EP 13 | กู๊ดไนท์คิส
“ต้องกู๊ดไนท์คิสด้วยสิคะ”
แทนส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจกับยัยเด็กขี้อ่อยพร้อมกับทิ้งตัวนอนลงบนเตียงในขณะที่น้ำหอมเดินไปปิดไฟห้องแล้วกลับมานอนลงข้างๆ เขา
“ไม่กู๊ดไนท์จริงๆ เหรอ”
น้ำหอมเอ่ยถามพลางยื่นหน้าเข้าไปหาแทนจนปลายจมูกของทั้งคู่แทบจะชนกันแถมยังส่งสายตาออดอ้อนชนิดที่ถ้าแทนทนไหวเขาคงจะต้องไปพบแพทย์เนื่องจากต่อมความรู้สึกไม่ทำงาน
“นอน”
คนพยายามนับหนึ่งถึงร้อยในใจพูดเสียงเข้มเพราะรู้ตัวเองดีว่าเขากำลังจะทนไม่ไหวถ้าน้ำหอมยังไม่เลิกเล่นคนที่เดือดร้อนจะเป็นเธอไม่ใช่เขา
“ไม่...อื้อ!”
เสียงของน้ำหอมถูกกลืนลงไปทันทีเมื่อริมฝีปากร้อนแนบประกบเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่แทนจะพลิกตัวลุกขึ้นมาคร่อมอยู่บนร่างบางจนเธอตั้งตัวไม่ทัน
แทนจูบปิดปากของเธอจนสนิทพลางดูดเม้มริมฝีปากอวบอิ่มที่ชอบพูดจายั่วยวนเขาด้วยความมันเขี้ยว รสจูบที่เร่าร้อนทำให้น้ำหอมรู้สึกว่าโพรงปากของเธอแทบจะละลาย
นิ้วเรียวเลื่อนไล้ขึ้นไปบนต้นคอแกร่งแม้น้ำหอมจะพยายามจูบตอบแต่ก็ดูเหมือนประสบการณ์จะห่างชั้นกับคนบนร่างเสียเหลือเกิน แทนจูบเธออย่างหนักหน่วงราวกับต้องการดูดวิญญาณของเธอออกจากร่าง
ลิ้นอุ่นเซาะซอนเข้าไปกวาดชิมความหวานในโพรงปาก เมื่อได้จูบแทนก็รู้สึกเหมือนยิ่งหยุดไม่ได้ เขากำลังลุ่มหลงอยู่กับรสจูบแสนหวานจนไม่อยากผละออกสักวินาที
“อึก อื้อ!”
น้ำหอมส่งเสียงประท้วงเมื่อเริ่มหายใจไม่ทัน มือเรียวที่ลูบไล้อยู่บนต้นคอก่อนหน้าเปลี่ยนเป็นกำหมัดและทุบลงเบาๆ บนบ่าแกร่งแต่แทนทำเพียงแค่ผละออกเพียงเสี้ยววินาทีให้เธอได้สูดออกซิเจนเข้าปอดแล้วก้มลงช่วงชิงลมหายใจของเธออีกครั้ง
กว่าจะจูบจนหนำใจริมฝีปากอวบอิ่มของคนตัวเล็กก็บวมเจ่อไปหมด แทนค่อยๆ ผละออกจากอ้อยอิ่ง สายตาคมกวาดมองใบหน้าสวยที่กำลังนอนมองเขาตาละห้อย อย่างน้อยก็ได้ผลเพราะน้ำหอมนอนเงียบกริบไม่ปริปากเอ่ยยั่วยวนเขาอีกสักคำ
“หึ นอน”
แทนยกยิ้มมุมปากก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างเธอแล้วสอดแขนแกร่งเข้าใต้ต้นคอพลางดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดราวกับเธอเป็นหมอนข้าง
น้ำหอมนอนมองรูปรอยสักที่หน้าอกข้างซ้ายของแทนด้วยหัวใจที่เต้นแรงจนแทบจะระเบิด ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยโดนจูบแต่ก็ไม่คิดว่าคนนิ่งๆ แบบเขาจะจูบเก่งและเร่าร้อนขนาดนี้
‘ขายขี้หน้าชะมัดเลยไอ้หอม ก่อนหน้านี้ล่ะปากดีเชียว’
ไม่นานน้ำหอมก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อย บรรยากาศฝนตกๆ แบบนี้ได้นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของใครสักคนมันดีแบบนี้นี่เอง
แทนก้มลงมองคนที่กำลังนอนหลับซุกอกของตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ที่เธอหมดฤทธิ์เสียที แม้เจ้าตัวจะหลับไปแล้วแต่ลมหายใจที่เป่ารดอยู่ตรงหน้าอกของเขา กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเส้นผมสลวย ไหนจะเนื้อตัวนุ่มนิ่มที่เขากำลังนอนกอดอยู่ก็ถือเป็นบททดสอบที่ร้ายกาจสำหรับเขาเช่นกัน
‘ถ้าไอ้สองตัวบาทมันรู้เรื่องนี้เข้า คงต้องไล่มึงไปบวชแน่ๆ ไอ้แทนเอ้ย’
น้ำหอมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นจากโทรศัพท์ของใครบางคน เธอค่อยๆ ขยับตัวไปคว้าโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาปิดเสียงเพราะเจ้าของเครื่องไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
แม้เธอจะเห็นว่าเขานอนหลับสนิทแต่รอยเปียกชื้นตามไรผมก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่าเมื่อคืนเขาคงจะนอนไม่สบายเท่าไหร่ อดสงสารคนขี้ร้อนไม่ได้
‘คนอะไรนอนหลับก็ยังหล่อ แอบถ่ายรูปไว้หน่อยดีกว่า’
แน่นอนว่ามือบางคว้าโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปเก็บเอาไว้อย่างไวเพราะกลัวเจ้าตัวจะตื่นขึ้นมาก่อน
น้ำหอมลงจากเตียงเดินตรงไปยังห้องน้ำ สภาพตัวเองในกระจกทำให้เธอสะดุ้งด้วยความตกใจ
“ทำไมปากบวมขนาดนี้วะนึกว่าฉีดฟิลเลอร์ ไอ้แพทล้อตายแน่”
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาเสร็จเรียบร้อยน้ำหอมก็เดินไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อแต่งหน้า ถ้าไปมหาวิทยาลัยเธอจะแต่งหน้าแบบง่ายๆ แค่ทาคุชชั่น เขียนคิ้วนิดหน่อยแล้วก็ทาลิปทินท์เป็นอันจบขั้นตอน
แทนลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงไดร์เป่าผมก็เห็นร่างบางในชุดนักศึกษากำลังยืนเป่าเสื้อช้อปให้เขาอยู่ มือหนาคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาก่อนจะลงจากเตียงเดินเข้าไปหาคนตัวเล็ก
“อุ้ย!”
“ตกใจอะไร”
จู่ๆ ก็มายืนอยู่ข้างๆ ใครจะไม่สะดุ้งบ้างล่ะ น้ำหอมชำเลืองมองรอยสักเพราะอยู่ใกล้สายตาของเธอมากที่สุดก่อนจะไล่สายตาจากลูกกระเดือก ปลายคาง มาจบที่ปากหยักได้รูปก็ทำให้นึกถึงจูบแสนเร่าร้อนเมื่อคืนขึ้นมา
เลือดในกายสูบฉีดดีกว่าปกติโดยเฉพาะใบหน้าของเธอที่รู้สึกถึงความเห่อร้อนจนกลัวว่ามันจะระเบิด
‘ไม่ได้นะไอ้หอม! เรามันเลือดนักสู้จะมาเขินผู้ชายเพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้’
“ทำไมเงียบ โกรธเหรอ”
แทนยื่นมือไปเชยคางน้ำหอมขึ้นเพื่อสบตากับเขา ปกติคนตรงหน้าจะต้องพูดเจื้อยแจ้วตลอดเวลาแต่วันนี้กลับเงียบสนิทเสียอย่างนั้น เขาจึงคิดไปว่าเธออาจจะโกรธเรื่องที่เขาจูบเธอเมื่อคืนแถมตอนนี้ปากของเธอก็ยังบวมอยู่เลย
“เปล่าค่ะ”
เมื่อสังเกตเห็นว่าแก้มของเธอกำลังแดงระเรื่อจนลามไปถึงหูและคำตอบที่เธอบอกว่าไม่ได้โกรธ ทำให้เขารู้ทันทีว่าที่เธอเงียบเพราะเธอกำลังเขินอยู่ต่างหาก
‘มันเขี้ยวชะมัด จูบให้ปากแตกอีกสักรอบแล้วค่อยง้อได้ไหมวะ’
“แล้วทำไมเงียบ”
น้ำเสียงปนขำบวกกับสายตาที่กำลังมองมาทำให้น้ำหอมรับรู้ได้ว่าเขากำลังเยาะเย้ยอาการเขินของเธออยู่
“ยังจะมาถามอีก”
“อะไร”
“ก็พี่แทนนั่นแหละ”
“ฉันทำไม?”
นอกจากจะทำหน้านิ่ง หน้ามึนเก่ง นิสัยอีกหนึ่งข้อของแทนที่น้ำหอมรับรู้ในตอนนี้คือเขายังเป็นคนขี้แกล้งอีกด้วย
“ก็พี่แทนจูบหอมแรงอ่ะ ดูสิปากหอมบวมหมดแล้ว ทั้งจูบ ทั้งกัด เป็นหมาหรือไงคะ!”
น้ำหอมวีนออกไปอย่างเหลืออดกับคนหน้ามึนแต่ประโยคของเธอกลับทำให้ดวงตาคู่คมฉายความเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที
“ว่าไงนะ”
วงแขนแกร่งรวบเอวบางเข้าไปหาอย่างรวดเร็วแต่น้ำหอมที่รู้ทันก็รีบยกมือขึ้นปิดปากของตัวเองเอาไว้เช่นกัน ทำให้ริมฝีปากหยักที่กดจูบลงมาประทับตรงหลังฝ่ามือของเธอแทน
“เอามือออก”
“อื้อๆๆๆ”
น้ำหอมส่ายหน้าระรัว แน่นอนว่าถ้าแทนจะดึงมือของเธอออกยังไงเธอก็สู้แรงเขาไม่ได้แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ ใบหน้าหล่อจึงโน้มลงไปกระซิบข้างหูของเธอแทน
“หึ! วันหลังถ้าใจกากอย่าปากเก่ง”
แทนปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระก่อนจะคว้าผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้น้ำหอมยืนกำหมัดแน่นกับประโยคดูแคลนของเขา
‘ร้ายกาจมาก! ไอ้ใบหน้านิ่งขรึม พูดน้อย ปากหนัก มันเป็นแค่หน้ากากเท่านั้นแหละ เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวเจอไอ้หอมเอาจริงบ้าง’
@คณะบริหารธุรกิจ
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
รถ TOYOTA Camry สีขาวจอดเทียบอยู่หน้าอาคารเรียนของสาขาการตลาด วันนี้แทนมีเรียนช่วงบ่ายแต่เขาก็ขับรถเข้ามาส่งน้ำหอมในมหาวิทยาลัยก่อนจะกลับไปเปลี่ยนชุดที่คอนโดของตัวเอง
“ตอนเย็นก็รอแถวนี้”
ประโยคของแทนทำให้น้ำหอมที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถหันขวับกลับมามองหน้าเขาทันที เมื่อกี้ที่เขาพูดหมายความว่าเขาจะมารับเธอด้วยใช่ไหม
“จะมารับเหรอคะ”
“อืม”
“ทำไมถึงอยากมารับมาส่งหอมล่ะคะ”
น้ำหอมถามพลางยกมือขึ้นเท้าคางอย่างรอคอยคำตอบ อยากรู้จริงๆ ว่าคนปากหนักอย่างเขาจะตอบเธอว่าอะไร
“เธอจะจีบ”
“ฮ่าๆๆ มาให้หอมจีบว่างั้น”