ้ด่างออกมาอีก”
“ก็หนูพูดจริงนี่แม่ ถ้าแม่ไม่อยากให้มันมาแม่ก็ต้องทำอะไรสักอย่างแล้วแหละ ไม่งั้นมันก็จะมาตามจีบแม่แบบนี้ตลอดอ่ะ” นกยูงพูดยิ้มๆ เธอเองก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรพริก ออกจะชอบด้วยซ้ำเพราะเมื่อพริกมาที่นี่ทีไร จากความเงียบที่มันเกิดขึ้นก็จะมีเริ่มสีสันทันที
“กูเอาน้ำร้อนไล่มันไปเลยดีไหมวะ” แมนพูดประชดออกมาอย่างคนติดรำคาญ
“เดี๋ยวเจ๊เอมแกก็มาแหกอกแม่เอาหรอก” นกยูงส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยให้กับความคิดของผู้เป็นนายจ้าง พลางเอ่ยถึงเจ๊เอมที่เป็นแม่ของพริก
“ก็เจ๊มันปล่อยให้ลูกมายุ่งวุ่นวายกับกูกะ..”
“พี่แมนนนนนนนนนนน”
เสียงแทรกของพริกทำให้แมนที่ยังพูดไม่ทันจบได้แต่กรอกตามองบนเพราะไอ้เด็กบ้านั่นมันเข้ามาในร้านของเขาแล้ว ซึ่งคนที่ปล่อยให้มันเข้ามาก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้อ่ำลูกน้องผู้แสนจะใจดีของเขา
“เฮ้อออ ความฉิบหายเยือนกูอีกล่ะ” ยังไม่ทันที่แมนจะได้คร่ำครวญถึงความวุ่นวายของพริก ร่างบางของเด็กหนุ่มก็เข้ามาประจันหน้ากับเขาในห้องทันที โดยที่ลูกน้องทั้งสองคนของเขามันก็ออกจากประตูไปอย่างรู้หน้าที่..หน้าที่ที่เขาไม่ต้องการให้มันทำ
“มึงมาทำเหี้ยอะไรร้านกูทุกวันอีพริก งานการมึงไม่มีทำหรือไง” แมนเอามือท้าวคางไปกับโต๊ะ ทำให้เห็นเล็บเจลสีชมพูสลับกับแดงที่เขาได้ให้นกยูงทาให้เมื่อวันก่อน
“ก็หนูคิดถึงพี่อ่ะ”
“ตัวเท่าควายตัวเมียแบบมึงยังเสือกเรียกแทนตัวเองว่าหนูอีกเนอะ” แมนอดที่จะพูดแขวะพริกกลับไปด้วยความหมั่นไส้
“ถ้าหนูเป็นควายตัวเมีย งั้นพี่แมนก็เป็นควายตัวผู้อ่ะดิ” พริกอมยิ้มตอบกลับไปอย่างไม่กลัว
“ถ้ามาแล้วเสือกปากหมาใส่กูแบบนี้มึงกลับบ้านมึงไปเลยอีเด็กเวร!” แมนชี้ไปทางประตูอย่างฉุนๆ
“ไม่กลับ ถ้าหนูกลับแล้วหนูจะได้พี่เป็นผัวหนูได้ไงล่ะ” พริกเชิดหน้าขึ้นนิดๆ จนแมนที่เห็นท่าทางแบบนั้นก็ได้แต่ถอดหายใจออกมาหนักๆ
“กูถามจริงๆนะ..มึงมาติดใจอะไรกับตุ๊ดอย่างกูนักหนา ผู้ชายคนอื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมมึงไม่ไปสนใจ” แมนเริ่มถามพริกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ก็ถ้าวันนั้นพี่ไม่ช่วยหนูตอนหนูกำลังจะจมน้ำ หนูก็คงไม่รู้ว่าพี่น่ารักขนาดนี้ แล้วก็คงไม่ตามจีบพี่เป็นปีปีหรอก” พริกเองก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่ต่างกัน พลางนึกถึงเรื่องราวในตอนที่เขาอายุสิบห้าและแมนอายุยี่สิบ..วันนั้นเขาได้ไปเล่นน้ำกับเพื่อนรุ่นเดียวกันที่คลองใกล้บ้าน แต่เขาเผลอตัวว่ายไปไกลเกินไป ทำให้ขาของเขาไม่ถึงดินที่อยู่ใต้น้ำแล้วจมลงในที่สุด เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองคงไม่รอดแน่ๆ แต่แล้วจู่ๆแมนก็กระโดดลงมาช่วยเขาเอาไว้ แล้วใช้ริมฝีปากตัวเองเป่าลมเพื่อให้เขามีสติ เพราะแม่เล่าให้เขาฟังว่า ตอนนั้นเขาหมดสติไป..หลังจากนั้นมาเขาเลยตัดสินใจที่จะจีบแมน ผู้ที่เป็นจูบแรกของเขา
“ที่กูทำไปเพราะกูเป็นคนดีค่ะ ไม่ได้ต้องการให้เด็กน่ารำคาญอย่างมึงมายุ่งวุ่นวาย”
“แล้วไงใครแคร์ หนูไม่สนใจหรอกนะ แบร่!” พริกแลบลิ้นใส่แมนนิดๆ แล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของแมนโดยไม่ขอ แมนที่เห็นท่าทางเหมือนม้าดีดกะโหลกของพริกก็กอดอกแล้วมองเหยียดอีกฝ่ายกลับไป
“อีไร้มารยาท”
“แล้วหนูเคยมีมารยาทด้วยหรือไง” พริกลอยหน้าลอยตาถามกลับไป
“ไม่มีก็หัดมีซะบ้าง คนเขาจะได้ไม่ด่าว่าไม่มีใครสั่งสอน”
“ก็ไม่มีจริงๆนี่” พริกเถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ เพราะแม่ของเขาไม่ได้มีเวลามานั่งสั่งสอนเขาจริงๆอย่างที่แมนพูด ซึ่งพริกเองก็เข้าใจและไม่เคยโกรธแม่ของเขาเลยสักครั้ง ถึงแม้จะมีน้อยใจบ้าง แต่ก็เข้าใจถึงงานที่หนักของแม่ตัวเองดี การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวตั้งแต่เขาเด็กๆมันไม่ได้ง่าย เขาเลยไม่ได้ร้องขอหรือทำตัวมีปัญหาให้แม่เขาต้องหนักใจเพิ่ม เพราะเขาต้องเอาเวลาทั้งหมดมาทำให้คนตรงหน้าหนักใจดีกว่า
แมนเองที่ได้ยินแบบนั้นก็เงียบไป..เขารู้เรื่องราวทุกอย่างของบ้านหลังนี้ดีเพราะเขาเห็นเจ๊เอมเจ้าของตลาดใหญ่มาตั้งแต่เขาอายุได้สิบห้าปีเต็ม ซึ่งตอนนั้นพริกก็ยังเด็กกว่าเขาอยู่ห้าปี ส่วนสาเหตุที่แมนรู้เรื่องราวของบ้านพริก เพราะเจ๊เอมแกเคยมาช่วยเหลือเขาในเรื่องค่าเทอมจนเขาจบมอหก และได้ให้เงินค่าขนมของเขาโดยไม่เรียกร้องให้เขาต้องตอบแทนอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะเจ๊เอมแกช่วยด้วยความสงสารที่พ่อแม่ของเขาต้องตายตั้งแต่เด็กๆด้วยโรคร้าย ช่วงเวลานั้นเขาต้องอาศัยข้าวที่วัดและอาที่เป็นญาติห่างๆคอยช่วยเหลืออยู่บ้าง แล้วเมื่อเวลาผ่านไปจนเขาเรียบจบมหาลัยและได้มีอาชีพเป็นของตัวเอง เขาก็เริ่มตอบแทนผู้มีพระคุณของเขา โดยการให้ความช่วยเหลือทุกอย่างเพียงแค่เจ๊เอมเอ่ยปากบอกเขา
แล้วอีกหนึ่งเหตุผลที่เขาไม่เคยไล่พริกให้ออกไปอย่างจริงจังเลยนั่นก็คือ..ความสงสาร เพราะถึงภายนอกไอ้เด็กน่ารำคาญของเขาจะดื้อด้านน่ารำคาญไปบ้าง แต่อย่างน้อยไอ้เด็กนั่นก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน ยกเว้นหูของเขาที่ต้องทนฟังเสียงน่ารำคาญของมันทุกวัน มันเลยเป็นสาเหตุที่เขาทำได้แค่เอ่ยปากไล่มันให้ออกไปให้พ้นเท่านั้น
“มึงจะไปไหนก็ไป กูจะทำงานแล้ว” แมนพูดแค่นั้นแล้วก้มหน้าดูบัญชีของตัวเองต่อโดยไม่สนใจอะไรพริกอีก
“พี่แมน”
เสียงเรียกของพริกทำให้แมนต้องเงยหน้ามองอีกครั้ง
“อะไรของมึงอีกเนี่ย”
“ทำไมพี่ไม่รับรักหนูสักทีอ่ะ”
“ก่อนอื่นเลยนะ มึงเลิกเรียกกูว่าพี่แล้วเปลี่ยนเป็นเรียกซ้อเหมือนคนอื่นๆมันได้ล่ะ แล้วกูก็ชื่อแมนนี่ด้วย ไม่ใช่แมนเฉยๆอีง้าว(โง่)”
“ไม่เอาอ่ะ หนูอยากได้พี่เป็นผัว ทำไมหนูต้องพูดเหมือนคนอื่นๆด้วย”
“แต่กูมีผัวแล้วไง!”
“ก็หนูไม่ได้อยากได้ผัวพี่นี่!”
“โว๊ยยย ทำไมมึงถึงเป็นเด็กที่พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้วะ” แมนเกาหัวตัวเองจนเล็บที่เขาต่อมาเกือบหลุด
“พี่นั่นแหละพูดไม่รู้เรื่อง จะทำงานก็ทำไปดิ หนูจะนั่งเล่นที่ห้องทำงานของพี่นี่แหละ”
“บ้านมึงไม่มีอยู่หรือไงอีเตี้ย”
“มี แต่ไม่น่าอยู่เท่าที่นี่” พริกยักคิ้วใส่แมนอย่างกวนๆ
“หน้าด้าน”
“แล้ว?” พริกยิ้มมุมปากแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมานั่งเล่นทันที
แมนกัดปากสีชมพูอ่อนของตัวเองนิดๆแล้วคิดหาทางไล่ไอ้เด็กนี่ให้ออกไปจากร้านของเขา
“งานที่มหาลัยของมึงไม่มีหรือไง”
“มี แต่ขี้เกียจ”
แมนขมวดคิ้วทันทีเมื่อฟังประโยคจากปากเล็กจบ เขาเริ่มรู้สึกไม่ค่อยพอใจเมื่อได้ยินประโยคที่ไม่มีความรับผิดชอบของเด็กที่อายุน้อยกว่า
“ถ้ามึงมาที่นี่แล้วทำตัวขี้เกียจแบบนี้ ต่อไปนี้มึงห้ามมาอีก” แมนบอกกับพริกด้วยน้ำเสียงจริงจัง แล้วจ้องหน้าพริกที่กำลังเงยหน้ามองเขาตาปริบๆ
“ก็..มันยังไม่ต้องรีบส่งอ่ะ” พริกตอบเสียงอ้อมแอ้ม และเขาเองก็เพิ่มรู้ตัวว่าตัวเองได้ทำความผิดพลาดครั้งใหญ่ในการเผลอบอกเรื่องนี้ให้กับแมนรับรู้ เพราะตั้งแต่ที่เขารู้จักกับแมนมา แมนมันจะแพ้ทางและยอมเขาทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเรียนกับเรื่องความรับผิดชอบที่อีกฝ่ายมักจะเข้มงวดและจริงจังกับเขาเสมอ ด้วยเหตุผลเพราะแม่ของเขาฝากฝั่งเรื่องเรียนเอาไว้กับอีกฝ่าย
“ที่อาจารย์เขากำหนดเวลาให้มึงนาน ก็เพราะเขาต้องการให้มึงหาข้อมูลให้รอบครอบไม่ใช่เหรอ แต่มึงกลับมานั่งลอยหน้าลอยตาที่ร้านกู แบบนี้มันใช่ไหม” พริกพูดเสียงดุ
“แต่เพื่อนคนอื่นมันยังไม่ได้ทำเลยนะ”
“เพื่อนมึงไม่ทำแล้วมึงจำเป็นต้องทำตามเพื่อนมึงด้วยหรือไง แบบนี้ถ้าเพื่อนมึงเรียนไม่จบมึงก็จะต้องเรียนไม่จบตามเพื่อนมึงใช่ไหม ถ้างั้นทำไมมึงไม่ให้เพื่อนมึงส่งมึงเรียนไปเลยล่ะ แม่มึงเขาจะได้ไม่ต้องเหนื่อยส่งมึงเรียน”
พริกนั่งก้มหน้างุด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองแมนเลยหลังจากโดนดุไปชุดใหญ่
“หนูขอโทษ”
แมนสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วหันหน้าหนีไปอีกทางเพื่อระงับอารมณ์โกรธของตัวเอง ก่อนจะหันกลับมามองเด็กน้อยตรงหน้าอีกครั้ง
“ถ้างานที่ต้องส่งยังไม่เสร็จ ต่อไปนี้มึงไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก ถ้ายังหล้าเสนอหน้าเข้ามา กูจะบอกแม่มึงให้เอามึงไปเรียนที่จีน” แมนพูดขู่ เพราะเจ๊เอมเคยมาปรึกษากับเขาเรื่องที่อยากจะเอาพริกไปเรียนที่นู้น เพราะญาติของเจ๊เอมแกอยู่ที่นั่น แต่พริกนั้นไม่ยอม เขาเลยบอกกับเจ๊เอมไปว่ายังไม่ต้องบังคับอะไรพริกตอนนี้ เพราะพริกอาจจะอยากเรียนที่นี่จริงๆก็ได้
“พี่แมน..”
“เลือกเอา ระหว่างมาที่นี่ตอนงานมึงเสร็จ กับย้ายไปอยู่กับญาติของมึงนี่นู้น” แมนลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาพริก
“นั่งคิดอยู่ในห้องจนกว่าจะคิดได้ ไม่งั้นก็ไม่ต้องออกไป” พูดจบแมนก็เดินออกไปดูลูกน้องคนอื่นๆด้านนอก ทิ้งให้พริกนั่งหน้าเศร้าคิดตามที่แมนพูดอยู่
++++++++++++