บทที่ 2 ความจริง
“คุณพ่อตัดบัตรเครดิตของเจียลี่ทำไมคะ!”
เสียงโวยดังขึ้นพร้อมกับลูกสาวคนโตที่เดินเข้ามาภายในห้องทำงานด้วยหน้าที่ขุ่นเคืองไม่น้อย
“หากลูกยอมแต่งงานพ่อจะให้ได้ทุกอย่าง”
“คุณพ่อยอมทำถึงขนาดนี้เลยหรือคะ”
เจียลี่มองหน้าบิดาอย่างผิดหวังหญิงสาวไม่คิดว่าสุดท้ายจะต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักหรือแม้แต่หน้าก็ไม่เคยเห็น
“พ่อทำเพื่อลูกๆ”
“ไม่จริง! คุณพ่อทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น”
“หวังชานเย เขาคือหนุ่มอนาคตไกลจะสามารถดูแลลูกได้ดี”
ขอแค่ลูกสาวของเขาสบายเขาก็ไม่ต้องห่วงแล้วต่อจากนี้เขาจะไม่ทำพลาดอีก การที่ตระกูลหวังยื่นมือเข้ามาช่วยนับว่าเป็นบุญคุณที่สุดแล้วทำให้ธุรกิจของเขาเดินต่อไปได้
“คุณพ่อว่าเขาชื่ออะไรนะคะ”
เจียลี่ที่คุ้นหูกับชื่อของเขาแต่ก็คิดไม่ออก หรือเธออาจจะเคยเจอเขามาก่อนแต่จำไม่ได้หากเจอหน้าเธอจะต้องจำเขาได้แน่
“หวังชานเย นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของเรือยอชต์สุดหรู”
เจียลี่จึงนึกออกเพราะเธอเคยเจอเขาครั้งหนึ่งเธอที่พยายามจะเอาตัวเข้าไปใกล้ชายหนุ่มแต่ก็ไม่มีโอกาสคราวนี้คนที่เธอต้องแต่งงานด้วยคือหวังชานเยมีหรือที่จะปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป
“ตกลงค่ะ เจียลี่จะแต่งงานกับคุณหวังชานเย”
“ลูกไม่ได้ล้อพ่อเล่นใช่ไหม”
“เจียลี่พูดจริงค่ะ”
จางเลี่ยงหลินแปลกใจที่ลูกสาวเปลี่ยนใจกระทันหันแต่ก็เป็นการดีที่เขาจะได้ไม่ต้องบังคับลูกสาวอีกต่อไป
สามวันแล้วที่เคลย์ตันไม่ติดต่อกลับมาจินนี่รู้สึกกระวนกระวายเพราะเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะได้รับอันตรายหรือป่วยแต่พอส่งข้อความไปกลับไม่มีใครตอบกลับมา
เมื่อเข้ามายังเพนท์เฮ้าส์สุดหรูเหมือนไม่มีใครกลับมานอนที่นี่หญิงสาวจึงเดินไปหยิบเสื้อผ้าของเคลย์ตันขึ้นมาแต่มีกระดาษแผ่นเล็กหล่นลงมาที่พื้นมือบางจึงก้มลงไปเก็บแต่สายตาก็หันไปเจอกับชื่อของคนที่เธอรู้จักดี
“หวังชานเย เคลย์ตัน หวัง” ไม่รอช้าหญิงสาวจึงเสิร์ชหาชื่อในอินเตอร์เน็ตมีภาพของเขาพร้อมประวัติมากมายที่โชว์อยู่ตรงหน้าน้ำตาของจินนี่ไหลลงมาที่ผ่านมาทำไมเธอถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“พี่เคลย์ตันจะหลอกเราทำไมกัน ฮึก”
น้ำตาของความเสียใจหลั่งไหลออกมาชายหนุ่มปิดบังตัวตนของเขาเพื่ออะไรกัน เขาไม่ได้ตั้งใจหรือจงใจที่จะหลอกเธอกันแน่
“จินนี่มาตั้งเมื่อไร”
เคลย์ตันที่เดินเข้ามาพอดีแต่เห็นหญิงสาวยืนเงียบเลยทักทายแต่เห็นนามบัตรของเขาที่อยู่ในมือของหญิงสาวเขาคงจะพอเข้าใจ คงถึงเวลาแล้วสินะ
“มันอะไรกันคะ”
“...”
“พี่เคลย์ตันเงียบทำไมคะ ไม่ใช่สิต้องเรียกคุณหวังชานเย”
“เราเลิกกันเถอะ”
ความเงียบเข้ามาปกคลุมทั้งห้องได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของกันและกัน จินนี่ที่ทำอะไรไม่ถูกเพราะยังไม่ได้เตรียมใจกับเรื่องนี้
“เพราะอะไรคะ”
“พี่เบื่อ!”
เคลย์ตันพูดออกไปเพื่อให้คนตรงหน้าเสียใจจะได้ตัดใจจากเขาได้พอเห็นคนตรงหน้าร้องไห้เสียใจเขาอยากดึงเธอเข้ามาปลอบ
“พี่ไม่ยอมอธิบาย แต่มาบอกเลิกกันเราไม่รักกันตั้งแต่ตอนไหน ฮึก”
จินนี่ที่ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใครหญิงสาวแค่อยากฟังคำอธิบายจากปากของเคลย์ตันแต่เขามาบอกเลิกแถมไม่ยอมพูดอะไรเลยหรือที่ผ่านมาเธอคิดไปเองทั้งหมด
“พี่ไม่เคยรักเธอเลย ที่ทำไปก็เพราะว่าอยากได้”
“แค่นั้นใช่ไหมคะ?”
“ใช่ เก็บข้าวของออกจากห้องพี่ไปด้วย”
“พี่เคลย์ตันจำคำพูดของตัวเองไว้นะคะ วันไหนที่เสียใจจินนี่ขอให้พี่เสียใจมากกว่าจินนี่ร้อยเท่า ขอให้พี่อยู่อย่างทุกข์ทรมาน”
ปัง!
เคลย์ตันเดินออกไปแล้ว เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอเลยสักนิดมีแต่เธอที่เสียใจอยู่คนเดียว
“จินนี่จะเกลียด เกลียดคุณ”
หญิงสาวนั่งร้องไห้กลับพื้นและฟุบหน้าลงปล่อยให้น้ำตารินไหลลงมาอย่างไม่อายฟ้าอายดิน เจ็บที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยรักเธอเลยสักนิดมีแต่เธอที่คิดไปเอง
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงที่หญิงสาวนั่งอยู่ตรงนั้นเมื่อคิดได้จึงลงมือเก็บของหญิงสาวหยิบเฉพาะของตัวเองลงกระเป๋าส่วนของที่เคลย์ตันซื้อให้เธอจะไม่มีวันเอาไปด้วยเด็ดขาด ความเจ็บครั้งนี้เธอจะจำไปอีกนาน
เมื่อหันไปเห็นรูปคู่ที่วางอยู่หัวเตียงจินนี่จึงหยิบมันขึ้นมาดูพร้อมกับหัวเราะทั้งน้ำตาและจัดการโยนมันทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ไยดี เธอรักเขามากก็จริงแต่ในเมื่อเขาบอกว่าไม่รักเธอก็จะไม่ตามตื๊อเขา
จินนี่ลากกระเป๋าออกมาก่อนจะหันไปมองรอบๆห้องก่อนจะตัดสินใจวางคีย์การ์ดและของมีค่าที่เคลย์ตันซื้อให้ลงบนโชฟาและเดินออกไป ในขณะนั้นหญิงสาวไม่รู้เลยว่าเคลย์ตันนั้นแอบมองเธออยู่ตลอดเวลา
“หากมีโอกาสพี่จะไถ่โทษเรานะ”
เคลย์ตันยืนมองหญิงสาวจนลับตาไปและตัดสินใจเดินเข้าห้องมาทุกอย่างที่เขาซื้อให้ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่างยังวางอยู่ที่เดิม ชายหนุ่มเดินไปหยิบกรอบรูปขึ้นมาจากถึงขยะและวางลงไว้ที่เดิม ต่อจากนี้เขาคงไม่ได้ยินเสียงหวานๆนั้นอีกแล้ว
เสียงเพลงดังกระหึ่มบวกกับแสงสปอร์ตไลน์ที่สาดส่องไปทั่วบริเวณกลิ่นบุหรี่ลอยคละคลุ้งและสตรีมากหน้าหลายตาที่ออกมาโชว์ลวดลายอยู่หน้าเวที ผู้คนกับสนใจแต่ผิดกับเคลย์ตันที่นั่งหมดอาลัยตายอยากพร้อมกับยกเหล้าขึ้นดื่มเหมือนกับน้ำเปล่า
“ดื่มให้หมดจนเมายังไงก็ลืมเขาไม่ได้หรอกนะครับ”
ไซม่อนบอร์ดี้การ์ดมือดีของเคลย์ตันพูดขึ้นมาเพราะทนเห็นเจ้านายดื่มจนเมามายไม่ได้ คนเรานี่ก็แปลกรักกันแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้เพราะฐานะที่แตกต่างกัน
“หุบปาก! ไปเรียกเว่ยอิงมาดื่มอีกคนนายก็ดื่มด้วย”
เว่ยอิงบอร์ดี้การ์ดคนสนิทอีกคนที่ทำงานให้เขามาหลายปีจนเขาไว้ใจลูกน้องทั้งสองได้
“นายทำแบบนี้มีแต่นายที่จะเสียใจเอง”
“นายจะไปรู้อะไรไซม่อน ฉันต้องการอำนาจเพื่อดูแลปกป้องคนที่ฉันรัก”
ทั้งสองเมื่ออยู่นอกเวลางานจะพูดคุยกันเหมือนเพื่อนซึ่งเคลย์ตันและไซม่อนเป็นกันมานานไม่แปลกที่จะไว้ใจกัน
“ฉันหวังว่านายจะเลือกถูก”
ไซม่อนหนักใจหากเขาเป็นหญิงสาวคนนั้นชาตินี้คงไม่ขอพบเจออีก เป็นเขาก็ไม่กล้าไปพบหน้าด้วยเพราะความละอายใจ
“โห่พี่เจ้านายตัวหนักเป็นบ้าเลย”
“แบกไปใกล้ถึงรถแล้ว”
เว่ยอิงบ่นอุบอิบเพราะเขาต้องแบกเจ้านายที่เมามายลงมาจากไนต์คลับเพื่อจะพาไปส่งที่บ้านพักระหว่างนั้นเองก็มีหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น
“ฉันจางเจียลี่ว่าที่ภรรยาของคุณหวัง ขอฉันคุยกับเขาหน่อย”
“เจ้านายผมไม่สะดวก...”
“คุณมีอะไรกับผม!”
เคลย์ตันที่ยังคงประคองสติได้อยู่จึงหันมามองหญิงสาวตรงหน้าหน้าตาก็สวยดี แต่ก็ไม่มีใครแทนที่หญิงสาวที่เขารักได้สักคนและจะไม่มีใครมาแทนที่เธอ
“ฉันจางเจียลี่เป็นว่าที่...”
“อะไรก็ช่างผมไม่สนใจ”
เจียลี่หน้าเสียขึ้นมาหญิงสาวคิดว่าเขาจะหลงเสน่ห์ของเธอบ้างแต่ใครจะสนในเมื่องานแต่งงานของเธอและเขากำลังจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า
“คุณจะไม่สนใจเจียลี่สักนิดเลยหรือไงคะ”
“เพราะคุณ ทำให้ชีวิตผมต้องเสียคนที่รักไปต่อให้ผู้หญิงเหลืออยู่คนเดียวบนโลกผมก็ไม่รักคุณ ขึ้นรถ!”
เคลย์ตันพูดอย่างอารมณ์เสียและขึ้นรถไปทิ้งให้ผู้หญิงตรงหน้ายืนอยู่คนเดียว โดยไม่สนใจไยดี
“กรี๊ดดดด อีนั่นมันเป็นใครทำไมมันถึงได้หัวใจของคุณ”
เจียลี่กำหมัดแน่นเธอจะไม่มีวันเสียผู้ชายคนนี้ให้ใครเด็ดขาด เธอต้องรีบเร่งงานแต่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้หวังชานเยจะได้อยู่ในกำมือของเธอตลอดไป
เมื่อเคลย์ตันเดินเข้ามาที่ห้องพักเขายังจำภาพของจินนี่ได้ทุกอย่างเขาอยากขอโทษอยากปลอบเวลาที่หญิงสาวร้องไห้ เขาก็เจ็บไม่น้อยไปกว่าเธอเลยแต่เขาเลือกที่จะบอกเลิกเพราะพ่อของเขานั้นเลวร้ายเคลย์ตันหลับตาลงอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก
“เอาไว้พี่เคลียร์ตัวเองเสร็จพี่จะกลับไปหา”
หากทำให้หวังเฟยอินลงจากตำแหน่งได้ พ่อของเขาก็จะไม่มีอำนาจมาต่อรองกับเขาแค่ไม่กี่ปีหวังว่าหญิงสาวจะไม่เกลียดเขาไปมากกว่านี้
จินนี่ที่ตอนนี้กำลังเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างหญิงสาวร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลออกมา เธอสัญญากับตัวเองว่าหลังจากนี้จะไม่เสียน้ำตาให้กับผู้ชายคนนั้นอีกต่อไป
“แม่จ๋าจินเหนื่อยจังเลย”
หญิงสาวหยิบรูปมารดาขึ้นมาและพูดกับรูปถ่ายของมารดาหากเธออยู่เมืองไทยก็คงไม่ต้องมาพบเจอโชคชะตาแบบนี้ ทำไมมารดาถึงไม่เอาเธอไปอยู่ด้วย
หญิงสาวรู้แค่แม่เป็นเมียน้อยของจางเลี่ยงหลินตอนคลอดผู้ชายคนนั้นก็ไม่มาดูแลเลยสักนิดพอแม่เสียผู้เป็นพ่อจึงพาเข้าไปอยู่ในบ้านให้ทุกคนตราหน้าว่าเป็นลูกเมียน้อย
หลังจากอายุได้ประมาณสิบขวบแม่ของจางเจียลี่ก็เสียชีวิตลงยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของพี่กับน้องยิ่งแย่ลงไป เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นหญิงสาวจึงตัดสินใจย้ายออกจากบ้านไปใช้ชีวิตคนเดียวในเมืองใหญ่
ในวันที่ลำบากก็มีมือของเขายื่นเข้ามาช่วยเหลือคอยอยู่เคียงข้างไม่ไปไหนเขาทำให้เธอมีความสุขที่สุดในชีวิตและเขาก็ทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดเหมือนกัน
“จินนี่จะลืมมันไปให้หมด จินเจ็บตรงนี้ ฮึก” น้ำตาไหลอาบแก้มลงมาอีกรอบพร้อมกับมือที่กุมหน้าอกไว้เธอแค่อยากร้องไห้เพื่อระบายความเจ็บปวดออกมา
ไม่นานหญิงสาวจึงผล็อยหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตาที่ยังติดอยู่บนใบหน้าสวย อยากลืมตาขึ้นมาแล้วลืมทุกอย่างที่เคยเจอไม่อยากรู้จักใครแค่อยากหายไปจากผู้คนที่ใจร้าย