บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 - ที่ตรงนั้นของคุณยายฉัน 1

วัลดัสกลับมาบ้านในวันอังคารตอนเย็นเพื่อมาทานมื้อเย็นกับคุณยายและคุณตาตามคำเชิญชวนของท่าน แต่ก็ต้องหน้าตึงเมื่อเพื่อนร่วมโต๊ะวันนี้ไม่ได้มีเฉพาะครอบครัว แต่มีคนนอกอย่างภัทร์รวีมาร่วมรับประทานอาหารด้วย ไม่รู้ทำไมหล่อนถึงมาที่นี่และมาทานข้าวกับครอบครัวตนได้

ภัทร์รวีแทบกลืนข้าวไม่ลงเมื่อเห็นสายตาน่ากลัวของท่านรองประธานของตนเอง แต่ก็ก้มหน้าฝืนตักข้าวทานโดยมีเจ้าของบ้านทั้งสองที่เอ็นดูเธอชวนคุยพร้อมกับตักอาหารให้ วัลดัสมองคุณตาที่ตักกับข้าวเอาใจเลขาของตนอย่างออกนอกหน้า และที่น่าโมโหไปกว่านั้นคือคุณยายของเขาก็สนับสนุนการกระทำของคุณตาไปด้วยจนต้องหยิบแก้วน้ำที่วางใกล้มือขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้วแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

“ไปไหนเป้าโต” คุณหญิงถามหลานชายที่ยังไม่ตักข้าวทานสักคำทันทีเมื่อเห็นว่าหลานชายคนเล็กลุกขึ้น ส่วนหลานชายคนโตก็เอาใจแต่ภรรยาและคงลืมไปแล้วว่าตัวเองไม่ได้ทานข้าวกันสองคน แต่มีคนอื่นอยู่ด้วย

“จะไปอาบน้ำนอนครับคุณยาย” เขาตอบเสียงห้วนๆ

“แล้วอิ่มแล้วเหรอถึงจะไป” ผู้เป็นตาถามหลานชายบ้าง

“ผมทานไม่ลงหรอกครับ เพราะคุณตาเอาใจนางบำเรอออกนอกหน้าขนาดนี้ ผมถามหน่อยเถอะ คุณตาทำกับคุณยายได้ยังไง และไม่อายเด็กรับใช้ในบ้านบ้างเหรอครับที่พาเมียเด็กตัวเองมาทานข้าวเย็นด้วยที่บ้าน” วัลดัสตอบกลับผู้เป็นตาพร้อมใส่อารมณ์โกรธผสมไปในประโยคด้วย

“นี่ยายยังไม่คิดมากเลยนะเป้าโต ทำไมถึงมาคิดมากแทนยาย ดีเสียอีกจะได้มีคนดูแลตาเราแทนยาย เพราะยายก็แก่มากแล้ว อีกอย่างเป็นหนูแพมด้วย ยายยินดีให้มาดูแลตาเรา”

อยากมโนนักนางก็ส่งเสริมความคิดหลานชายไปเลย คิดได้ยังไงกันว่าตาตัวเองกับเลขาของตัวเองทำเรื่องผิดศีลธรรมกัน

“คุณยาย!” วัลดัสกำมือทั้งสองข้างแน่นด้วยความโกรธ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากใช้สายตาของตนจ้องมองไปยังแขกของคุณตาและคุณยายแล้วก็หมุนตัวเดินจากไปทันที

หึหึ

ผู้มีอำนาจสูงสุดของบ้านได้แต่ขำในลำคอมองหลังหลานชายคนเล็กที่เดินจากไปแล้วหันไปทางแขกของตนที่เชิญมาในวันนี้แล้วก็เอ่ยกับหญิงสาว

“ฉันต้องขอโทษแทนไอ้เป้าโตมันด้วยนะหนูแพม”

“ฉันด้วยนะหนูแพม อย่าไปถือสามันเลย มันก็ปากไม่ดีแบบนี้แหละ” คุณหญิงเอ่ยต่อทันทีที่สามีตัวเองพูดจบความ

“ไม่เป็นไรค่ะ” ทั้งๆ ที่ในใจนั้นดั่งกองไฟตอนนี้ เธอโกรธเหลือเกินที่วัลดัสดูถูกเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้

“อย่าไปสนใจคำพูดของมันเลยนะน้องแพม ไอ้เป้าโตมันปากหมาแบบนี้แหละ พูดไม่คิดถึงใจคนฟังหรอก” คนที่สนใจแต่ภรรยาที่นั่งข้างๆ เอ่ยขึ้นบ้าง

“ขอบคุณนะคะคุณโลเวล” ภัทร์รวีเอ่ยขอบคุณชายหนุ่ม แปลกนักทั้งๆ ที่เป็นพี่น้องกัน แต่ทำไมนิสัยต่างกัน

“พี่แพมอย่าไปใส่ใจในคำพูดของพี่เป้าโตเลยนะคะ ปกติพี่เขาเป็นคนดีสุภาพบุรุษมากค่ะ” มัญชุสาเอ่ยขึ้นบ้าง

“พี่จะพยายามไม่คิด ไม่ใส่ใจค่ะ เพราะพี่ก็เจอคำพูดถากถางจากคุณวัลดัสทุกวันอยู่แล้ว พี่ชินแล้วค่ะ” ปากบอกแบบนั้น แต่ในใจนั้นเต็มไปด้วยความแค้น

“อย่าไปพูดถึงคนปากหมาเลย กินข้าวกันต่อเถอะ มัดหมี่ก็ทานเยอะๆ ล่ะ หลานฉันจะได้แข็งแรง” ท้ายประโยคคนหัวโต๊ะเอ่ยกับหลานสะใภ้ของตนเอง

“ค่ะ คุณตา”

มัญชุสารับคำแล้วคนเป็นสามีก็เอาใจทันที ส่วนคุณหญิงที่มองหลานชายเอาใจภรรยาแล้วก็ต้องเบ้ปากหมั่นไส้เล็กน้อยแล้วหันมาขอบคุณสามีที่ตักอาหารเอาใจตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้นางรู้ว่าทำไมสามีถึงตักกับข้าวให้ภัทร์รวี เพราะอยากยั่วต่อมโมโหของหลานชายคนเล็ก

งานที่ทำไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไร แต่ที่ทำให้ต้องเหนื่อยและทุกข์เพราะมีเจ้านายที่มีแต่ความคิดด้านลบๆ กับตนเอง ไม่รู้จะทนไปได้นานเท่าไหร่กับตำแหน่งเลขาของวัลดัส และตอนนี้ก็เป็นเวลาพักเที่ยง เธอก็ได้เตรียมอาหารมื้อเที่ยงมาไว้รอท่านรองประธานที่ทำงานอยู่ห้องตรวจชั้นล่าง คงอีกไม่นานก็ขึ้นมาทานข้าวแล้ว และก็จริงเมื่อประตูห้องทำงานเปิดกว้างออกพร้อมร่างสูงสง่าในชุดกาวน์ เวลาอยู่ในชุดกาวน์เขาดูมีเสน่ห์...ใช่ แต่เสน่ห์นั้นก็หายไปเมื่อเสียงแข็งกระด้างเอ่ยขึ้น

“จัดอาหารเสร็จก็ออกไปสิ จะยืนอยู่ให้รำคาญตาทำไม กินไม่อร่อยกันพอดี”

เขาเดินไปนั่งลงที่ชุดโซฟาที่นั่งทานข้าวเป็นประจำแล้วมองกับข้าวที่เตรียมไว้ตรงหน้า มีสเต๊กปลาแซลมอนกับน้ำผลไม้ มือใหญ่เม้มปากแน่นแล้วปัดจานสเต๊กตรงหน้าทิ้งทันที

เพล้ง!

เท้าเล็กของคนที่กำลังจะเดินออกไปก็ต้องหยุดชะงักแล้วหันมาทางจานที่ถูกปัดทิ้งแตกกระจายที่พื้น

“บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ชอบกินปลาแล้วยังโทรสั่งมาอีก เธอเป็นเลขาประสาอะไร หรือว่าในหัวเธอจำแต่เรื่องของคุณตาฉัน แพม!”

คนพาลเอ่ยหาเรื่อง จริงๆ เขาเป็นคนทานง่าย แต่ที่ทำแบบนี้เพราะหงุดหงิดกับหน้าตาเย็นชาของหล่อน

“ขอโทษค่ะคุณวัลดัส ถ้าไม่ชอบก็ควรจะบอกดีๆ ไม่ควรปัดทิ้งแบบนี้ อีกอย่างคุณไม่ใช่คนสำคัญสำหรับฉัน ทำไมฉันต้องจดจำด้วย” เธอเดินกลับมาก้มลงเก็บเศษจานที่ตกแตกกับพื้นไปกองรวมกัน

“ฉันจะปัดทิ้งแล้วทำไม” เขาพูดจบก็ลุกขึ้นทันทีพร้อมกับประตูห้องทำงานของเขาถูกเปิดผลักเข้ามา

“วัลดัสขา...” เสียงเล็กแหลมดัดจริตดังมาพร้อมกับเจ้าตัวในชุดเดรสเกาะอกสีดำเข้ารูปเดินก้าวเร็วๆ มาหาเขาที่นั่งอยู่บนโซฟา

“แนนซี่”

เขาเรียกชื่อผู้มาใหม่ที่เดินมานั่งเบียดตัวเองพร้อมกับโอบกอดตนเองและโน้มคอตัวเองลงไปซุกจูบโดยไม่สนใจว่าตอนนี้มีสายตาของเลขาของเขามองอยู่ ด้านภัทร์รวีก็ได้แต่มองแล้วก้มหน้าเม้มปากเก็บเศษจานที่ตกแตกให้หมดจะได้รีบออกไป

อุ๊ย!

ด้วยความรีบทำให้ไม่ได้ระวังมือที่หยิบเศษจานจนถูกเศษจานที่แตกบาดมือ แต่ก็แค่เล็กน้อยจนต้องรีบยกขึ้นมาดูดนิ้ว ส่วนวัลดัสเขาเห็นว่าเธอโดนเศษจานบาดมือ แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจแล้วดันนางแบบสายที่มาถึงก็ปล้ำจูบไซ้ซอกคอตนออกห่าง

“ทำไมไม่โทรมาบอกผมก่อนว่าจะมาหา”

เขาถามนางแบบสาวแสนสวยเสียงทุ้ม แต่หางตานั้นเหลือบมองคนที่เก็บเศษจานที่แตกแล้วออกไปจากห้องเงียบๆ

“ถ้าโทรมา คุณก็บอกว่าไม่ว่างสิคะวัลดัส ว่าแต่คืนนี้ไปค้างด้วยกันนะคะ” นางแบบสาวเอ่ยอ้อนพร้อมกับเอนหัวไปซบอกแกร่ง

“คืนนี้ผมอยู่เวร” เขาบอกหล่อน

“เหรอคะ งั้นไม่เป็นไรค่ะ แนนซี่อยากบอกว่าคิดถึงคุณนะคะวัลดัส” เธอพูดพร้อมลุกขึ้นเดินไปยังประตูห้องแล้วกดล็อกกลอน

แก๊ก!

วัลดัสรู้ว่าหล่อนต้องการอะไรจากตนตอนนี้ ที่นางแบบมาหาเพราะติดใจเซ็กซ์ที่เร่าร้อนของเขา และตอนนี้เขาก็เครียดพอดี เพราะตอนบ่ายมีคิวผ่าตัดรออยู่ เจ้าหล่อนเดินกลับมานั่งคร่อมบนตักเขาบนโซฟาทันทีพร้อมถลกกระโปรงชุดเดรสสั้นขึ้นไปกองไว้บนเอวเล็กคอด ดันเขาเอนตัวพิงไปกับพนักโซฟา

“คืนนี้ไม่ว่าง แต่ตอนนี้พักเที่ยงใช่ไหมคะ” หล่อนสะบัดผมยาวสลวยตัวเองไปด้านหลังพร้อมกับลูบไล้ลำคอหนาของหมอหนุ่ม

“ผมมีเวลาไม่มากนะ ผมยังไม่ได้กินข้าว” มือหนานุ่มลูบไล้เรียวขาเล็กมาจับก้นกลมกลึงของหล่อน

“ไม่นานค่ะ รับรองคุณได้กินข้าวเที่ยงแน่นอน แล้วตอนบ่ายว่างไหมคะ หรือมีคนไข้รอ”

“มีคนไข้รอ และมีผ่าตัดด้วย ผมจึงต้องกินข้าว เพราะเซ็กซ์ไม่ได้ทำให้ผมอิ่มท้อง”

“งั้นแนนซี่รบกวนคุณไม่นานค่ะวัลดัส แนนซี่คิดถึงคุณนะคะ แนนซี่ต้องการคุณค่ะ” หล่อนโน้มหน้าลงไปหาคนที่แหงนเงยมองหน้าตัวเองแล้วแนบปากอวบอิ่มสีแดงฉ่ำตัวเองไปกับปากหนาอุ่นร้อน

“อ่ะ...อื้อ” เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากทั้งสองพร้อมกับมือใหญ่ของวัลดัสเคลื่อนไหวลูบไล้ไปมาตามเรียวขาเล็กที่คร่อมทับบนตักตัวเอง ปลายลิ้นสากสอดเร่าเข้าไปในโพรงปากเล็กและกำลังจะหลงระเริงกัน แต่เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นรบกวน

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

“อะ...อืม เปิดประตูไหมคะ” นางแบบสาวถามชายหนุ่มเมื่อผละจูบออกมาอย่างเสียดาย

“ไม่ต้องสนใจหรอก คงเป็นเลขาผม”

เขาบอกหล่อน แล้วกำลังจะสอดมือเข้าไปในกางเกงซับในของหล่อน ประตูหน้าห้องก็ถูกทุบแรงกว่าตอนแรก ตอนแรกคือเคาะ แต่ตอนนี้คือทุบ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel