EP : 9
ตอนนี้นับเงินเด็กนักศึกษาปี 3 มหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่งได้พาตัวเองในชุดนักศึกษาปกติบ้าน ๆ เสื้อพอดีตัวกับกระโปรงทรงเอยาวระดับเข่าและคัทชูสีดำมาหยุดอยู่หน้าตึกสำนักงานใหญ่ของโรงแรมหรูที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ ยืนตรงนี้ฉันเหมือนมดตัวเล็กกระจี๊ดริ๊ดไม่มีผิด
“เฮ้อ! ใครจะบ้าให้เด็กนักศึกษาเข้าไปสัมภาษณ์แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยวะ” ฉันถอนหายใจออกมา ความหวังริบหรี่ค่ะ ถึงจะรู้ว่าต้องมาสัมภาษณ์ใครแต่ความตื่นเต้นตรงนั้นมันหายไปแล้วเพราะรู้ดีว่าการเข้าไปขอสัมภาษณ์มันยากกว่า
“ติดต่ออะไรคะ” เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ด้านหน้าถามฉันด้วยรอยยิ้ม สูดลมหายใจเข้าลึกๆ นับเงิน
“สวัสดีค่ะ คือหนู...” ฉันแจ้งรายละเอียดให้พี่ประชาสัมพันธ์คนสวยฟังซึ่งมันดีมากที่พี่เขารับฟังฉันด้วยรอยยิ้ม ไม่มีอาการเหวี่ยงเพราะฉันไม่ใช่ลูกค้าของบริษัท
“พี่ไม่แน่ใจนะคะว่าท่านประธานจะสะดวกให้สัมภาษณ์รึเปล่า” พี่เขาตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่แสดงความเห็นใจ หนูรู้ค่ะพี่ หนูรู้อยู่แล้ว
“หนูรู้ค่ะพี่ อาจารย์โยนงานยากให้จริง ๆ ค่ะ” ฉันบอกพี่เขาด้วยน้ำเสียงเศร้า เอา F หรือ D ไปกินเถอะนะนับเงิน
“แต่ยังไงน้องลองขึ้นไปยื่นเอกสารที่เลขาท่านประธานก่อนเนอะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว ที่นี่มีกฎว่าถ้าต้องการพบท่านประธานให้ยื่นเอกสารหรือติดต่อผ่านเลขาได้โดยตรงอยู่แล้ว” พี่เขาส่งยิ้มให้ฉันเพื่อให้กำลังใจ พี่เขาใจดีเหมือนนางฟ้าเลย ถึงความหวังมันจะริบหรี่ไม่มีแสงที่ปลายอุโมงค์แต่ก็ยังพอมีแสงเทียนเล็ก ๆ ระหว่างทางอยู่บ้าง
“จริงเหรอคะพี่” ฉันถามด้วยความดีใจ อย่างน้อยถึงไม่ได้สัมภาษณ์ฉันก็พอเอาหลักฐานไปบอกอาจารย์ได้บ้างว่าฉันได้พยายามเต็มที่แล้ว
“ค่ะ เดี๋ยวน้องแลกบัตรแล้วขึ้นลิฟต์ไปชั้น 34 แล้วก็ยื่นเอกสารไว้ที่เลขาหน้าห้องท่านนะคะ” พี่เขาใจดีแนะนำดีมาก พนักงานช่างแตกต่างจากเจ้าของบริษัทเหมือนหน้าผากตรงไรผมกับตาตุ่มด้าน ๆ เลยค่ะ
ฉันเดินตัวเกร็งขึ้นมาที่ชั้น 34 ทั้งชั้นตกแต่งหรูหรามากแต่ก็ค่อนข้างเงียบ สมกับเป็นโซนผู้บริหารจริง ๆ ขอไปยื่นเอกสารแล้วก็ขอเลขาถ่ายรูปเป็นหลักฐานเอาไปให้อาจารย์ดูก็พอค่ะ ให้อาจารย์รู้ว่าพยายามแล้วแต่เขาไม่ให้เข้าพบจากนั้นก็ขอเปลี่ยนไปสัมภาษณ์คนอื่นแทน
“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ผู้หญิงที่เป็นเลขาหน้าห้อง สวยมาก แต่งหน้าก็สวย แต่ติดตรงที่ปากแดงไปหน่อยนะ ซึ่งคุณเลขาคนสวยก็ปรายตาฉันมามองฉันแล้วก็มองสำรวจฉันด้วยท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตร
“มีอะไร” น้ำเสียงเหวี่ยงฟาดใส่หน้าฉันโดยที่ฉันไม่รู้สาเหตุ ทำเอาฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก
“คือฉันมายื่นเอกสารขอสัมภาษณ์คุณครินทร์ค่ะ” ฉันตอบเธอไป พยายามไม่ใส่ใจกับน้ำเสียงนั้นแล้วก็ยื่นซองเอกสารไปให้
“เอากลับไปเถอะท่านไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งให้นักศึกษาสัมภาษณ์เล่นหรอกนะแค่คนเดียวก็มากพอแล้ว!” ผู้หญิงคนนั้นใช้ปลายนิ้วเขี่ยซองเอกสารเบา ๆ เหมือนมันมีเชื้อโรคให้เลื่อนกลับมาทางฉัน เฮ๊ย! กับคนที่เพิ่งเห็นหน้ากันทำแบบนี้มันเกินไปรึเปล่า
“พี่คะ หนูแค่มายื่นเอกสารเองนะคะ ประธานบริษัทพี่เขาไม่ว่างหนูก็เข้าใจค่ะ แต่หนูแค่อยากยื่นมันไว้ ไม่เห็นต้องทำท่าทางแบบนี้ใส่กันเลย” ฉันพูดกลับไปอย่างเหลืออด คนเหมือนกันนะเว๊ย!
“ก็รู้นี่ว่าท่านไม่ว่างแล้วจะมาทำไมยะ หรือหวังอะไร” ยัยเลขาปากแดงคนนี้พูดจาได้น่าเกลียดที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยค่ะ คนเป็นเลขากล้าพูดกับคนที่มาติดต่อด้วยคำพูดแบบนี้คงไม่ใช่แค่เลขาธรรมดาสินะ
“คุณเลขาคะ” ฉันพยายามสงบสติอารมณ์กับคำพูดน่าเกลียดของผู้หญิงคนนี้ แต่ก็ทำได้แค่พูดออกไปเท่านั้น เพราะคำอื่นมันโดนใจที่กำลังเดือดของฉันกดลงไปหมดแล้ว
“มีอะไรกันคะ” ฉันกำลังยืนจ้องตากับเลขาคนนี้ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นพอหันไปก็แทบตะลึงเพราะเธอสวยมาก นอกจากความสวยแล้วความเซ็กซี่ของเธอมันก็พุ่งออกมาจนฉันที่เป็นผู้หญิงด้วยกันยังไม่อยากละสายตาไปจากเธอ
“ไม่มีอะไรค่ะ” ยัยเลขาหน้าห้องตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเบา แต่ฉันสัมผัสได้ว่าเธอดูไม่ค่อยอยากจะตอบผู้หญิงคนนี้เท่าไหร่ ส่วนคนสวยที่มาใหม่ก็มองฉันแล้วก็ส่งยิ้มสวย ๆ กลับมาให้
“ไม่มีได้ไงคะ เมื่อกี้ฉันได้ยินคุณเลขาพูดจิกน้องคนนี้อยู่เลย จะตอบดี ๆ หรืออยากลองดีกับฉันคะ” เธอหันไปพูดกับยัยเลขาเสียงเย็นซึ่งยัยเลขาก็ดูจะไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรโต้ตอบ
“เด็กคนนี้มาขอสัมภาษณ์ท่านประธานค่ะ แต่ท่านไม่ว่างก็เลยให้กลับ...ค่ะ”
“แล้วท่านประธานของคุณกำลังทำอะไรอยู่คะ” พี่คนสวยโคตรเซ็กซี่เอียงคอถาม
“วันนี้มีนักศึกษามาขอสัมภาษณ์แล้วค่ะ กำลังสัมภาษณ์อยู่” ยัยเลขาตอบมาแบบไม่พอใจ อ้าวก็ให้สัมภาษณ์นี่แล้วทำไมกับฉันถึงไม่แม้แต่จะรับเรื่อง!
“ก็ว่างให้นักศึกษาสัมภาษณ์อยู่ไม่ใช่เหรอคะคุณเลขา”
“ก็สัมภาษณ์ไปหนึ่งคนแล้วนี่คะ ท่านไม่ได้ว่างมาก” ยัยเลขาบอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแต่ดูจะไม่ค่อยกล้ากับพี่คนสวยคนนี้เท่าไหร่ เธอเป็นใครกันนะ
“น้องคะ คุณเลขาบอกน้องว่ายังไงคะ” พี่คนสวยไม่สนใจคำตอบของยัยเลขาแต่หันมาถามฉันแทน ฉันเลยอ้ำอึ้งไม่กล้าพูด
“พูดมาเถอะค่ะ ไม่มีใครทำอะไรน้องหรอก” พี่เขายิ้มให้ฉัน แสดงว่าพี่เขาต้องเจ๋งพอตัวถึงได้กล้าขนาดนี้ หรือว่าจะเป็น...
“คุณเลขาให้กลับไปค่ะ ไม่ให้ยื่นเอกสารเอาไว้” ฉันตอบเสียงเบาแล้วก็ไม่กล้าสบตากับเธอ สวยขนาดนี้กล้าเชือดเลขาหน้าห้องท่านประธานขนาดนี้จะเป็นใครไปได้ล่ะถ้าไม่ใช่คนสำคัญของเจ้าของบริษัท
“คุณเลขานี่ทำงานดีเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ นะคะ เห็นคนสวยหน่อยก็ไม่ให้เข้าพบท่านประธาน” เธอหันไปพูดกับยัยเลขาด้วยน้ำเสียงสดใส แต่ฟังแล้วเหวอแทนยัยเลขาจริง ๆ
“น้องไปนั่งรอตรงนี้กับพี่นะคะ เดี๋ยวคนที่สัมภาษณ์เขาออกมาพี่จะพาเข้าไปขอสัมภาษณ์เอง” เธอหันมาจับข้อมือฉันดึงไปนั่งที่โซฟาตรงโถงหน้าห้องในทันทีที่พูดจบจนฉันตกใจเกร็งไปทั้งตัว
“เอ่อ...ขอบคุณนะคะ แต่ถ้าท่านประธานเขาไม่ว่างฉันไม่รบกวนดีกว่าค่ะ แค่มีหลักฐานว่ามายื่นเรื่องเอาไว้แล้วอาจารย์ก็ไม่ว่าอะไร” ฉันบอกเธอหลังจากที่เรานั่งลงที่โซฟาเรียบร้อยแล้ว ความจริงแล้วฉันแค่จะมาเอาหลักฐานแล้วหาเรื่องเปลี่ยนคนไม่ได้อยากเข้าไปสัมภาษณ์เขาจริง ๆ สักหน่อย
“ได้ไง มาถึงที่แล้วนะจ้ะ ไม่ต้องเกร็งหรอก ประธานบริษัทนี้ใจดีมากเชื่อพี่” เธอยิ้มเอ็นดูฉันแล้วก็หยิบโทรศัพท์มาเล่น ฉันเลยต้องนั่งเกร็งใจสั่นระรัวต่อไป
แอด~
เสียงประตูห้องทำงานใหญ่ดังขึ้นทำให้ฉันและผู้หญิงคนนั้นหันไปมองแล้วก็เห็นนักศึกษาคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่ใส่ชุดสูทดูภูมิฐานมาก ๆ ผู้ชายที่ทำให้ใจฉันตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ผู้ชายที่โคตรไม่อยากเห็นหน้า ฉันหันไปมองแค่เสี้ยววินาทีก็รีบหันหน้ากลับเลย
“พี่คริช สวัสดีค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นยืนขึ้นแล้วก็เดินไปทักทายเขาส่วนฉันก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมเพราะยังทำใจไม่ได้ แถมยังก้มหน้าเล็บมือเล็บเท้าจิกเกร็งไปหมด
“อ้าวขนม มาได้ไงครับ”
“พี่วินมาคุยกับลูกค้าแถวนี้ค่ะขนมก็เลยแวะมารอพี่วินที่นี่ ขี้เกียจไปนั่งกร่อยอยู่คนเดียวเลยว่าจะมาชวนพี่คริชไปเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าว” เสียงหวานเซ็กซี่พูดรัวได้อย่างเป็นธรรมชาติ เธอดูเซ็กซี่แต่กลับมีความน่ารักได้อย่างลงตัวที่สุด
“อ้าวเหรอ งั้นไปทานพร้อมกันเลยพี่กำลังจะไปทานข้าวเที่ยงพอดี”
“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ ท่าทางพี่คริชจะมีนัดแล้ว อิอิ” พี่เขาพูดออกมาแล้วก็ทำน้ำเสียงล้อนิดหน่อยหรือว่าเธอจะไม่ใช่แฟนของเขางั้นเหรอ
“อ้อขนมคุยเพลินเลย พอดีมีน้องนักศึกษามาขอสัมภาษณ์พี่คริชน่ะค่ะ นั่งรอสักพักแล้ว น้องคะ” พี่เขาบอกผู้ชายคนนั้นแล้วก็เรียกฉันที่นั่งหันหลังอยู่จนฉันสะดุ้งตัว ต้องเจอหน้ากันอีกครั้งแล้วสินะ...
ฉันลุกขึ้นยืนแล้วก็สูดลมหายใจช้า ๆ ก่อนที่จะหันไปมองหน้าเขา
“สวัสดีค่ะ” ฉันเดินไปหยุดอยู่ใกล้พี่คนสวยคนนั้นแล้วก็ยกมือไหว้เขา พยายามทำตัวให้ปกติทำให้เหมือนเราไม่เคยรู้จักกัน พอมองเขาฉันก็เห็นเขามองฉันไม่วางตาอยู่ก่อนแล้วด้วยแววตาที่ฉันไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง
...อึดอัดเป็นบ้า อยากหายไปจากตรงนี้ที่สุด
“เพื่อนคณะเดียวกันกับซิลเวียร์เองค่ะ” เสียงนักศึกษาที่ยืนข้างเขาดังขึ้นเมื่อกี้ฉันรีบหันกลับเลยไม่ทันได้มองว่านักศึกษาคนนั้นเป็นใครแต่ตอนนี้เห็นชัดแล้ว ซิลเวียร์ดาวคณะที่ชอบพูดจากระแนะกระแหนฉันเป็นประจำ ทำไมเจอแต่เจ้ากรรมนายเวรวะนับเงินเอ๊ย ต้องทำบุญด้วยโลงศพกี่ร้อยโลงถึงจะหลุดพ้น -_-
“อ้อเหรอครับ” เขาหันไปมองหน้าซิลเวียร์แล้วก็ยิ้มรับเหมือนเป็นเรื่องทั่วไป
“พี่คริชสะดวกให้น้องเขาสัมภาษณ์ไหมคะ วันหลังก็ได้” พี่คนสวยที่อีตาคุณคริชเรียกว่าขนม และฉันขอเรียกพี่เขาว่าพี่ขนมเลยแล้วกันนะคะ ถามอีตานั่นต่อเพื่อช่วยฉัน
“จะสัมภาษณ์เหรอ” เขาพูดลอย ๆ ขึ้นมา แต่คำนี้ก็คงถามฉันสินะ
“ค่ะ” ฉันตอบเบา ๆ พยายามไม่ไปสบตาเขาให้มันมากนัก เดี๋ยวความเกลียดที่มีจะพุ่งชนเขาได้
“มีสคลิปหรือหัวข้อมารึเปล่า” น้ำเสียงเย็นชาถามกลับมาอีกครั้ง
“มีค่ะ”
“อืม” เขาอืมสั้น ๆ แค่นั้น
“วันนี้พี่ไม่ว่างครับตอนบ่ายมีประชุม ให้น้องเขามาพรุ่งนี้แล้วกันนะขนม” ฉันยืนอยู่ตรงนี้ก็ควรบอกฉันเลยไหมแต่กลับบอกพี่ขนมแทน เหอะ! ไอ้เฮงซวย ไอ้ฟันแล้วทิ้ง ไอ้คนตอแหลว่านกเขาไม่ขัน!
“ขอบคุณแทนน้องด้วยนะคะพี่คริช กี่โมงดีคะ” พี่ขนมยิ้มแฉ่งใส่อีตานั่นแถมยังถามเวลาให้เสร็จสรรพ
“เช้าแล้วกัน มาถึงก็นั่งรอหน้าห้อง” เขาพูดเสียงขรึมพร้อมกับปรายตามองฉัน เหอะ! พูดกับฉันสินะ
“พี่ไปก่อนนะขนม เราไปทานข้าวกันดีกว่าครับซิลเวียร์” เขาบอกลาพี่ขนมแล้วก็หันไปพูดเสียงหวานกับซิลเวียร์แล้วก็พากันเดินผ่านหน้าฉันไปทำเหมือนฉันไม่มีตัวตน...