HURTS 11 | เจ็บปวด
พรึ่บ! ประตูห้องวีไอพีถูกเปิดออกอย่างแรงโดยฝีมือของฟาริสที่ถูกพี่ชายฝาแฝดของตัวเองโทรศัพท์เรียกให้มาที่นี่
“มึงเรียกกูมาทำไม”
“มึงพูดกับพี่ชายที่ไม่ได้เจอกันตั้งนานแบบนี้เหรอ” ฟีรุสเลิกคิ้วมองน้องชายฝาแฝดของตัวเองด้วยสายตาราบเรียบ ก่อนจะดึงสายตาไปมองยาหยีที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกับเขา “หน้ามึงไปโดนอะไรมา ไม่ใช่ว่าไปต่อยตีกับใครมาหรอกใช่ไหม”
“มึงไม่ต้องยุ่งเรื่องของกูหรอก มีอะไรก็พูดมา” น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ของฟาริสทำเอายาหยีไม่กล้าที่จะเอ่ยปากทักทายเขาอย่างเช่นทุกครั้ง แถมแววตาที่เขามองมายังเธอก็ดูเหมือนกำลังมีเรื่องหนักใจบางอย่าง
“กูเป็นห่วงมึงหรอกนะถึงถาม”
“ฟัดกับหมามานิดหน่อย แค่นี้ใช่ไหมที่มึงอยากเสือกเรื่องของกู” มาเฟียหนุ่มถอนหายใจหนักๆ แล้วเดินมาหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับพี่ชายฝาแฝด
“หึ พูดจาหมาไม่แดกเลยนะ” ฟีรุสแค่นหัวเราะเย้ยหยัน ก่อนจะหันไปพูดกับยาหยีที่นั่งเงียบตั้งแต่ฟาริสเข้ามาในห้อง “ชงเหล้าให้มันสิ น่าจะต้องย้อมใจหน่อย”
“เอ่อ…คุณฟาริสดื่มเหมือนเดิมใช่ไหมคะ”
“อืม” ฟาริสครางตอบในลำคออย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ยาหยีเม้มปากแน่นแล้วรีบหันไปทำตามหน้าที่ของตัวเองทันที
ดวงตากลมโตลอบมองท่าทางหงุดหงิดของฟาริสอยู่เป็นระยะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาไปมากกว่านั้น เธออยากถามเขาหลายเรื่อง แต่ก็รู้ตัวว่าไม่มีสิทธิ์ล้ำเส้นความเป็นส่วนตัว ยิ่งเห็นแววตาที่แฝงไปด้วยอารมณ์หลากหลายของเขาก็ยิ่งไม่กล้าปริปากพูด
“มึงควรเข้าไปหานายใหญ่บ้างนะ”
“กูเข้าไปมาแล้ว”
“นายใหญ่รักมึงเหมือนลูก มึงจะทำอะไรก็ควรนึกถึงนายใหญ่เอาไว้เยอะๆ ด้วย”
“มึงต้องการพูดอะไรกับกูกันแน่ฟีรุส ไม่ต้องอ้อมค้อมกูกำลังอารมณ์ไม่ดี” ฟาริสช้อนสายตามองพี่ชายฝาแฝดด้วยสายตาเย็นชา ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าความหมายของคำพูดนั้นคืออะไร
“มึงเป็นคนฉลาดนะ มึงควรจะรู้ว่าสิ่งที่มึงทำมันทุเรศแค่ไหน กูยอมปิดหูปิดตามาครั้งหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะเอริณเป็นคนขอร้องเอาไว้ กูคงรายงานเรื่องนี้ให้นายใหญ่รู้แล้ว”
“เหอะ”
“กูหวังว่ามันจะไม่มีครั้งที่สองเกิดขึ้น”
“…” แวบหนึ่งฟาริสแสดงแววตาสั่นไหวออกมา เพราะครั้งที่สองที่ฟีรุสว่ามันคงจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว หากเขาใจกล้ากว่านี้คงจะยอมบอกความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเฮร่าให้ฮาเดสรับรู้ ทว่าปากมันกลับหนักอึ้งจนไม่สามารถพูดออกมาได้ “มันคงไม่มีอีกแล้ว”
“แบบนั้นก็ดี เพราะกูก็จะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นเหมือนกัน”
“…” ยาหยีกำมือทั้งสองข้างเข้ากันแน่น เพราะไม่เข้าใจบทสนทนาของผู้ชายทั้งสองคน แต่หากให้เธอเดามันก็คงจะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลานสาว
“มึงควรสำนึกบุญคุณของนายใหญ่ที่ชุบเลี้ยงมึงมา อย่าทำให้นายใหญ่ต้องผิดหวังในตัวมึง” ฟีรุสทิ้งท้ายกับฟาริสไว้เพียงเท่านั้น ก่อนที่เขาจะหยัดตัวลุกจากโซฟา “ฉันฝากเธอดูแลมันต่อด้วยก็แล้วกัน”
“คุณฟีรุสจะกลับแล้วเหรอคะ”
“อืม ฉันมีธุระเท่านี้” อดีตมือขวามาเฟียหันกลับมาปรายตามองน้องชายตัวเองอีกครั้ง แล้วจึงดึงสายตากลับไปมองใบหน้าของเด็กสาวเป็นเชิงบอกให้เธอทำตามต้องการ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
นานหลายนาทีหลังจากเสียงประตูปิดลงก็ไม่มีเสียงพูดคุยใดๆ จากคนที่ยังอยู่ในห้องเลยแม้แต่นิดเดียว มีเพียงเสียงลมหายใจจากฟาริสที่ดังออกมาราวกับมีบางอย่างกำลังรบกวนหัวใจของเขาอย่างหนักจนไม่เป็นตัวเอง
“คุณฟาริสโอเคไหมคะ”
“ฉันขออยู่เงียบๆ คนเดียว” หญิงสาวที่กำลังจะเขยิบเข้าไปนั่งใกล้เขาก็ต้องหยุดชะงัก เพราะฟาริสในวันนี้กับฟาริสที่รู้จักเหมือนไม่ใช่คนเดียวกันเลย สายตาของเขามันเย็นชาจนไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขากำลังรู้สึกอะไรอยู่
ยาหยีก้มหน้าลงเล็กน้อยพลางเม้มปากแน่นราวกับอยากจะร้องไห้ คนที่อยากเจอมาตลอดหลายวันทำหน้าคล้ายกับคนอกหัก นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับเธอที่เหมือนจะอกหักเหมือนกับเขาเลย
“ไอ้ฟีรุสมันพูดอะไรกับเธอไหม”
“เปล่าค่ะ”
“…” ฟาริสจ้องมองแววตาของเด็กสาวราวกับต้องการอ่านความรู้สึกของเธอ แต่ทว่ากลับมีเพียงแววตาสั่นไหวที่มองกลับมายังเขาเท่านั้น
“คุณฟาริสมีเรื่องอะไรไม่สบายใจระบายให้หยีฟังได้นะคะ”
“เธอไม่เข้าใจหรอก” ฟาริสบอกปัด ก่อนจะทิ้งศีรษะลงบนพนักโซฟา พลางถอนหายใจออกมาหนักๆ เขาไม่สามารถสลัดใบหน้าของเฮร่าในตอนนี้ออกไปได้เลย ไม่อยากยอมรับความจริงว่าตัวเขาไม่มีสิทธิ์ครอบครองเธออีกต่อไปแล้ว
“ถึงหยีจะไม่เข้าใจ แต่หยีก็รับฟังได้นะ” ยาหยีหยัดตัวลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับฟาริส เธอยกมือแตะหน้าขาเขาเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ
“…” เจ้าของดวงตาคมกริบลืมตามองเด็กสาวที่กำลังมองเขาด้วยสายตาเป็นห่วงเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าหนีแล้วหยิบแก้วเครื่องดื่มของตัวเองขึ้นมากระดกดื่มจนหมด ยิ่งเห็นใบหน้าของยาหยี…เขาก็ยิ่งนึกถึงเฮร่า
“ถ้าคุณฟาริสไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหยีนั่งเงียบๆ เป็นเพื่อนตรงนี้เอง”
“อย่าไปไหนล่ะ”
“ค่ะ หยีไม่ไปไหน” ยาหยีตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แล้วเอื้อมมือไปสัมผัสกับแก้มสากเบาๆ อย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหลับตาลงอีกครั้ง
หลายชั่วโมงผ่านไป…
หญิงสาวยังคงนั่งเงียบมาตลอดหลายชั่วโมง เธอลอบมองใบหน้าที่เริ่มแดงของชายหนุ่มสลับกับขวดเหล้ามากมายอยู่หลายครั้ง ดูเหมือนว่าเขาจะกำลังอกหักอย่างที่เธอคิดจริงๆ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกดี แต่กลับรู้สึกสงสารและไม่อยากเห็นเขามีอาการแบบนี้เลย
“วันนี้พอแค่นี้ดีกว่าไหมคะ คุณฟาริสดื่มไปเยอะแล้วนะ” ยาหยีปรามคนตัวสูงเสียงอ่อน เอื้อมมือไปดึงแก้วเครื่องดื่มจากมือเขามาวางบนโต๊ะกระจก
“ฉันอยากดื่มอีก” ฟาริสตอบคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่ามันแฝงไปด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกให้เธอรู้ว่าเขากำลังเสียใจ
“ถ้าอย่างนั้นกลับไปดื่มที่คอนโดดีกว่าไหมคะ อีกครึ่งชั่วโมงคลับจะปิดแล้ว”
“เธอ…”
“คะ?”
“…ไปดื่มเป็นเพื่อนฉัน” มาเฟียหนุ่มพูดแกมสั่ง ซึ่งทำให้ยาหยีไม่มีทางเลือก อีกทั้งตอนนี้เธอก็รู้สึกเป็นห่วงเขาจนไม่สามารถให้เขากลับไปฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวได้
“ได้ค่ะ เดี๋ยวหยีไปดื่มเป็นเพื่อนเอง”
“มานั่งนี่” ฟาริสตบหน้าขาตัวเองเบาๆ เป็นเชิงสั่ง ก่อนที่ยาหยีจะเขยิบตัวขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนตักของเขาอย่างว่าง่าย ท่อนแขนแกร่งโอบรัดร่างกายเล็กไว้แน่นแล้วซบหน้าลงบนเนินอกของเธอ
“คุณฟาริส” ร่างกายสั่นเทาของอีกฝ่ายทำให้ยาหยีเอ่ยเรียกเขาด้วยน้ำเสียงผะแผ่ว พลางยกมือลูบแผ่นหลังหนาอย่างปลอบโยน “ไม่เป็นไรนะคะ หยีอยู่นี่”
ยาหยีเลื่อนมือจากแผ่นหลังขึ้นมาลูบศีรษะของเขาอย่างถือวิสาสะ ตอนนี้ฟาริสแทบจะไม่มีสติมากพอให้คิดว่าเด็กสาวตรงหน้าจะกล้าจับหัวของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต…และไม่รู้เลยว่าเธอกำลังเจ็บปวดกับท่าทางเสียใจของเขาเหมือนกัน
—————————————————
##แงงงง~ ก็เจ็บกันทั้งคู่ ?
**หากเจอคำผิดสามารถพิมพ์บอกให้คอมเมนต์ได้เลยนะคะ”