บท
ตั้งค่า

บทที่ 5. ตอนนี้ผมรักคุณ

เช้านี้บุณยดาไปส่งคีเดนที่สนามบินตั้งแต่เช้าโดยที่สามียังนอนหลับอยู่บนเตียง บุณยดากลับมาบ้านในตอนช่วงสายก็เห็นสามีนั่งจิบดื่มกาแฟที่ริมสระน้ำของบ้าน วันนี้เป็นวันเสาร์เป็นวันหยุดของเธอและของเขา ปกติวันหยุดจิณณ์จะพักผ่อนอยู่บ้าน เขาชอบอยู่บ้านอ่านหนังสือและนอนกลางวัน ส่วนเธอก็เข้าครัวทำขนมไทย

“วันนี้คุณแนนจะทำขนมอะไรคะ”

“วันนี้แนนว่าจะทำลูกตาลลอยแก้วค่ะ” เธอบอกนิดหน่อยสาวใช้ของบ้าน

“งั้นนิดหน่อยเตรียมของให้คุณแนนนะคะ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ นิดหน่อยไปช่วยป้าเจิมทำงานอย่างอื่นเถอะ ในครัวแนนทำเองได้ อ้อ...มื้อเที่ยงแนนไม่ทานนะคะ แนนจะเอาลูกตาลลอยแก้วไปให้แม่ที่บ้านและจะทานกับท่านที่บ้านเลยนะนิดหน่อย”

“อ้อ...ได้ค่ะ” นิดหน่อยวัยสิบห้าปีเอ่ยรับคำแล้วเดินออกจากห้องครัวทิ้งให้เจ้านายอยู่คนเดียวลำพัง

เมื่อเหลือตัวคนเดียวก็เดินไปเปิดตู้เย็นนำลูกตาลที่แวะซื้อกลับมาด้วยเมื่อวานตอนเย็นออกมาเตรียมทำลูกตาลลอยแก้วโดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้สามีนั้นได้มายืนกอดอกมองตัวเองที่หน้าห้องครัว จิณณ์ยืนจ้องมองภรรยาที่กำลังเคลื่อนไหวคล่องแคล่วในครัวอย่างชำนาญ ยืนยิ้มมองการเคลื่อนไหวของคนตัวเล็กแล้วเดินเข้าไปหาอย่างคนละเมอ พอเดินไปถึงก็จับมือเล็กที่กำลังจับหม้อที่จะไปตั้งบนเตาแก๊สรั้งไว้

“ให้ผมช่วย”

น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนดังขึ้นข้างแก้มทำให้เธอต้องเอี้ยวหันหน้ามามองและปลายจมูกก็ชนกับแก้มสากของเขาจนหม้อในมือหลุด

เพล้ง!

หม้อตกลงพื้นเตือนสติของทั้งคู่จนต้องรีบผลักออกจากกัน

“คุณทำอะไรอยู่เหรอ” จิณณ์ถามแก้เขินให้ตัวเอง

“ละ...ลูกตาลลอยแก้วค่ะ” เธอตอบติดขัดไม่กล้าสบตาของคนตัวโต

“อ้อ...ขอผมถ้วยหนึ่งนะ อยากกินพอดีเลย”

“ค่ะ คุณจิณณ์ไปรอข้างนอกก่อนเถอะค่ะ” ตอนนี้บุณยดาไม่อยากอยู่ใกล้เขา เพราะหัวใจเธอมันเริ่มจะควบคุมไม่ได้แล้ว และไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องเข้าหาเธอทุกครั้งด้วย ทั้งๆ ที่ปกติเมื่อก่อนเวลาอยู่บ้านจะต่างคนต่างอยู่ แต่ตั้งแต่วันนั้นที่ห้องทำงาน วันที่เขาเจอคีเดนครั้งแรก เขาก็เปลี่ยนไป

“ผมขออยู่ในครัวด้วยนะ เผื่อได้ช่วยคุณบ้าง”

“เกะกะค่ะ ฉันทำคนเดียวได้” เธอบอกเขา

“งั้นก็ได้ แต่หอมแก้มก่อนได้ไหม” เขาเอียงหน้าลงมาให้เธอหอมแก้ม

“เยอะไปแล้วนะคุณจิณณ์ พักนี้คุณทำตัวแปลกๆ นะคะ”

“ทำไม...ก็ผัวเมียกันจะจูบหอมกันมันก็เรื่องปกตินี่แนน”

“แต่คุณลืมไปแล้วเหรอว่าเราไม่ได้รักกัน”

“นั่นมันเมื่อก่อน” เขาตอบเสียงแผ่ว

“ยังไงคะ อย่าบอกนะว่าตอนนี้คุณ ‘รัก’ ฉัน” เธอถามเขาก็เห็นเขาพยักหน้าตอบ

“อือ...ใช่ ตอนนี้ผมรักคุณแล้ว แล้วยังไงล่ะ แล้วคุณล่ะ เลิกเกลียดผมรึยัง”

“ออกไปข้างนอกเถอะค่ะ ฉันจะทำลูกตาลลอยแก้ว เดี๋ยวไม่ทันไปบ้านคุณแม่ตอนเที่ยง”

“ผมไปส่งนะ”

“ฉันขับรถเป็นค่ะ”

“แต่ผมอยากไปส่งนี่”

“คุณจิณณ์! คุณต้องการอะไร”

“หอมแก้มผมแล้วผมจะไป” เขายังเอียงแก้มรอให้เธอหอมแก้มอย่างคนมึน

เฮ้อ!

บุณยดาถอนหายใจแรง กลอกตามองบนแล้วทำตามที่เขาต้องการให้จบๆ ด้วยการยื่นจมูกไปแตะแล้วก็ผละออกมา

“อือ...ไม่เรียกว่าหอมแก้ม หอมแก้มแบบนี้ต่างหากล่ะ” เขาตวัดแขนโอบเอวเล็กแล้วรั้งเข้ามาหาตัวเองแล้วก็ก้มหน้าลงมาหอมแก้มนวลเนียนของเธอแรงๆ ทั้งสองข้างแล้วมาหยุดที่จุ๊บหน้าผากมน

“อันนี้แถม ผมไปรอข้างนอกนะ เราจะไปบ้านคุณแม่ด้วยกัน” แล้วเขาก็ผละเดินจากไปทิ้งให้บุณยดายืนเขินแก้มแดงคนเดียวในห้องครัว

“บ้าๆๆ บ้าไปแล้วยัยแนน อย่าไปเคลิ้มกับเขา” เธอบอกเตือนสติตัวเองทั้งๆ ที่ตอนนี้ใจเธอเชื่อไปครึ่งหนึ่งแล้วว่าเขานั้นมีใจให้ตัวเองและเธอเองก็มีใจให้เขาโดยไม่รู้ตัวว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนโดนตกจนไม่รู้จะหลุดบ่วงรักนี้ยังไงแล้ว

เบญจากับประมงรู้สึกเจริญอาหารกว่าทุกวันเมื่อวันนี้ลูกสาวและลูกเขยมาทานมื้อเที่ยงเป็นเพื่อนด้วย หลังทานข้าวเที่ยงอิ่ม พ่อตากับลูกเขยก็แยกกันไปคุยเรื่องผู้ชายกันที่ห้องหนังสือ ส่วนสองแม่ลูกก็คุยกันที่ห้องนั่งเล่น

“เป็นยังไงบ้างลูก พักนี้แม่ว่าแนนดูมีน้ำมีนวลขึ้นนะ” คนช่างสังเกตเอ่ยถามลูกสาว

“แนนกินเยอะค่ะแม่จา” เธอตอบเลี่ยงๆ เพราะเธอรู้ดีว่าทำไมตอนนี้ถึงมีน้ำมีนวล ความผิดพลาดในคืนนั้นคืนเดียวทำให้เธอตั้งครรภ์ และเรื่องนี้ไม่มีใครรู้ เธอแอบไปฝากครรภ์คนเดียวไม่ได้บอกใคร มีเพียงคีเดนคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าตอนนี้เธอตั้งครรภ์ได้หกสัปดาห์แล้ว

“แน่ใจนะแนน อย่าโกหกแม่นะ แม่มองออกนะลูก แม่อาบน้ำร้อนมาก่อนหนูนะแนน” นางถามย้ำ

“ค่ะ แนนกินเยอะเลยดูมีน้ำมีนวลอย่างที่แม่เห็น” เธอยืนยันคำเดิม

“อือ...กินเยอะก็กินเยอะ” เมื่อลูกสาวไม่พร้อมบอกความจริง นางก็ไม่ซักถาม

“ว่าแต่ช่วงนี้แม่จาสบายดีนะคะ ปวดเมื่อยขาไหมคะ”

“ปกติดีลูก มีแต่พ่อเรานั่นแหละบ่นว่าพักนี้นอนไม่ค่อยหลับ แต่ก็ปกติคนแก่แหละลูก บ่นนอนไม่หลับแต่หลับก่อนแม่ทุกคืนนะ”

พูดแล้วนางก็ปิดปากขำสามี คนบอกนอนไม่ค่อยหลับแต่เท่าที่ดูหลับก่อนนางทุกคืน

“แม่จาก็รู้ว่าพ่อมงเป็นยังไง ปล่อยไปเถอะรายนั้น”

“พรุ่งนี้วันอาทิตย์แม่ว่าจะเข้าไปเลือกผ้าไหมที่โรงทอของเราสักหน่อยน่ะ จะเลือกมาตัดชุดไปงานแต่งงานของลูกสาวคุณนายเพชรน่ะ หนูไปกับแม่ไหมลูก” นางบอกลูกสาว

“งั้นพรุ่งนี้แนนมารับนะคะ แนนจะพาแม่ไปเลือกเองค่ะ”

“ก็ดี และแม่นัดจิตไว้ด้วยนะ”

“ได้ค่ะ เดี๋ยวแนนจะแวะรับแม่จิตก่อนจะมารับแม่จาที่บ้านนะคะ เพราะบ้านแม่จิตเป็นทางผ่านพอดี”

“ตามนั้นแหละ ออกสายหน่อยนะลูก”

“ค่ะแม่”

“เย็นนี้อยู่ทานข้าวกับแม่และพ่อก่อนค่อยกลับนะลูก ว่าแต่พ่อจิณณ์ไม่ได้มีธุระที่ไหนใช่ไหมลูก”

“ไม่รู้สิคะ แนนไม่ได้ถามเขา คงจะไม่มีธุระค่ะ ปกติวันหยุดเขาก็อยู่บ้าน อ่านหนังสือ ไม่ได้ไปไหน”

“แนน แม่ถามได้ไหมว่า...” เธอถามแทรกขึ้นโดยไม่รอให้ท่านพูดจบความ

“ว่าอะไรคะแม่จา?”

“ตอนนี้ลูกมีความสุขดีกับพ่อจิณณ์ ลูกรักพ่อจิณณ์รึยังลูก แม่ไม่อยากให้ลูกฝืน เพราะยังไงมันก็ทั้งชีวิตของลูก แม่รู้ว่าแม่กับพ่อผิดที่บังคับลูกแต่งงานกับพ่อจิณณ์ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน เพราะตอนเด็กลูกไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่สิบขวบ ส่วนพ่อจิณณ์เองก็เรียนประจำโรงเรียนชายล้วนไม่ค่อยได้มาบ้านเรา” นางถามเพราะสีหน้าของลูกสาวไม่ค่อยดีเลย มันดูเศร้าตลอดเวลาทั้งๆ ที่บุณยดายิ้มแย้มตลอด แต่นางรู้ว่ามันไม่ใช่ยิ้มที่ออกมาจากใจ แต่มันเป็นยิ้มที่แสร้งทำ

“ตอนนี้รักไม่รักไม่สำคัญแล้วค่ะแม่จา เพราะตอนนี้ก็แต่งงานกันมาได้จะห้าเดือนแล้ว แนนว่าแนนทนได้ค่ะ เพราะทุกวันนี้ก็เรื่อยๆ ค่ะ”

“มีอะไรก็คุยกับแม่นะลูก และอย่าเก็บความรู้สึกตัวเอง แม่รู้ตอนนี้หนูเหนื่อย ไหนจะเรื่องหัวใจ เรื่องงานที่บริษัท เพราะหนูบริหารงานคนเดียว พ่อจิณณ์ก็ไม่ได้มายุ่งกับธุรกิจของครอบครัวเรา”

“แม่จาไม่ต้องห่วงหนูนะคะ แนนลูกแม่จากับพ่อมงซะอย่าง เรื่องแค่นี้เองค่ะ แนนขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ ปวดฉี่ค่ะ” เธอเอ่ยขอตัว เพราะตั้งแต่มีเจ้าตัวเล็กจะฉี่บ่อย จะลุกฉี่ทุกๆ สามสิบนาทีเลยก็ว่าได้ แถมดื่มน้ำเยอะด้วย จนตอนนี้แทบจะใส่แพมเพิร์สผู้ใหญ่แล้ว อีกอย่างเธอรู้สึกโชคดีที่ตัวเองไม่มีอาการแพ้ท้องใดๆ ไม่ว่าจะการกินหรือการใช้ชีวิตก็ปกติ จะมีแต่มึนหัวบ้างในบางวันเท่านั้น

อือ

นางครางรับรู้แล้วหยิบหนังสือตำราย้อมผ้าไหมที่วางอยู่ก่อนหน้าตรงกลางโซฟามาอ่านรอลูกสาวที่ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำกลับมาคุยกันต่อ

ด้านจิณณ์กับพ่อตาก็พูดคุยกันถึงเรื่องงานธุรกิจของตัวเองและของครอบครัวเขาและของภรรยาที่มีหุ้นกันคนละครึ่งโดยมีบุณยดาบริหารงานคนเดียว จิณณ์รู้ว่าทุกวันนี้ภรรยาทำงานหนัก และเขาก็นับถือหล่อนที่ดูแลบริหารงานธุรกิจคนเดียวมาตลอดหลายปีโดยที่เขาไม่ได้เข้ามาข้องเกี่ยว นานๆ จะเข้ามาบริหารที แต่ก็ไม่ได้ประจำ เขาจะเข้าบริษัทผ้าไหมของครอบครัวก็ตอนที่มีประชุมใหญ่และสำคัญเท่านั้น

“พ่อกับแม่และพ่อกับแม่เราก็แก่แล้วนะจิณณ์ งานที่บริษัทของครอบครัวเราสองครอบครัว พวกเราก็วางมือนานแล้ว ยกทุกอย่างให้แนนและเราดูแลแล้วนะลูก”

“ครับพ่อ พ่อไม่ต้องห่วงครับ ผมจะช่วยแนนอีกแรง ถึงผมไม่ค่อยได้เข้าไปดูงานบริหาร แต่ผมก็รู้ความเคลื่อนไหวตลอดครับ”

“อือ...แล้วงานของลูกเป็นยังไงบ้างล่ะ ที่บริษัทและโชว์รูมเป็นไงบ้าง”

“ก็ดีครับ ตอนนี้ธุรกิจของผมไปได้สวยเลยครับพ่อ”

“อือ...ดีแล้ว อย่าหักโหมมากนักล่ะ”

“ครับพ่อ”

“แล้วเมื่อไหร่จะไปฮันนีมูนกัน แต่งงานกันมาจะห้าเดือนแล้วนะพ่อจิณณ์ หรือทำแต่งานจนลืมไปแล้ว” ประมงเอ่ย

“ไม่ลืมครับ ผมกำลังเร่งเคลียร์งานพาแนนไปฮันนีมูนในเดือนหน้าครับคุณพ่อ”

จริงๆ แล้วเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องฮันนีมูนเลย จนพ่อตาพูดนี่แหละ เขาถึงนึกได้ว่าขาดอะไรไป และเขาก็อยากจะพาเธอไปเที่ยวพักผ่อน ตอนนี้เขาหนีหัวใจตัวเองไม่ได้แล้ว หัวใจของเขามันรักภรรยาที่อายุเยอะกว่าตัวเองไปเสียแล้วตอนนี้

“อือ...ดีแล้ว ไปพักผ่อนกันบ้าง ว่าแต่จะพากันไปที่ไหนล่ะ ถ้ายังไม่ได้วางแผนให้พ่อแนะนำไหม”

“ตั้งใจจะพาไปญี่ปุ่นครับคุณพ่อ”

“แนนชอบจีนมากกว่า”

“เหรอครับ ไม่เป็นไร ผมเปลี่ยนแพลนได้ครับ”

“อย่าเลย ถ้าแพลนไว้แล้วก็พาแนนไปญี่ปุ่นเถอะ”

“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่ทำไมแนนถึงอยากไปเมืองจีนครับ”

“แนนชอบเมืองโบราณของจีนและธรรมชาติของที่นั่นน่ะ ทุกปีแนนจะบินไปพักผ่อนที่นั่นประจำเลย”

“แล้วไปกับใครครับ”

“คนเดียวน่ะ”

“ผมคงต้องขอคำแนะนำกับคุณพ่อแล้ว ผมเป็นสามีที่ไม่ได้เรื่องเลย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแนนชอบไปเที่ยวไหน ชอบประเทศอะไร และชอบกินอะไร”

เขาบอกท่าน เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสนใจเลย แต่ตอนนี้เขาสนใจทุกอย่างที่เป็นบุณยดา

“ได้สิ ถามพ่อได้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับแนน” พอพ่อตาพูดแบบนี้ เขาก็ถามเรื่องสมัยวัยเด็กของภรรยาตัวเองทันที

ตั้งแต่เขาบอกว่า ‘รัก’ วันนั้นจนวันนี้ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วและสถานะของเธอและเขาในสามีภรรยาก็เหมือนจะเป็นสามีภรรยากันจริงๆ เสียแล้ว เธอชินกับการมีเขาขับรถมารับมาส่งที่ทำงานทุกวันแล้ว เขาแสดงออกชัดเจนว่ารักเธอและเธอเองก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความอ่อนโยนของสามี

“ผมขอรางวัลนะคืนนี้”

เขากระซิบข้างแก้มภรรยาเมื่อโยกตัวมารัดเข็มขัดนิรภัยให้คนตัวเล็กที่นั่งข้างคนขับอย่างตัวเอง

“ก็เห็นมีรางวัลทุกคืนนี่คะ” เธอบอกเขาอายๆ

“แนนก็รู้ว่าผมไม่เคยอิ่มในตัวแนน และขาดแนนไม่ได้สักคืน” เขาบอกอ้อนเสียงหวาน

“ก็ผมรักคุณนี่”

“รู้แล้วค่ะ กลับกันเถอะ แนนหิวแล้ว” เธอบอกเขา

“รู้แล้วแล้วเมื่อไหร่แนนจะรักผมล่ะ หรือว่าแนนไม่รู้สึกอะไรกับผม”

“คนบ้า! ถามอะไรก็ไม่รู้ ไม่คุยด้วยแล้ว กลับบ้านค่ะ แนนจะนอนนะคะ ถึงบ้านปลุกด้วยนะคะ”

“ครับผม ง่วงก็หลับเถอะ ถึงบ้านผมปลุกแนนเอง”

“ขอบคุณค่ะ”

แล้วเธอก็เอนหัวพิงกระจกด้านข้างหลับตา ส่วนจิณณ์ก็ติดเครื่องรถออกตัวไปจากลานจอดรถพาภรรยาคนสวยกลับบ้าน

พอมาถึงบ้าน จิณณ์ก็ปลุกภรรยาให้ตื่นให้เข้าไปในบ้านก่อน ส่วนตัวเองจะคุยโทรศัพท์ก่อน เพราะตอนขับรถกลับมามีสายจากจับศึกเข้ามา เขาไม่ได้กดรับด้วยกลัวว่าจะคุยกันเสียงดังทำให้คนตัวเล็กตื่น

“ไปรอผมในบ้านนะ ผมคุยกับไอ้ศึกก่อน มันโทรมาหาผมหลายรอบแล้ว แต่ผมไม่ได้รับสายมันเพราะกลัวทำคุณตื่น” เขาบอกเธอ

“ค่ะ จะกินข้าวเลยไหมคะ เดี๋ยวแนนให้นิดหน่อยกับป้าเจิมตั้งโต๊ะรอ”

“ครับแนน” เขาส่งยิ้มทรงเสน่ห์ให้ภรรยาแล้วหันมากดรับสายเพื่อนที่ยังคงสั่นแรงในมือตัวเอง ส่วนบุณยดาก็เดินเข้าไปในบ้านเพื่อสั่งแม่บ้านประจำบ้านตั้งโต๊ะมื้อเย็นรอสามี เพราะนี่ก็หนึ่งทุ่มกว่าแล้ว

“ว่าไงไอ้ศึก” เขากรอกเสียงเข้มห้วนส่งไปในสายทันทีเมื่อกดรับสาย

“อะไรของมึงไอ้จิณณ์ กูโทรหามึงเป็นสิบสาย ทำไมเพิ่งกดรับ”

“กูขับรถอยู่”

“เลยไม่รับว่างั้น”

“เออ! มันอันตราย ว่าแต่มึงกระหน่ำโทรหากูมีอะไรไอ้ศึก”

“ก็แค่อยากชวนมาดื่ม”

“ดื่มตอนนี้เนี่ยนะ”

“เออ! มาไหมที่เดิม”

“วันนี้ไม่ได้ว่ะ”

“ทำไมไม่ได้ ปกติก็ออกมาได้ตลอดนี่ หรือเพราะมีเมีย เพื่อนอย่างกูเลยไม่สำคัญว่างั้น ไหนใครบอกว่าเกลียดเมียแก่ไง”

“ไอ้ศึก!”

“เออ! กูไอ้ศึกเพื่อนมึงเองไอ้จิณณ์ ว่าไง...มาไหมวะ”

“ก็ได้ แต่ไปดึกหน่อยนะ ต้องกล่อมเมียนอนก่อน”

“ตอนไหนก็ได้ แต่มึงต้องมาดื่มกับกู”

“เออ! แล้วเจอกันไอ้เพื่อนเลว!”

“มึงว่ากูหรือว่าตัวเองไอ้จิณณ์ แค่นี้แหละ” แล้วจับศึกก็ตัดวางสายไป ปล่อยให้จิณณ์ยืนอ้าปากค้างกลางอากาศเมื่อเพื่อนตัวดีตัดสายไปดื้อๆ เขายังไม่ได้ตอบกลับก็ตัดวางสายเสียแล้ว

“ไอ้เพื่อนบ้านี่!” แล้วเขาก็เดินกำโทรศัพท์เข้าไปในบ้านหาภรรยาคนสวยตัวเองที่รออยู่ในบ้าน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel