Chapter 7 เอาคืนให้สาสม
Chapter 7
เอาคืนให้สาสม
พึ่บบ
ปั้งง
“กรี๊ดด!”
เอมิกาตกใจอย่างสุดขีดเมื่อเสียงปืนดังลั่นไกขึ้น เมื่อหันไปก็พบกับบอดี้การ์ดที่ดูแลคฤหาสน์ของลูคัสเดินเข้ามาพร้อมกับยิงเข้ามาที่โต๊ะแต่ไม่โดนตัวเธอ
ยังโชคดีที่สมองไม่ไหล เอมิกาได้แต่ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เธอคิดจะทำอะไรกันแน่เอมิกา ?”
ลูคัสเดินกอดอกเข้ามาแล้วมองหน้าเธอโดยมีบอดี้การ์ดสามคนยืนอยู่ด้านหลัง
“คะ คุณลูคัส อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ”
“ฉันถามว่าเธอคิดกำลังจะทำอะไร ?”
พูดพร้อมกับกรอกตามองเอกสารที่หล่นลงมาอยู่กับพื้นยับยู่ยี่สภาพเหมือนถูกขโมย
เอมิกาอาจจะคิดน้อยไป...ห้องทำงานของลูคัสที่นี่มีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่ยี่สิบสี่ชั่วโมง ทั้งยังมีกล้องวงจรปิดอยู่ทุกห้อง และคงเพราะอาการของเธอที่ดูมีพิรุธทำให้ลูคัสจับได้
“เปล่านะคะ ฉันไม่ได้ทำอะไร”
โดนจับได้ไม่รู้จะทำยังไงก็จำเป็นต้องโกหก
“นั่นมันเอกสารข้อมูลลูกค้าของฉัน เธอจะเอามันไปให้ใคร ?”
“...”
“ตอบ !!”
“คือว่า...ไม่มีอะไรค่ะ”
“จะไม่มีอะไรได้ยังไง ลูกน้องฉันมันมาบอกแล้วว่างานใหม่ที่เธอได้ทำเป็นงานดูแลไอ้ไบรอันที่นอนตาบอดอยู่กับเตียง”
“คุณลูคัส...”
เธอกลัวมาก กลัวจนตัวสั่น กลัวว่าจะไม่มีชีวิตกลับไปเจอหน้าพ่ออีกครั้ง
“จับมันไว้”
“ครับนาย”
“กรี๊ด ไม่นะ! ปล่อยฉันนะ อย่าทำอะไรฉันเลยได้โปรด”
คนตัวเล็กได้แต่ภาวนาให้ลูคัสปล่อยตัวเธอไป แต่เขาก็ทำเพียงมองหน้าและพินิจพิจารณาใบหน้าสวยของเธอ
“ฉันเสียดายเธอมากนะ...สวยถูกใจ แต่การกระทำของเธอมันเกินจะให้อภัย”
ลูคัสว่าอย่างนั้นพร้อมทั้งมองตั้งแต่หัวจรดเท้า สาวไทยตัวเล็กคนนี้ถูกใจเขาซะเหลือเกิน
“ให้อภัยฉันเถอะนะคะ มีเหตุจำเป็นจริงๆที่ทำให้ฉันต้องทำแบบนี้”
ลูคัสจ้องมองเธอ ใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มอเมริกันกดสายตามองต่ำแล้วพยักพเยิดทำท่าให้ลูกน้องออกไปจากห้อง บอดี้การ์ดปล่อยตัวเอมิกาแล้วเดินออกไป ตอนนี้ภายในห้องทำงานมีเพียงลูคัสกับเธอสองคนตามลำพัง
ร่างสูงเดินอ้อมมานั่งเข้าที่โต๊ะทำงานของตัวเองพร้อมยกขาพาดบนโต๊ะทั้งสองข้างแล้วจ้องใบหน้าสวย
“อธิบายมาซิว่าใครส่งเธอมา”
แม้จะรู้สึกเสียใจที่เอมิกาตัดสินใจทำอย่างนี้แต่เขาก็ถามเหตุผล
“คือ...อย่างที่คุณลูคัสรู้จากลูก้านั่นแหละค่ะว่าฉันมีหนี้สินและต้องส่งเงินกลับไปที่ประเทศไทย เจ้าหนี้ของพ่อเขาใช้ให้ไปทำงานดูแลผู้ป่วยอยู่ที่คฤหาสน์มาเฟียเพื่อแลกกับหนี้ที่ติดค้างเอาไว้”
“...”
“เขาอยากได้ข้อมูลลูกค้าของคุณลูคัสค่ะ บังเอิญเขารู้ว่าฉันมาทำงานที่นี่ตอนกลางคืน”
“ไอ้บริกซ์ตั้นสินะที่มันส่งเธอมา หึ คิดจะมาล้วงข้อมูลลูกค้ากูก็คิดง่ายไปหน่อยนะไอ้บริกซ์”
ประโยคแรกคุยกับเธอ แต่ประโยคหลังเขาสบถด่าบริกซ์ตั้น ลูคัสแสยะยิ้มขำความคิดน้อยของมาเฟียคู่อริคิดว่าจะมาล้วงข้อมูลงูเห่าไปได้ง่ายๆ
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆค่ะ...ฉันจำเป็นต้องทำเพื่อที่จะใช้หนี้ให้พ่อ”
ลูคัสมองใบหน้าสวยนั้น แม้จะมีเหตุผลแต่ยังไงก็แล้วแต่ก็ขึ้นชื่อว่าเธอทรยศเขาอยู่ดีเพราะฉะนั้นจะไม่มีการให้อภัยง่ายๆเป็นแน่
“งั้นต่อไปนี้ฉันขอมอบหน้าที่ใหม่ให้เธอ”
“หน้าที่อะไรคะ”
เอมิกาถามเสียงอ่อน เพียงเท่านี้ชีวิตก็วุ่นวายมากพออยู่แล้ว พวกเขายังจะเล่นตลกให้เธอไปทำอะไรอีก
“ต่อไปนี้เธอต้องไปล้วงความลับข้อมูลลูกค้าของไอ้บริกซ์ตั้นมาให้ได้”
“คุณลูคัส! ฉันจะไปทำอย่างนั้นได้ยังไงคะ ขนาดมาล้วงข้อมูลคุณฉันยังทำไม่สำเร็จเลย”
การล้วงความลับของมาเฟียไม่ใช่เรื่องง่าย...แถมยังเสี่ยงกับชีวิตเธออีกต่างหาก เรื่องอะไรจะต้องเอาชีวิตตัวเองไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายแบบนั้น
“ถ้าไม่อยากตาย...ก็ทำซะ”
“คุณลูคัส...”
เธอรู้ดีว่าเขาคงจะไม่ใจอ่อนแน่เพราะสิ่งที่เธอทำมันผิดมหันต์ไปอย่างมากแถมยังโดนจับได้คาหนังคาเขา เอกสารข้อมูลลูกค้ายังคามือเธออยู่เลย
“เธอเคยสงสัยไหมล่ะว่าทำไมไอ้ไบรอันน้องชายไอ้บริกซ์ตั้นมันถึงตาบอด”
“...”
หญิงสาวตัวเล็กมองผู้ชายตรงหน้าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานหนังสุดหรูพร้อมกับยกขาขึ้นพาดโต๊ะ ใจดวงน้อยมันสั่นไปหมดไม่รู้ว่าเขากำลังจะสื่ออะไรกันแน่
“ที่มันตาบอดแบบนั้นก็เพราะฝีมือฉันเองนั่นแหละ หวังว่าเธอจะทำงานนี้ได้ดีนะถ้าไม่อยากเป็นอย่างมัน”
“คุณลูคัส...ฉันไม่อยากทำอย่างนั้นเลยค่ะ”
กัดฟันพูดไปอย่างนั้น อยากจะปฏิเสธแต่ชีวิตก็คงจะแขวนอยู่บนเส้นด้าย
“ถ้าไม่อยากตายก็ทำซะ...อย่าให้ต้องพูดเยอะ”
“ค่ะ...”
เมื่อไม่มีทางเลือกเธอก็ต้องตกลงปลงใจรับปากไปทั้งอย่างนั้น
แล้วเธอจะไปล้วงความลับข้อมูลจากบริกซ์ตั้นได้ยังไงล่ะในเมื่อคนที่เธอดูแลคือไบรอันไม่ใช่บริกซ์ตั้นสักหน่อย เฮ้อ แค่คิดก็เครียดอยากจะเอาหัวโขกกำแพงให้ตาย
เช้าวันต่อมา
ณ คฤหาสน์ของไบรอัน
เช้านี้เธอมาทำงานเหมือนเดิมและเมื่อวานก็ตัดสินใจลาออกจากงานของลูคัสแล้วไม่ไปทำงานที่นั่นอีก
แต่ถึงแม้จะลาออกมาแล้วลูคัสก็ยังขู่ให้เธอหาข้อมูลมาให้ได้ไม่งั้นจะตามไปเล่นงานเธอถึงที่พัก ซึ่งเป็นสิ่งที่คนตัวเล็กกลัว ลูก้าเพื่อนรักก็คงจะช่วยฉุดรั้งอะไรไม่ได้เพราะพี่ชายเป็นคนโหดร้ายและเลือดเย็น
“ไม่อยากกินเอง ป้อนหน่อยสิ”
ไบรอันเอ่ยบอกเอมิกาที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะทานข้าวเพื่อรอให้เขาทานเสร็จ แต่คนตัวใหญ่ก็ไม่แตะอาหารในจานเลยแม้แต่นิดเดียว
“ได้ค่ะ...เดี๋ยวฉันป้อนนะ”
เอมิกาเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ทางด้านซ้าย ส่วนไบรอันนั้นนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ เธอหยิบมีดขึ้นมาตัดชิ้นสเต็กในจานเพื่อให้เขารับประทานให้หมดจะได้ทานยา อีกไม่นานก็ใกล้จะถึงเวลาผ่าตัดและอาการสายตาเลือนลางของไบรอันก็จะหายไป
หากหน้าที่ของเธอจบลงหมดแล้วก็อยากหนีกลับประเทศไทยจริงๆ ไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกเลย
ไบรอันรู้สึกถูกใจผู้ดูแลคนนี้อย่างบอกไม่ถูก ไม่อยากจะให้เธอลาออกหรือว่าไปไหนไกลเลย
หลังจากทานอาหารกันเสร็จเอมิกาก็พาไบรอันออกไปเดินเล่นรับอากาศที่สวนแม้ว่าสายตาจะมองไม่เห็นแต่ก็ถือว่าได้ออกมารับอากาศกับลมยามเย็น
“คุณหนาวไหมคะ อยากจะได้เสื้อกันหนาวไหมเดี๋ยวฉันจะไปเอามาให้”
“ไม่เป็นไร...เดินแค่นี้ก็พอแล้ว”
“อากาศดีมากเลยนะคะวันนี้ คุณน่าจะชอบนะ”
เอมิกาประคองแขนแกร่งของไบรอันให้เดินเล่นรอบสวน เขาเป็นคนที่หน้าตาดีมาก...บางทีใจดวงน้อยก็แอบหวั่นไหวที่ต้องใกล้ชิดขนาดนี้ และที่สำคัญไบรอันดูไม่ได้โหดร้ายแบบลูคัสด้วยเพราะเขาอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ส่วนลูคัสนั้นอายุเท่าบริกซ์ตั้นผู้เป็นพี่ชาย
“อือ...ที่จริงก็ดีมากเลยแหละ ถ้าได้มากับแฟนก็คงจะดี”
“หืม คุณไบรอันมีแฟนด้วยเหรอคะฉันไม่เห็นจะรู้เลย”
แล้วตอนนี้เขาป่วยอยู่แฟนของเขาหายไปไหนกันล่ะ ทำไมไม่มาดูแลกันนะ?
เอ๊ะ หรือว่าพอป่วยแบบนี้แล้วก็จะทิ้งกัน
เอมิกาได้แต่คิดฟุ้งซ่านอยู่ในใจสงสารไบรอันที่โดนแฟนทิ้งไปแบบนี้
“แค่เคยมีน่ะ...ตอนนี้เธอเสียไปแล้ว”
“เอ่อ ฉันเสียใจด้วยนะคะ”
ได้ยินคำตอบก็ทำเอาคนตัวเล็กเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว ชีวิตที่มาพัวพันกับแก๊งค์มาเฟียนี้มีแต่เรื่องพิลึกแฟนที่เสียไปแล้วนี่หวังว่าไบรอันจะไม่ใช่คนฆ่าปิดปากนะ ตอนนี้มองอะไรในแง่ดีไม่ได้เลยเพราะดูจากสภาพลูคัสที่กำลังจะฆ่าเธอ มาเฟียนี่โหดร้ายจริงๆ
ฮืออ ชีวิตนังเอมี่วันๆก็เจอแต่เรื่องอะไรไม่รู้ จะมีชีวิตรอดกลับไทยไปหาพ่อมั้ยเนี่ย
ได้แต่คิดฟุ้งซ่านกับตัวเองในใจ
“ช่างมันเถอะ ยังไงเรื่องมันก็นานมาแล้วแถมตอนนี้ร่างกายฉันก็ไม่ปกติเหมือนคนอื่น เรื่องความรักไม่คิดแล้วแหละ“
“ทำไมล่ะคะ คุณก็กำลังจะรักษาตัวแถมก็ใกล้จะหายแล้ว อย่าพึ่งหมดหวังสิคะคุณไบรอัน ต้องมีคนดีๆรอคุณอยู่แน่”
คนตัวเล็กจับมือของเขากุมเอาไว้เพื่อเป็นการให้กำลังใจ ไม่อยากให้ไบรอันสิ้นหวังไปอย่างนั้น
“ก็หวังว่านะ...”
“อากาศเริ่มเย็นแล้ว เราขึ้นไปด้านบนกันดีไหมคะคุณจะได้พักผ่อน”
“อืม...ก็ดี”
เอมิกาประคองพาร่างสูงใหญ่ขึ้นไปพักผ่อนบนห้องนอน คฤหาสน์หลังนี้ช่างใหญ่โตดูแล้วก็รู้ว่าไบรอันนั้นรวยมากแค่ไหน
เธอทำงานที่นี่มาสักพักสังเกตุเห็นทุกอย่างภายในบ้าน ล้วนแต่เป็นของเก่าและมีราคาทั้งนั้นซึ่งน่าจะได้มาจากการประมูล
“นอนพักผ่อนได้แล้วนะคะ เดี๋ยวฉันจะปลุกอีกทีหรือว่าอยากจะฟังเพลงไหมคะ”
ร่างเล็กเอ่ยถามความต้องการของชายหนุ่มที่นั่ง เหม่ออยู่บนเตียง อยากจะหากิจกรรมให้เขาทำแก้เบื่ออยู่เหมือนกันแต่ก็ยังคิดไม่ออกเพราะไม่เคยดูแลผู้ป่วยมาก่อน
“เดี๋ยวคงนั่งคิดอะไรนิดหน่อย...เอมิกา”
“อะไรคะ?”
เธอเอียงคอสงสัยว่าเขากำลังจะพูดอะไร
“คืนนี้ไม่ต้องกลับห้องนะ”
“เอ๋ ทำไมล่ะคะ?”
เธอข้องใจว่าเหตุใดเธอจึงไม่ต้องกลับที่พัก แม้ว่าช่วงกลางคืนจะไม่ได้ทำงานกับลูคัสแล้วก็จริงแต่จะให้เธออยู่ที่ไหนล่ะ นอนค้างที่นี่งั้นเหรอ?
“คืนนี้พักอยู่ที่นี่...พรุ่งนี้เราจะออกนอกสถานที่กัน”
“ออกนอกสถานที่ เราจะไปที่ไหนกันงั้นเหรอคะ”
นี่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงระหว่างเธอกับบริกซ์ตั้นตั้งแต่แรก เขาแค่ให้เธอมาดูแลไบรอันที่คฤหาสน์แห่งนี้แต่ไม่ได้มีข้อตกลงว่าจะให้ออกนอกสถานที่ด้วยสักหน่อย
“วิลล่าส่วนตัวที่ฟลอริดา”
“ฟลอริดา? คุณอยากไปเที่ยวพักผ่อนริมทะเลงั้นเหรอคะ”
“ก็แค่อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศ ไม่ต้องห่วงมีเงินพิเศษค่าออกทริปให้แน่นอนอยู่แล้ว”
“ฉันไม่ได้จะหมายถึงเรื่องนั้นสักหน่อยค่ะ...แต่ต้องเดินทางขึ้นเครื่องแบบนี้คุณจะเหนื่อยนะคะ”
“ก็แค่อยากออกไปเปลี่ยนบรรยากาศแล้วก็พาเธอไปด้วย ไม่เหนื่อยหรอก”
“แต่ฉันยังไม่มีเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้เลย เกรงว่าจะต้องกลับไปที่พักเพื่อเก็บของแพ็คกระเป๋าก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวไปหาซื้อเอาที่นั่น”
“ก็ได้ค่ะ...”
คนตัวเล็กไม่อยากจะขัดใจเธอจึงปล่อยเลยตามเลย ก็คงจะไปแค่วันเดียวเท่านั้นแหละมั้ง
ร่างแกร่งมองหน้าเธอและเหยียดยิ้มอย่างพึงพอใจที่หญิงสาวยอมทำตามอย่างว่าง่าย...เขาจะพาเธอไปที่วิลล่าส่วนตัวซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้ซื้อเอาไว้เพื่อพักผ่อนหย่อนใจในยามเครียดจากเรื่องงาน
เขาไม่เคยพาใครไปมาก่อน...ที่จริงตั้งใจที่จะซื้อตั้งแต่ก่อนเรียนจบเพราะว่าอยากจะพาซีเวียแฟนสาวสุดที่รักไปเที่ยวด้วยกันแต่คงจะไม่มีวันมีโอกาสนั้นอีกแล้ว
แต่เขากับมอบโอกาสนี้ให้กับเธอ...เขาจะพาเอมิกาไปที่นั่น
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมใจถึงสั่งมาอย่างนั้น...