Chapter 11 ถูกใจคนตัวเล็ก
Chapter 11
ถูกใจคนตัวเล็ก
“หันหลังมาแล้วแอ่นตูดให้ฉัน”
“!?”
เอมิกาตกใจไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน นี่เขากำลังจะให้เธอทำอะไรกันเนี่ย
“มะ มันจะดีเหรอคะคุณไบรอัน”
ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าการกระทำแบบนั้นมันจะทำให้เธอรู้สึกอย่างไร
“ดีสิ หันหลังแล้วแอ่นก้นมา ฉันจะทำให้เธอรู้สึกดีเองวันนี้”
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ก็ทำอย่างที่ว่า เอมิกายันตัวลุกขึ้นแล้วหันก้นให้เขา
มือสากหนาวางลงบนก้นเนียนนุ่มแล้วขยำขยี้ไปมา มันทั้งเนียนทั้งเด้งสู้มือ... ถูกใจไบรอัน เป็นอย่างที่สุด
“ก้นเธอทั้งเด้งทั้งเนียน ชักจะติดใจซะแล้วสิเอมิกา”
“คุณไบรอันอ่า... พูดอะไรก็ไม่รู้”
“พูดความจริงไง ขอชิมหน่อยแล้วกัน”
เขาเลื่อนหน้าลงมาตรงบั้นท้ายแล้วใช้ลิ้นโลมเลียกลีบดอกไม้หวานที่อยู่ด้านหน้าจนน้ำใสไหลซึมออกมาเตรียมพร้อมสำหรับการโดนโจมตีและสอดใส่
“อ่า คุณไบรอัน...”
แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้วกับร้อนที่เกี่ยวพะวงไปมา เขาใช้ส่วนนั้นเก่งเหลือเกินไม่รู้ว่าทำกับใครมาบ้าง ชำนาญราวกับผ่านมาหลายร้อยคน
“เธอเสียวได้มากกว่านี้อีกนะ แค่ลิ้นน้ำก็ไหลขนาดนี้แล้ว...ถ้าเจอเจ้านี้ล่ะจะเป็นยังไง”
ไบรอันถอดชุดนอนของตัวเองออก ชุดนอนที่เขาสวมใส่เป็นชุดนอนของผู้ชายลายสก็อตสีน้ำเงิน เขาถอดมันออกแล้วโยนทิ้งลงที่ข้างเตียงพร้อมกับใช้มือชักแท่งลำร้อนไซส์ใหญ่ขนาดหกสิบสอง ซึ่งเป็นไซส์ฝรั่งใหญ่กว่าชายไทยเยอะ เจ้านี่ทำเอาเอมิกาแทบจะรับไม่ไหว
“คุณไบรอันขา...มันใหญ่ คุณช่วยทำเบาๆได้ไหมฉันกลัวว่ามันจะเจ็บ”
เธอร้องขอชีวิตเอาไว้ก่อนที่เขาจะกระแทกเข้ามา แม้จะไม่เคยเห็นของชายใดมาก่อนแต่เธอเองก็คาดเดาได้ว่ามันต้องใหญ่กว่าของหนุ่มไทยแน่ๆเธอถึงได้ทั้งจุกทั้งเจ็บขนาดนี้
“ได้สิ ฉันจะทำให้เบาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
เพียงพูดจบประโยคสะโพกสอบก็เริ่มกระแทกเข้าออกร่องสาวอย่างแผ่วเบาและทะนุถนอมที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาพยายามไม่ให้เธอเจ็บเลยสักนิดเดียว
หน้าขาแกร่งกระทบเข้ากับก้นเนียนเด้งใสไร้รอยของหญิงสาวตัวเล็ก
“อ๊าส์”
“อ่า...เอมี่”
เสียงครางของหนุ่มสาวทั้งคู่ร้องระงมสอดประสานกันอย่างเป็นจังหวะ ทุกอย่างช่างนุ่มนวลและพอดิบพอดีไปหมดสำหรับเอมิกา
เธอยอมรับทั้งหัวใจว่าในตอนนี้หลงเสน่ห์เจ้านายหนุ่มอย่างไบรอันเข้าซะแล้ว ร่างกายทุกสัดส่วนของเค้าทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี
มือแกร่งเอื้อมมาจับเข้าที่เอวคอดเล็กด้วยมือทั้งสองข้างแล้วกระหน่ำกระแทกสะโพก แท่งลำร้อนใหญ่หุบเข้าออกร่องสวาทสาวที่ฉ่ำไปด้วยน้ำ
เนื้อตัวสาวไทยสั่นคลอนไปหมดตามแรงกระแทกจากไบรอันที่ส่งมอบมาให้
บอดี้การ์ดที่คอยดูแลอยู่ภายในรู้ได้ในทันทีว่าเจ้านายหนุ่มกับผู้ดูแลสาวคนสวยกำลังมีสัมพันธ์อะไรกันอยู่เพราะเสียงดังครึกโครม เสียงเตียงกระทบเข้ากับพื้นห้องไหนจะกระแทกกับกำแพงอีก
“คุณไบรอันขา...อ่า”
“อ่า เอมิกา”
“ฉันจะไม่ไหวอยู่แล้ว...ได้โปรด อย่าหยุดนะคะ”
เธอต้องการให้เขาแรงกว่านี้ มือเล็กจิกเข้าที่ผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดตาแล้วเชิดคางขึ้นรับความเสียวจากทางด้านหลัง แท่งลำร้อนกระแทกเข้าออกร่องเสียวอยู่ไม่หยุด
อีกนิดเดียวเท่านั้น...เธอจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
“คุณไบรอันขา...”
“อ่าส์! ซี้ด”
น้ำสีใสไหลซึมออกมาจากร่องสวาท ไบรอันรีบชักแท่งลำออกแล้วพ่นน้ำสีขาวขุ่นเข้าที่แผ่นหลังเรียบเนียนของเธอก่อนที่จะแผ่ตัวลงนอนด้านข้างอย่างอ่อนระทวยรวยแรง
เอมิกาเองก็ล้มขาพับนอนคว่ำลงไปด้วยความเสียวสยิวและไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
“คุณไบรอัน... มัน... มันเสียวค่ะ”
“แล้วชอบไหม ชอบให้ฉันทำแบบนี้หรือเปล่า หืม?”
เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่ากระซิบเข้าที่ข้างหูของคนตัวเล็กที่นอนคว่ำอยู่ เขาสามารถสัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งหมดที่มีว่าคนตัวเล็กทำอะไรและนอนอย่างไรอยู่
มือหนายกลูบไล้เข้าที่ใบหน้าเล็กแล้วทัดปอยผมของเธอที่ร่วงหล่นลงมาขึ้นทัดหู
“ชอบค่ะ...ฉันชอบทุกสิ่งที่คุณทำให้”
“เคยมีใครบอกเธอหรือเปล่า ว่าเธอน่ารัก”
“พูดออกมาได้ไงคะ...คุณยังไม่เคยเห็นหน้าฉันสักหน่อย”
สงสัยจริงจังว่าเขาแค่แกล้งชมไปอย่างนั้นหรือว่าอะไร
“น่ารักก็ไม่ได้หมายถึงหน้าตาสักหน่อย หมายถึงนิสัยนิสัยของเธอที่ไม่เหมือนใคร”
“ถ้างั้นก็ขอบคุณค่ะสำหรับคำชม”
เธอยิ้มรับกับคำชมนั้น อย่างน้อยไบรอันก็เห็นถึงความน่าสนใจในตัวเธออยู่บ้าง
“จากนี้ต่อไป...ฉันจะดูแลเธอเป็นอย่างดี”
เอมิการู้สึกอบอุ่นหัวใจกับสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง หลังจากนั้นเธอก็พาเขาไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยและพาไบรอันให้เข้านอนกลางวัน ส่วนตัวเธอนั้นก็เดินลงมาชมวิวทะเลสาบด้านล่าง
กริ๊ง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพบว่ามีสายเรียกเข้าจากเมืองไทยซึ่งก็คือพ่อของเธอนั่นเอง
“ฮัลโหลค่ะพ่อ มีอะไรรึเปล่าคะโทรมาเวลานี้”
ขณะนี้เป็นเวลาประมาณบ่ายโมงของฟลอริดาและที่ประเทศไทยก็น่าจะเป็นเวลาประมาณเที่ยงคืน ปกติพ่อของเธอไม่น่าจะโทรมาเวลานี้
“เอ่อ เอมี่ เงินที่ลูกโอนมาเข้าบัญชีพ่อเรียบร้อยแล้วนะ”
“ค่ะ ยังไงก็ใช้จ่ายอย่างประหยัดนะคะหนูไม่รู้ว่าจะหาเงินขนาดนี้ได้อีกถึงเมื่อไหร่”
เอมิกาพูดจากใจสัตย์จริง แม้ตอนนี้ไบรอันจะเอ็นดูและคอยดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่หากในอนาคตเขารู้ล่ะว่าเธอต้องนำเอกสารลับเรื่องข้อมูลลูกค้าในตระกูลเบอริอันต์ไปบอกกับลูคัสซึ่งเป็นคู่อริและคู่แข่งทางธุรกิจ แน่นอนว่าเธอไม่ได้อยากทำแต่สถานการณ์ทุกอย่างมันบีบบังคับให้เธอต้องเอาตัวรอด
หากไม่เช่นนั้นเธอคงไม่มีชีวิตมายืนอยู่จนถึงตอนนี้ ลูคัสคงหาเรื่องเก็บเธอไปแล้ว
“อืม พ่อจะพยายามประหยัดแล้วกัน แต่ที่จริงพ่อมีเรื่องอยากจะบอกลูก”
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
เอมิการู้สึกแปลกใจที่จู่จู่พ่อก็โทรมาแบบนี้ คงจะมีเรื่องสำคัญจริงๆ
“ตอนนี้พ่ออยู่บ้านสวนที่เชียงราย”
“รู้แล้วค่ะ พ่อก็บอกหนูแล้วไงว่าจะย้ายไปอยู่เชียงราย มันเป็นบ้านสวนที่พ่อเคยซื้อเก็บเอาไว้นี่”
เอมิกาไม่ได้รู้เกี่ยวกับรายละเอียดเรื่องบ้านสวนหลังนี้นัก รู้เพียงว่าพ่อของเธอซื้อเก็บเอาไว้นานแล้วและที่บ้านก็ไม่มีใครสนใจเพราะไม่ใช่ที่ดินทำเลทองอะไร หากจะพักตากอากาศกับครอบครัวสมัยก่อนก็จะพากันไปที่เขาใหญ่แต่ปัจจุบันที่ดินตรงนั้นก็ถูกขายทอดตลาดไปแล้ว
“คือ...ที่จริงบ้านสวนตรงนี้พ่อซื้อให้คุณสีรุ้งเขาอยู่”
“สีรุ้ง…ใครคือสีรุ้งกันคะพ่อ”
เอมิกาถามด้วยความหวั่นใจเพราะชื่อนั้นมันคือชื่อผู้หญิง และที่ดินแห่งนี้เท่าที่จำความได้ก็ซื้อมาพอๆกับอายุของเธอซึ่งก็คือยี่สิบกว่าปีแล้ว
“ภรรยาของพ่อเอง”
“อะไรนะคะ แล้วแม่ล่ะ นี่มันเรื่องอะไรกันคะพ่อ?”
เอมิกาจากที่ตอนแรกนั่งอยู่บนเก้าอี้จิบชาร้อนชมวิวทะเลสาบในเมืองฟลอริดาตอนนี้เธอกลับนั่งก้นไม่ติดเก้าอี้ เรือนร่างเล็กยืนขึ้นเต็มความสูงและมองเหม่อไปในทะเลสาบพร้อมกับ กับคุยโทรศัพท์กับผู้เป็นพ่อไปด้วย
“สีรุ้งเป็นภรรยานอกสมรสของพ่อ เราคบกันมานานมากแล้ว”
“ทำไมพ่อไม่เคยบอกเรื่องนี้กับหนูเลย...แล้วแม่รู้รึเปล่า?”
เธอปวดใจอย่างที่สุดที่จะต้องมาได้ยินเรื่องราวอย่างนี้
“ไม่รู้หรอก พ่อไม่เคยบอกกับแม่”
“มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ พ่อทำอย่างนี้กับหนูกับแม่ได้ยังไง”
คิ้วสวยขมวดเข้าหากันมุ่น พูดกันตามตรงก็คือเธอไม่พอใจนั่นแหละที่พ่อมีภรรยาน้อยและที่ดินตรงนี้ก็ซื้อมานานมากแล้วพอๆกับอายุของเธอ
“พ่อ...พ่อไม่มีอะไรจะแก้ตัว แค่อยากบอกลูกเอาไว้ว่าตอนนี้พ่อไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว”
“อ๋อค่ะ ถ้าพ่อไม่บอกหนูก็คงไม่รู้เลยว่ามีเมียอีกคนอยู่ที่บ้านนั้นด้วย คงจะอยู่กันมานานแล้วสินะคะ”
น้ำเสียงเล็กประชดประชันออกไป ผู้หญิงคนนี้คงจะอยู่สูบเงินบ้านเธอมานานพอสมควร
“ลูกควรจะดีใจนะ หากที่ดินตรงนี้เป็นชื่อพ่อก็คงจะถูกยึดขายทอดตลาดไปแล้วแต่พ่อซื้อเป็นชื่อของสีรุ้งเค้าพ่อเลยยังมาอยู่อาศัยได้”
“งั้นเหรอคะ หนูควรจะดีใจกับพ่องั้นสินะ”
เอมิกาในตอนนี้พยายามซุกซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ในใจ เธอพยายามจะเข้าใจผู้เป็นพ่อแต่มันก็หน่วงในใจเหลือเกิน
“นี่แหละคือสิ่งที่พ่ออยากจะบอกลูก...แล้วลูกก็ยังมีน้องสาวแท้ๆอีกหนึ่งคน”
“น้องสาวแท้ๆ? หนูเป็นลูกคนเดียวของคุณแม่ค่ะพ่อ”
เธอพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นแม้ว่าจะยากเหลือเกิน เอมมิกาอยากจะร้องไห้ออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
“พ่อหมายถึงน้องสาวที่เป็นลูกของพ่ออีกคน เธอเป็นรุ่นน้องลูกหนึ่งปีชื่อว่าอันปัน”
อันปันงั้นเหรอ ฮึ ไม่เห็นอยากจะนับเป็นน้องเลยสักนิด ตั้งแต่จำความได้ก็เป็นลูกคนเดียวมาโดยตลอด
เอมิกาแสยะยิ้มแล้วคิดกับตัวเองในใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป มีแค่เพียงตอบรับพ่อของเธอและไม่อยากจะต่อบทสนทนานี้อีก
“อ๋อค่ะ”
“อย่าทำเย็นชาอย่างนั้นสิลูก ยังไงอันปันก็เป็นลูกของพ่อแล้วก็เป็นน้องสาวของเอมี่นะ”
“น้องสาวที่หนูไม่เคยได้เจอไม่เคยได้รู้จักงั้นเหรอคะ”
“อย่าพูดจาเป็นคนใจร้ายอย่างนั้นสิเอมิกา พ่อแค่อยากบอกให้ลูกรับรู้เอาไว้ว่าสักวันหากพ่อเป็นอะไรไปลูกจะยังมีน้องสาวและญาติเหลืออยู่”
เอมิกาได้แต่แค้นอยู่ในใจตัวเองแต่ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกไป เธอย่อมไม่พอใจอยู่แล้วที่พ่อมีภรรยาน้อยแถมยังมีลูกอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธออีกตั้งหนึ่งคน
เธอจะไม่นับเป็นน้องและไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเพราะถือว่าพ่อทรยศความรักของแม่ที่มี
“ค่ะ”
“ทีนี้พ่ออยากจะถามหน่อย อันปันจบจากมหาวิทยาลัยที่ไทยลูกพอจะหางานให้น้องในนิวยอร์กได้ไหม”
ได้ยินแบบนั้นเธอก็รู้สึกไม่พอใจ ที่ติดต่อมานี่ก็เพราะอยากจะให้ลูกนังเมียน้อยนั่นมาทำงานในอเมริกาใช่ไหม
“หนูไม่รู้จักใครหรอกค่ะพ่อ ถ้าอยากจะทำก็หางานแล้วก็ยื่นวีซ่ามาเองสิ”
“อย่าพูดจาใจร้ายแบบนั้นสิเอมี่ พ่อส่งให้ลูกเรียนที่นั่นทำงานที่นั่นมาตั้งนานน่าจะรู้จักใครที่พอจะฝากงานให้น้องได้บ้างสิ”
“โทษนะคะพ่อ แต่อันปันที่พ่อพูดถึงหนูไม่เคยรู้จักเลยสักครั้ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพูดภาษาได้คล่องแค่ไหนได้สอบวัดระดับภาษาที่จะใช้ยื่นทำงานถึงคะแนนขั้นต่ำมั้ย แล้วก็จบสาขาวิชาไหนมาหนูก็ไม่รู้เลย”
เธอพูดออกมาตามความเป็นจริง ไม่รู้ข้อมูลอะไรกันเลยแล้วจะให้ฝากงานได้อย่างไร ที่สำคัญเธอเองก็ไม่ได้มีอำนาจขนาดที่จะฝากงานให้กับน้องสาวที่ไม่เคยรู้จักได้ด้วย
“เอมี่ หาลู่ทางให้น้องหน่อยไม่ได้รึไงเราสองพี่น้องจะได้พากันทำงานมีอนาคตหน้าที่การงานที่ดีขึ้น”
อธิปผู้เป็นพ่อวิงวอนลูกสาวคนโต เค้าเองก็รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยต่ออันปันที่ไม่ได้ส่งเสียให้เรียนดีๆได้เท่าพี่สาว ถึงแม้จะบอกว่าเป็นลูกของภรรยาน้อยแต่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกแท้ๆของเค้าเหมือนกัน
“อนาคตที่ดี? พ่อลืมไปรึเปล่าคะว่าตอนนี้หนูก็ต้องลาออกจากงานที่หนูทำมาดูแลมาเฟียที่พ่อติดหนี้เขาอยู่”
“เอมี่! ทำไมแกกล้ายอกย้อนพ่อแบบนี้”
ร่างเล็กได้แต่ลอบถอนหายใจออกมายาวๆอย่างเหนื่อยใจ ความรู้สึกของเธอในตอนนี้ทรมานอย่างถึงที่สุด
อยากรู้จริงว่าคนที่มาทำงานไกลบ้านไกลเมืองมาทำงานเมืองนอกอย่างเธอนั้นส่งเงินให้กับที่บ้านเท่าไหร่
เอมิการู้สึกว่าไม่ว่าจะส่งเงินให้เท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอสักที ที่สำคัญตอนนี้ยังมารู้อีกว่ามีตัวละครลับที่เธอไม่เคยรู้จักถึงสองคน สรุปแล้วพ่อเธอทรยศต่อความรักที่แม่มีให้มาโดยตลอดสินะ
“โทษนะคะพ่อ หนูขอตัวไปทำงานก่อนไว้เดี๋ยวจะติดต่อกลับไป”
เอมิกาวางสายโทรศัพท์ลงและไม่ต้องการพูดคุยอะไรกับพ่ออีกในตอนนี้ เธออยากจะหามุมหลบเงียบๆและร้องไห้ออกมา
ความทรมานในใจนี้เมื่อไหร่จะหายไปสักที...
ความจริงที่เธอได้รับรู้ตอนนี้มันแย่มาก พ่อเธอมีครอบครัวภรรยาน้อยซุกไว้ตั้งกี่ปีแล้วนะ
กี่ปีแล้วนะที่เธอกับแม่เป็นคนโง่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย นี่พ่อถึงขั้นซื้อที่ดินหลายไร่ให้กับผู้หญิงคนนั้นแถมยังมีลูกอายุอ่อนกว่าเธอแค่เพียงปีเดียวซุกไว้อีก
น้ำตาสีใสไหลรินออกมาจากดวงตากลมโต
ต่อไปนี้เธอจะทำยังไงกับชีวิตต่อไป... ควรจะเลิกส่งเงินสักทีดีไหมนะ?
ความคิดสับสนตีวนปนเปอยู่ในหัวของคนตัวเล็ก
“ฮึกก ฮืออ”
เธอได้แต่ร้องไห้อย่างอ่อนใจ แม้ว่าปกติเธอจะมีความเข้มแข็งและใจเด็ดเดี่ยวอยู่บ้างเพราะมาเรียนไกลบ้านตัวคนเดียว
แต่อีกด้านเธอกลับอ่อนแอมาก เธออ่อนแอกับคำว่าครอบครัว รักพ่อกับแม่มาก แต่ในวันนี้ไม่มีแม่แล้วคนที่ควรจะทำหน้าที่เป็นหลังบ้านที่ดีก็คือพ่อ แต่พบความจริงว่ามันไม่ใช่เลย... ไม่ใช่เลยสักนิด
ติ๊งง
มีสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์อีกครั้ง เอมิกาได้แต่ปล่อยโฮออกมาคิดว่าคงจะเป็นพ่อที่โทรมาอีกครั้งแต่เมื่อก้มลงมองจอโทรศัพท์กลับทำให้เธอขนลุกว่าและเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างฉับพลัน
‘ลูคัส’