บทที่ 5 ล็อกเป้าเสน่หา
เอ่ยเสียงนุ่มมองคนตัวเล็กด้วยความหมายหลากหลาย บางครั้งหล่อนก็ดูเป็นผู้ใหญ่ บางครั้งก็ดูเหมือนเด็กสาวแรกแย้ม ใบหน้าที่แดงระเรื่อของหล่อนแดงเพราะความเขินอายหรือเพราะความโกรธกันแน่หนา...
หล่อนเงียบไม่ต่อความยาวสาวความยืดอีก ยิ่งพูดก็ยิ่งยาว หล่อนจึงเลือกที่จะเงียบแล้วปล่อยให้คุณหมอช่างพูดพูดคนเดียว แต่แปลก ทำไมหัวใจหล่อนต้องเต้นแรงผิดจังหวะด้วย ร้อนหรือว่าตื่นเต้น หรือว่าจะหวั่นไหวไปกับคำพูดกะล่อนของชายตรงหน้ากันแน่ แต่ที่แน่ ๆ ยังไงเสีย ครองโสดมาจนอายุขนาดนี้แล้ว จะมาหลงเล่ห์กลของผู้ชายกะล่อนแบบนภสินธุ์มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ...ต้องตา
“ทานสิครับ ทานเสร็จ เราจะได้คุยเรื่องงานของเรา และผมจะพาคุณไปตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วย ส่วนเชื้อราผมจะรักษาให้หายขาดแน่นอนครับ”
หมอหนุ่มเอ่ยพลางตักอาหารเข้าปาก และตักกับข้าวใส่จานให้คนตัวเล็กอีก แม้ว่าหล่อนจะยังไม่ได้ตักเข้าปากสักคำก็เถอะ แต่ชายหนุ่มอยากดูแลเทกแคร์คนตัวเล็ก อยากเห็นความสุข เห็นยิ้มของเธอ แม้ว่าตอนนี้ต้องตาจะยังต่อต้าน แต่นภสินธุ์เชื่อด้วยชั้นเชิงเล่ห์เหลี่ยมของเขานั้นจะทำให้เจ้าหล่อนโอนอ่อน ไหวเอนตามแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว ๆ นี้แหละ หล่อนต้องตกปากรับคำรักของเขาแน่แท้เลย
“ขอบคุณค่ะ” ขอบคุณเขาที่เทกแคร์ แม้ไม่ต้องการก็เถอะ แต่มันเป็นมารยาทที่ควรจะพูดออกมา เธอจึงรีบก้มหน้าก้มตาทานข้าวให้อิ่ม แล้วจะได้รีบไปทำธุระที่รออยู่อีกมากมาย
“ทานเยอะ ๆ นะแม่ของลูกผม”
ต้องตาจ้องมองคนตัวโตตาดุทันที เธอไม่ชอบที่เขาพูดอะไรแบบนี้ด้วย แต่ห้ามแล้วชายหนุ่มก็ไม่ฟัง จึงได้แต่ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
"เฮ้อ! เชิญคุณเถอะ อยากพูด อยากทึกทักอะไรก็เชิญแต่ใจคุณเถอะค่ะ แต่ตอนนี้รีบกินแล้วรีบไปทำธุระที่เหลือของเราเถอะค่ะ ดิฉันต้องกลับไปรายงานผู้การที่แบงก์อีกนะคะคุณนภสินธุ์”
“ผมจะอธิบายให้ผู้การคุณฟังเอง เพราะวันนี้ผมตั้งใจจะพาคุณไปตรวจร่างกายแบบละเอียด เตรียมตัวจะท้องลูกของเราด้วยครับ” คนหน้ามึนเอ่ย แล้วตักข้าวคำโต ๆ ใส่ปากอีกคำ
คนบ้า! ฉันบอกเมื่อไรว่าจะเป็นแม่ของลูกคุณ คนผีทะเล! คนหน้าไม่อาย! ค่อนขอดชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด
“ขมวดคิ้วแบบนี้แสดงว่าคิดชื่อลูกเราอยู่ใช่ไหมครับ แต่ก่อนจะคิดชื่อลูก เราไปทำให้เขาเกิดกันดีกว่าครับ” ทุกอิริยาบถของต้องตาอยู่ในการจับตาของเขาตลอดเวลา และตอนนี้ก็เช่นกัน
“บ้า! กินเถอะค่ะ เราจะได้ไปโรงพยาบาลต่อ ฉันไม่ได้ว่างพอมาต่อปากต่อคำ เล่นลิ้นกับคุณทั้งวันนะ”
“เอ้า! ผมไปเล่นลิ้นคุณตอนไหนครับ ผมยังไม่ได้ไปจูบปากกอดเกี่ยวดึงลิ้นคุณเลยนะ และเท่าที่จำได้ เรายังไม่เคยจูบกัน” หมอหนุ่มเอ่ยยียวนกวนประสาทคนตัวเล็ก
“ฉันจะกลับ” ว่าพลางดีดตัวลุกขึ้นพร้อมกระเป๋า
“สิบล้าน” นภสินธุ์เอ่ยลอย ๆ ขึ้นเมื่อเห็นคนตัวเล็กจะหนีกลับ
“โธ่เว้ย!" ต้องตาร้องออกมาด้วยความหงุดหงิดพร้อมทิ้งกระเป๋าของตัวเองลง ทิ้งตัวนั่งลงเก้าอี้ตัวเดิมแรง ๆ อย่างคนจำยอม
“น่ารักจังคนสวย งั้นรีบกินกันเถอะ เราจะได้ไปโรงพยาบาลกัน” ว่าแล้วตักข้าวเข้าปากตัวเอง โดยไม่สนใจจะตักอาหารใส่จานของหญิงสาวอีกเลย
กว่าจะทานข้าวกันอิ่มก็กินเวลาไปมากพอสมควร เป็นครั้งแรกในชีวิตของต้องตาเลยก็ว่าได้ที่ใช้เวลาในการทานข้าวนานแบบนี้ พอทานเสร็จ เขาก็พาเธอออกจากร้าน และปลายทางจะไปต่อคือโรงพยาบาลนั่นเอง
หลังจากทานข้าวอิ่มดีแล้วก็ไม่รอช้าที่จะไปโรงพยาบาลต่อ แต่ทางที่จะไปโรงพยาบาลนั้นรถติดหนักมาก กว่าจะมาถึงก็ปาไปบ่ายโมงกว่าแล้ว หล่อนเสียเวลากับผู้ชายคนนี้ไปแล้วครึ่งวัน พอมาถึงเขาก็ถือวิสาสะจูงมือเธอเดินไปยังลิฟต์ตอนแรกหล่อนไม่ได้สงสัยอะไร เพราะลิฟต์ก็ปกติทั่วไป เพราะชั้นห้องทำงานของหมอนั้นอยู่ชั้น 29 แต่พอขึ้นมาได้ไม่กี่ชั้น หล่อนก็สงสัย เพราะไม่มีคนอื่นเลย ไม่มีใครกดเรียกเลย มีแค่เธอกับชายหนุ่มสองคนเท่านั้นอยู่ในลิฟต์ที่โดยสารขึ้นมา
“ทำไมลิฟต์ตัวนี้ไม่มีคนกดเรียกและมีคนอื่นเลยคะ”
หล่อนหันมาถามคนที่ยืนซ้อนทับอยู่ด้านหลัง ซึ่งก่อนหน้านี้เขายืนอยู่ข้าง ๆ แล้วมายืนซ้อนอยู่ด้านหลังทำไม เท้าเล็กจึงก้าวขยับไปด้านหน้าให้ห่างจากคนตัวโตที่ยืนเบียดหลังตน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครเลยในลิฟต์ แถมลิฟต์ยังกว้างอีก ทำไมต้องมาเบียดด้วยก็ไม่รู้
“เป็นของผู้บริหารน่ะที่รัก” เอ่ยตอบน้ำเสียงแหบพร่า
“คุณเป็นผู้บริหารเหรอคะ” หล่อนเอี้ยวหน้าไปด้านหลัง แหงนเงยหน้าขึ้นถามบุรุษที่กำลังก้มต่ำมองเธออยู่ในขณะนี้
“มีสมองก็คิดเอาเองสิครับ” ตอบกลับกวน ๆ แล้วสูดกลิ่นกายสาวเข้าปอดแรง ๆ
“คุณว่าฉันโง่เหรอ!" หล่อนถามเสียงแข็ง ไม่พอใจ
“เปล่าครับ ว่าตรง ๆ เลยต่างหาก อีกอย่าง ผมแค่อยากให้คุณใช้ความคิด อ่า! หอมจังเมียพี่เผือก”
“ถ้าคุณอยากให้ฉันดูแลเงินของคุณ คุณก็ควรจะให้เกียรติดิฉันนะคะ” หล่อนเอ่ยพลางขยับห่างชายหนุ่มอีกครั้ง และครั้งนี้ นภสินธุ์ก้าวเดินตามจนมาชิดแผ่นหลังเธอเลยก็ว่าได้
“แล้วหมอจะมายืนทำอะไรข้างหลังฉัน แล้วอะไรดุนก้นฉัน” ต้องตาเอี้ยวหน้าถามคนยืนซ้อนหลังตนด้วยความมึนงงอีกครั้ง และเหมือนว่าของแข็งที่ดุนหลังจะขยับได้ด้วยสิ
“งวงช้างเผือกครับที่รัก งวงช้างเผือกผมมันแข็งตัวและมันแข็งตีก้นงอน ๆ ของคนสวยไงครับ”
ตอบทะลึ่ง ก็เขาปวดหนึบไปทั่วแก่นกายแล้วตอนนี้ อยากจะสิงสู่คนตัวเล็กในลิฟต์เหลือเกิน แต่พอแหงนเงยขึ้นไปเพดานลิฟต์ก็เห็นกล้องวงจรปิดทำงานอยู่
“งวงช้างเผือก!!!” หล่อนถามเสียงสูง พลางก้มมองช่วงล่างของบุรุษหนุ่ม ใบหน้าสวยซับสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที เมื่อรู้แล้วว่ามันคืออะไร
“ชูว์! อย่าขยับหนีนะตา ผมปวดไปหมดแล้ว ให้ผมดุนดันก้นคุณแบบนี้เถอะนะ” เมื่อเห็นคนตัวเล็กจะขยับห่างตน เขาจึงสั่งเสียงแหบพร่า พลางตวัดกอดเกี่ยวเอวเล็กให้แนบชิดกับร่างของตนกว่าเดิม
ตุ้บ!
แฟ้มเอกสารกระเป๋าถือในมือล่วงหลุนลงพื้นทันที แข้งขาของต้องตาอ่อนแรง มือเล็กสั่นเทา อยากจะดิ้นหนีแต่ก็กลัวสิ่งที่ดุนดันก้นตัวเอง แถมตอนนี้เธอหวาดกลัวคนข้างหลังเหลือเกิน กลัวถูกข่มขืนในลิฟต์ และกลัวไปทุกอย่าง
“คุณคิดอะไรตา ผม...อ่า! ปวดร้อนไปหมดแล้ว อือ!" กระซิบเสียงพร่าข้างหูของเจ้าหล่อน พลางเคลื่อนมืออีกข้างมาลูบไล้สอดแทรกเข้าไปในชายกระโปรงของต้องตา
“ยะ...อย่า...อย่าทำอะไรฉันเลยนะ คุณจะข่มขืนแล้วฆ่าฉันในลิฟต์เหรอ ไม่นะ ไม่!" สาวเจ้ารวบรวมเรี่ยวแรงที่มีดิ้นรนขัดขืนทันที เมื่อถูกมือใหญ่รุกเร่าเข้ามาในชายกระโปรงทรงเอของตน
“อย่าดิ้น! ถ้าดิ้นมันจะเป็นแบบนั้นคนสวย คุณคิดอะไรโง่ ๆ ในลิฟต์มีกล้องวงจรปิด อีกอย่างข่มขืนไม่แน่ แต่ไม่ฆ่าครับ ถ้าฆ่าแล้วใครจะอุ้มท้องลูกของผม” เอ่ยอย่างอดทน ลูบไล้เรียวขาของเจ้าหล่อนไปมา มือใหญ่ก็เคลื่อนจากเอวเล็กคอดไปกอบกุมเต้างาม แล้วขยับกายบังร่างเล็กให้พ้นจากกล้องวงจรปิด