Chapter 6 แค้นยิ่งกว่าเดิม
Chapter 6
แค้นยิ่งกว่าเดิม
ณ โรงพยาบาล
“จากตอนแรกที่อาการดีขึ้นวันนี้อาการของคุณไบรอันทรุดลงอีกแล้วครับ ส่วนคุณซีเวียอาการยังคงมีแนวโน้มจะดีขึ้น”
ที่เขาต้องรีบหุนหันพลันแล่นออกมาจากเพนท์เฮาส์สุดหรูก็เพราะว่าทางโรงพยาบาลได้โทรมาแจ้งถึงอาการน้องชายว่าตอนนี้กำลังทรุดลง
ที่ได้ให้คนปล่อยข่าวไปว่าไบรอันและซีเวียเสียชีวิตแล้วก็เพื่อความปลอดภัยของทั้งสองคนเพราะกลัวว่ามาเฟียแก๊งคู่อริจะกลับมาซ้ำรอยที่โรงพยาบาลอีก
“ผมขอให้คุณหมอช่วยรักษาน้องผมจนสุดชีวิตนะครับ เงินเท่าไหร่ผมไม่เกี่ยง”
เขาได้แต่มองน้องชายอย่างไบรอันนอนอยู่ในห้องไอซียูผ่านช่องกระจก ใจของบริกซ์ตั้นตอนนี้มันสั่นไปหมดเมื่อเห็นสภาพน้องชายเพียงคนเดียวเป็นแบบนั้น ความคับแค้นใจที่มีต่อแก๊งคู่อริและเพียงฟ้าทวีคูณขึ้นมากยิ่งกว่าเดิม
“จะพยายามอย่างสุดความสามารถครับคุณบริกซ์ตั้น”
หมอเจ้าของไข้รับปาก โรงพยาบาลนี้เองก็เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจของบริกซ์ตั้นเพราะเขามีหุ้นอยู่ถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์เป็นโรงพยาบาลของเพื่อนเขานั่นเอง
บริกซ์ตั้นได้แต่เฝ้ามองดูน้องชายผ่านทางกระจก เขาจะต้องเอาเลือดหัวของไอ้ลูคัสมาล้างตีนน้องชายของตัวเองให้ได้!! รวมถึงยัยผู้หญิงที่นำเครื่องเพชรประจำตระกูลไปให้มันด้วย ยัยผู้หญิงหน้าเงินที่ตอนนี้อาศัยอยู่ที่เพนท์เฮาส์สุดหรูของเขา
ทางด้านของเพียงฟ้า
ตอนนี้เธอนั่งเหม่อมองวิวออกไปนอกหน้าต่าง ผู้คนพลุกพล่านเมืองที่แสนจะวุ่นวาย
จากชีวิตของเธอที่เคยมีแต่ความสุขในเมืองใหญ่แห่งนี้ได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยและได้เจอเพื่อนแต่ในตอนนี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้น
“ใช่แล้ว! ถ้าเราลองติดต่อเพื่อนๆไปให้มายืนยันว่าเรากับไบรอันไม่ได้เป็นแฟนกันพี่ชายของไบรอันอาจจะปล่อยเราไปก็ได้”
เพียงฟ้าพึมพำกับตัวเองแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อที่จะติดต่อไปหาแก๊งเพื่อนคนไทยด้วยกันแม้จะไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษแต่ก็มีปาร์ตี้อยู่ด้วยกันบ่อยๆด้วยความที่เพียงฟ้านิสัยไม่เหมือนเด็กนานาชาติทั่วไปแต่เธอมีความเป็นไทยสูงและเรียบร้อยจึงทำให้เพื่อนๆไม่ค่อยสนิทกับเธอนัก
เธอรีบต่อสายโทรหาโรล่าซึ่งเป็นเพื่อนคนไทยลูกครึ่งที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับพวกซีเวีย
“โรล่า...ว่างอยู่หรือเปล่า”
“เพียงฟ้าเหรอ ไม่ค่อยว่างเลยอ่ะพอดีว่าเราเพิ่งกลับไทยที่บ้านก็เลยกำลังจะให้มาช่วยงาน เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องเริ่มไปทำงานที่บริษัทแล้วอ่ะมีอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่ได้อยู่ที่นิวยอร์คแล้วงั้นเหรอ...”
ได้ยินแบบนั้นหญิงสาวก็ถึงกับมือไม้อ่อนไปเลยแล้วอย่างนี้ใครจะมาช่วยยืนยันให้เธอล่ะในเมื่อเพื่อนที่เธอพอจะคุยได้ในกลุ่มยังอย่างโรล่าก็กลับไทยไปแล้ว
“เลยไม่ได้ไปร่วมงานศพของซีเวียเลยเพราะที่บ้านรีบตามกลับมาก่อนนะแล้วเพียงฟ้ามีอะไรหรือเปล่า?”
โรล่ายังคงสงสงสัยว่าเพียงฟ้ามีธุระอะไรกับเธอ
“เปล่าจ้ะ...ไม่มีอะไรหรอกแค่อยากโทรมาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบน่ะ”
เพียงฟ้าชวนเพื่อนคุยเรื่องทั่วไปอีกเล็กน้อยก่อนจะวางสายลง ดูท่าตอนนี้เพื่อนคนไทยก็คงจะกลับประเทศกันไปหมดแล้วเธอคงจะหมดหวังสินะ...
เอาเถอะเรื่องมาขนาดนี้แล้วเธอก็คงจะต้องก้มหน้ายอมรับเพราะยังไงเธอก็มีส่วนในการทำให้เครื่องเพชรประจำตระกูลเบอริอันต์หายไปแล้วไปตกอยู่ในมือของลูคัสซึ่งเป็นมาเฟียคู่อริแทน
หลายวันต่อมา
เพียงฟ้าอาศัยอยู่ที่เพนท์เฮาส์สุดหรูคนเดียวโดยมีพ่อและแม่คอยส่งข้อความมาหาเพราะคิดว่าลูกสาวทำงานอยู่ที่บริษัทของพี่ชายเพื่อนอย่างที่เพียงฟ้าได้โกหกไว้ตอนแรกจึงทำให้อัศวินและพิมพ์ดาวผู้เป็นพ่อและแม่ไม่ได้ห่วงและออกตามหาอะไร
อยู่คนเดียวก็จริงแต่มีลูกน้องแก๊งมาเฟียของบริกซ์ตั้นคอยเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูไม่ห่างทำให้เธอไม่สามารถออกไปไหนได้เลย และนี่ก็หลายวันแล้วที่บริกซ์ตั้นไม่แวะเข้ามา
“ฉันเบื่อจะแย่อยู่แล้วนะ...อยากออกไปเล่นข้างนอกแล้ว”
เธออยากจะออกไปเดินเล่น เดินตลาด หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ต้องเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในนี้ราวกับนักโทษทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
“ตอนนี้ยังไม่มีคำสั่งจากนายว่าให้ให้คุณออกไปข้างนอกได้ครับ”
เสียงลูกน้องดังขึ้นจากหน้าประตูของเพนท์เฮาส์ทำให้เพียงฟ้าถึงกับทำหน้าเบ้
“งั้นคุณก็ไม่บอกเจ้านายของคุณสิว่าฉันอยากจะออกไปข้างนอกจะแย่อยู่แล้ว คนนะไม่ใช่หมูหมากาไก่จะได้มาขังกันไว้แบบนี้”
“...”
มีเพียงความเงียบที่ตอบรับกลับมาจากด้านนอกประตู
แอ๊ดดดด
เสียงเปิดประตูดังขึ้น เพียงฟ้ารู้สึกใจฟูเพราะเขาเปิดประตูให้แสดงว่าจะอนุญาตให้เธอออกไปข้างนอกแล้วใช่ไหม
“อ๊ะ!”
แต่เมื่อพบว่ามีคนยืนอยู่หน้าประตูและเดินเข้ามาพร้อมกับปิดประตูลงใจของเพียงฟ้าก็กลับมาห่อเหี่ยวอยู่เช่นเดิมเพราะคนที่เดินเข้ามาก็คือบริกซ์ตั้นที่หายหน้าหายตาไปหลายวัน
“โวยวายอะไรใส่ลูกน้องของฉัน หืม? เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงจะมาสั่งลูกน้องฉันได้”
เขาเดินเข้ามาแล้วหย่อนก้นนั่งลงที่โซฟาใจกลางห้องพร้อมกับแผ่ตัวแล้วดึงเน็คไทออก
“ก็หนูเบื่อนี่คะ...เบื่อมากด้วย คุณบอกให้หนูใช้หนี้ก็จริงแต่จะมาสั่งให้อยู่แต่ในห้องนี้ไม่ได้นะ อย่างน้อยก็ต้องให้ออกไปเจอดินฟ้าอากาศบ้าง”
“ก็วิวจากหน้าต่างเพนท์เฮาส์ยังไม่เบื่ออีกรึไง เห็นพื้นดินเห็นท้องฟ้าเหมือนกัน”
“คนนะคะไม่ใช่แมวให้มานอนดูท้องฟ้าอยู่ในห้องแบบนี้!”
“ถึงเป็นคนก็ไม่ได้ต่างจากแมวหรอกตอนนี้...เพราะเธอจะต้องอยู่ในมือของฉัน ความอิสระของเธอมันหายไปตั้งแต่รับกล่องเครื่องเพชรนั้นมาแล้ว”
“แต่หนูไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย...”
“มือของเธอได้ถือกล่องเครื่องเพชรนั้นไหมล่ะ”
น้ำเสียงดึงดันรู้สึกโมโหอยู่ในใจที่หญิงสาวไม่ยอมรับสักที
“ไอ้ถือนั่นมันก็ถือค่ะ...แต่มันก็ไม่ใช่อยู่ดีค่ะ”
เสียงเล็กยังคงดึงดันเถียงในความถูกต้องของตัวเองแม้มันจะจริงแต่ยากเหลือเกินที่คนตรงหน้าจะเชื่อ
“งั้นก็ช่างเรื่องนั้นเถอะ เพราะต่อให้เธอเถียงอะไรไปฉันก็ไม่เชื่อเธออยู่ดี”
เพียงฟ้าถึงกับหนักใจแต่สิ่งที่ชายคนนี้พูดมันก็จริงไม่ว่าจะพยายามอธิบายเท่าไหร่เขาก็ไม่ฟังความจริงเธอแต่เลือกที่จะเชื่อภาพที่เห็นซึ่งมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งนั้น
“ถ้าไบรอันยังอยู่ตรงนี้เขาคงจะเสียใจมากที่คุณคิดอย่างนั้นกับหนู”
“เลิกเอาชื่อน้องชายของฉันมาอ้างสักที! ผู้หญิงอย่างเธอมันไม่ควรคู่แม้แต่จะเรียกชื่อของไบรอันด้วยซ้ำ”
เมื่อได้ยินเพียงฟ้าพูดถึงชื่อน้องชายก็ยิ่งยั่วบรรดาโทสะให้กับบริกซ์ตั้นมากขึ้น เขาลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินย่างสามขุมมาหาเธอก่อนจะกระชากข้อมือเล็กให้ตัวเธอเซเข้าชิด
“เมื่อไหร่คะ...เมื่อไหร่คุณจะปล่อยหนูไปสักที”
เพราะนี่มันก็หลายวันแล้วที่เพียงฟ้าต้องติดอยู่ที่เพนท์เฮาส์แห่งนี้
“จนกว่าเธอจะใช้หนี้หมด”
“งั้นคุณก็ทำสักทีสิคะ...หนูก็รอคุณมาตั้งหลายวันแล้วคุณมุดหัวหายไปไหนอยู่ล่ะ”
“เพียงฟ้า!!”
“จะทำก็ทำสิคะ จะมัวรอฤกษ์งามยามดีอะไรอยู่”
“เธออย่ามาท้าฉันนะ”
“หนูไม่ได้ท้าค่ะ แต่หนูพูดความจริง”
เพียงฟ้านั้นอยากให้เขารีบทำรีบจบเธอจะได้กลับบ้าน
“งั้นก็ได้”
“...”
“อย่าหาว่าฉันรุนแรงกับเธอก็แล้วกัน!”