Chapter 12 น้องสาวของฉันจะทำงานให้คุณ
Chapter 12
น้องสาวของฉันจะทำงานให้คุณ
ติ๊งง
สายเรียกเข้าดังขึ้นและชื่อที่เธอเมมไว้ก็คือ
‘ลูคัส’
ฮึก...อะไรกัน เขาโทรมาหาฉันทำไมกันนะ จะโทรมาเรื่องนั้นรึไง
ร่างเล็กได้แต่พึมพำกับตัวเองแล้วรีบเดินขึ้นห้องนอนส่วนตัวที่ถูกจัดเอาไว้แม้ว่าจะยังไม่เคยมานอนสักคืนเลยเพราะตั้งแต่คืนแรกเธอก็เข้าไปนอนกับไบรอันแล้ว
ร่างเล็กที่ร้องไห้โฮจากการทะเลาะกับพ่อเมื่อครู่พยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้เพราะต่อให้ร้องแค่ไหนคนที่อยู่ประเทศไทยก็ไม่สามารถรับรู้ถึงความเศร้าและความกดดันของเธอได้
คงจะมีแต่เรียกร้องเงินทองให้เธอส่งกลับบ้าน
เอมิกาเข้ามาภายในห้องนอนของตัวเองแล้วรับสายโทรศัพท์จากลูคัส
“ค่ะคุณลูคัส”
“เอมิกา ข้อมูลลูกค้าที่ฉันให้เธอไปสืบหาจากไอ้บริกซ์ตั้นล่ะได้รึยัง”
“ขอโทษนะคะคุณลูคัส พอดีว่าตอนนี้ฉันมาทำงานอยู่ที่ฟลอริดากับคุณไบรอัน ยังไม่มีโอกาสได้อยู่นิวยอร์กเลยค่ะ”
“ฟลอริดา? หึ ตาก็มองไม่เห็นยังเสือกดัดจริตอยากไปพักตากอากาศอีกนะไอ้ไบรอัน”
“คุณไม่มีสิทธิ์พูดอย่างนั้นนะคะ...”
เอมิการู้สึกไม่ดีที่ลูคัสด่าทอถึงไบรอันแบบนั้น คนเราไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนก็อยากจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ที่สำคัญการที่ไบรอันเป็นอย่างนั้นไปก็เพราะลูคัสไม่ใช่เหรอที่บุกไปทำร้าย
“อ๋อ นี่หัดปกป้องกันแล้ว”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เพียงแต่ว่าตอนนี้ฉันยังไม่ได้อยู่นิวยอร์กคงจะให้ข้อมูลอะไรกับคุณไม่ได้”
“งั้นกลับมาก็รีบทำให้เรียบร้อยแล้วกัน”
“ค่ะ ฉันจะรีบจัดการให้คุณ”
รับปากออกไปทั้งที่ใจไม่อยากทำเลยสักนิด เธอไม่ต้องการแอบเข้าไปที่คฤหาสน์ของบริกซ์ตั้นเพื่อนำข้อมูลของตระกูลเบอริอันต์ไปให้กับลูคัส เธอไม่อยากให้มีผลเสียอะไรถึงไบรอันเลยสักนิด
“ตั้งแต่เธอลาออกไปนี่ฉันก็ลำบากเหมือนกันนะ ยังไม่มีเวลาไปหาแม่บ้านกลางคืนคนใหม่เลย”
“งั้นเหรอคะ”
“พอจะมีเพื่อนแนะนำไหมล่ะ อยากจะได้คนที่ไว้ใจได้แล้วก็รูดซิปปิดปากง่ายๆไม่ปากมาก”
“คุณอยากได้คนไปทำงานเป็นแม่บ้านกลางคืนงั้นเหรอคะ”
เอมิกาทวนคำอีกครั้ง เธอนึกถึงคำขอร้องจากพ่อ แต่ลูคัสนั้นโหดร้ายมาก การที่จะไปทำงานกับเขาไม่รู้ว่าจะเป็นผลดีหรือผลเสียมากกว่ากันสำหรับน้องสาวที่เธอไม่เคยรู้จัก
“ใช่สิ เธอก็รู้ว่าคฤหาสน์ฉันกว้างใหญ่แค่ไหนยิ่งตอนกลางคืนไม่มีใครอยู่ก็ยิ่งวังเวง”
เอมิกาหลับตาครุ่นคิดพยายามกลั้นสะอื้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ดูไม่ใช่งานที่น่าแนะนำให้คนที่รักทำสักเท่าไหร่ แต่แน่นอนว่าอันปันน้องสาวที่เธอไม่เคยเห็นหน้าก็ไม่ใช่คนที่เธอรักอย่างแน่นอนอยู่แล้วเพราะเป็นลูกของเมียน้อยพ่อ
จะว่าเธอเลวไหมนะถ้าจะแนะนำงานนี้ให้กับเด็กที่ชื่ออันปันอะไรนั่น
“ที่จริงฉันมีน้องสาวอยู่ที่ประเทศไทย พ่ออยากให้มาทำงานที่อเมริกาอยู่แต่น้องไม่รู้ว่าจะไปสมัครที่ไหนแล้วก็จบมหาวิทยาลัยจากที่ไทยมา”
“งั้นเหรอ ดีเลยสิถ้าเดินทางมาจากเมืองไทยแสดงว่าไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรที่นี่น่าจะไม่ปากมากใช่ไหม?”
“คุณอยากได้น้องฉันไปทำงานด้วยไหมล่ะคะ?”
“ถ้าเธอเสนอมา...ฉันก็พร้อมสนอง รับรองว่าเงินเดือนไม่มีน้อยไปกว่าที่ให้เธอแน่นอน”
“ฉันขอเวลาหนึ่งอาทิตย์นะคะ ขอติดต่อกับทางบ้านก่อน หากว่าน้องต้องการมาที่นี่คุณจะช่วยจัดการเรื่องวีซ่าให้ได้ไหม”
“ไม่ใช่ปัญหา เรื่องนั้นเรื่องเล็ก”
“งั้นฉันขอเวลาหนึ่งอาทิตย์นะคะแล้วจะติดต่อคุณไปอีกครั้ง”
พูดคุยกับลูคัสเสร็จเธอก็วางสายโทรศัพท์ลงพร้อมกับลอบถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
ไม่รู้หรอกนะว่าจะต้องเจออะไรหากอันปันไปทำงานที่นั่น แต่ที่มั่นใจได้คือน้องสาวของเธอจะได้รับเงินเดือนและค่าปิดปากในบางโอกาสอีกมากมาย คงจะส่งเงินไปให้พ่อและแม่ของยัยนั่นใช้ได้อย่างไม่ขาดมือ
เพราะเอมิกาตั้งใจจะเลิกส่งเสียเลี้ยงดูทางบ้านสักที
ต่อไปนี้เธอจะให้น้องสาวของเธอส่งเงินให้ทางบ้านเองและเธอจะไม่มีเอี่ยวอะไรอีกทั้งนั้น
แค่เอาชีวิตและอนาคตมาเดิมพันกับบ้านของมาเฟียทำงานใช้หนี้สิบล้านให้กับพ่อมันก็มากเกินพอแล้วสำหรับเอมิกา
“ฉันควรรักตัวเองบ้างสินะ...”
ร่างเล็กพูดกับตัวเองพร้อมมองกระจกที่อยู่ภายในห้อง ถึงเวลาที่เธอจะต้องหันมารักตัวเองบ้างแล้วเพราะเพียงเท่านี้หน้าที่ความรับผิดชอบก็หนักหนาเกินไปแล้ว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ทำอะไรอยู่เอมิกา”
“ค่ะคุณไบรอัน”
เอมิกาถือโทรศัพท์ไว้ในมือแล้วรีบเปิดประตูออกไปเมื่อโดนเคาะเข้าอย่างนั้น
“คุณไบรอันเดินออกมาเองอย่างนี้ได้ยังไงคะ เดี๋ยวตกบันไดไปจะทำยังไง”
ห้องที่เธอเข้ามาคุยโทรศัพท์อยู่ตรงข้ามกับห้องของไบรอันส่วนตรงกลางจะเป็นบันได บนชั้นสองนี้มีห้องอยู่ประมาณห้าห้องด้วยกัน แบ่งเป็นห้องนอนสี่ห้องและเป็นห้องนั่งเล่นอีกหนึ่งห้อง ห้องนอนทุกห้องจะมีห้องน้ำภายในตัว
“ก็เห็นเธอหายไป ตื่นมาไม่เจอก็เลยออกมาตามหา คุยโทรศัพท์กับใครอยู่อย่างนั้นเหรอ?”
ไบรอันเอ่ยถามแม้ว่าจะมองไม่เห็นแต่ก็ได้ยินเสียงเหมือนว่าเธอคุยโทรศัพท์อยู่กับใครสักคนแม้จะไม่ชัดเจน
“พอดีคุยโทรศัพท์กับพ่อที่โทรมาจากประเทศไทยค่ะ”
“อ๋อ...ท่านคงจะเป็นห่วงลูกสาวสินะมาทำงานไกลบ้านไกลเมืองแบบนี้”
“ก็คงทำนองนั้นมั้งคะ คุณตื่นแล้วอยากจะออกไปเดินเล่นด้านนอกหน่อยมั้ย ตั้งแต่เรามาที่นี่ยังไม่ได้ออกไปเดินเล่นด้านนอกกันเลยนะคะมีแค่ชมวิวนอกระเบียงเท่านั้นเอง”
“ออกไปชมหน่อยก็ดี มาถึงที่นี่แล้วจะออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อยก็คงจะไม่เป็นไร”
ไบรอันว่าพร้อมกับยิ้มให้หญิงสาว เธอควงแขนเขาเดินออกมาข้างนอกเพื่อชมวิวรับลมทะเล อีกไม่กี่สัปดาห์ไบรอันก็ต้องเข้ารับการรักษาผ่าตัดครั้งใหญ่แล้ว
หวังว่าการผ่าตัดในครั้งนี้จะทำให้เขากลับมามองเห็นอีกครั้ง...
หนึ่งเดือนต่อมา
เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
“โอ้ย หนักจังเลยกระเป๋าไม่รู้ว่าแม่ยัดอะไรมาให้เยอะแยะ”
หญิงสาวนามว่า ‘อันปัน’ วัยยี่สิบสี่ปีเดินลากกระเป๋าเดินทางใบโตออกมา เธอเดินทางมาถึงเมืองนิวยอร์กในช่วงฤดูหนาวซึ่งเห็นได้เลยว่ามีหิมะโปรยลงมาจากฟ้าแต่ไม่มากนัก
เมื่อเดินทางมาถึงเธอก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วติดต่อโทรหาเบอร์ที่พ่อได้ทิ้งเอาไว้ให้แล้วบอกกับเธอว่านี่คือเบอร์ของพี่สาวของเธอ เอมี่ เอมิกา
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะหนูอันปันนะคะพี่เอมี่”
“เธอมาถึงที่นี่แล้วเหรอ?”
ปลายเสียงตอบกลับมา เวลานี้เป็นเวลาเข้านอนของเอมิกาแล้วซึ่งเธอเพิ่งจะส่งไบรอันเข้านอนได้สักครู่ ช่วงนี้เขาต้องพักผ่อนมากกว่าปกติเพราะใกล้จะถึงวันผ่าตัดเต็มที
“ใช่ค่ะ ตอนนี้หนูอยู่ที่สนามบินแล้ว”
‘งั้นเธอส่งโลเคชั่นมาให้ฉันทีเดี๋ยวจะให้คนของเจ้านายเธอไปรับ’
“ได้ค่ะ หนูจะรออยู่ด้านหน้านะคะเดี๋ยวส่งโลเคชั่นไปให้ในแชทนะ”
ว่าอย่างนั้นพร้อมกับส่งโลเคชั่นไปให้พี่สาวในทันที อันปันรับรู้จากพ่อว่าบ้านที่เธอจะมาทำงานด้วยเป็นพี่ชายของเพื่อนของพี่สาวเธอ ซึ่งเอมี่ก็เคยทำอยู่แต่ตอนนี้ลาออกไปแล้วเพราะต้องไปทำงานตรงอื่นแทนซึ่งพ่อก็ไม่ได้ชี้แจงให้ฟังว่ามันคืองานอะไร
แต่งานที่เธอได้ทำนี้เป็นงานแม่บ้านแต่ว่าทำในช่วงกลางคืนและต้องนอนในตอนกลางวัน ฟังจากเงินเดือนที่ได้และสวัสดิการที่มีรวมไปถึงอาหารสามมื้ออันปันจึงคิดว่านี่คือตัวเลือกที่ดี
เธอต้องการจะออกจากกรงทองที่แม่สร้างไว้ นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้เดินทางคนเดียวแบบนี้ แค่จะเข้ากรุงเทพคนเดียวยังทำไม่ได้เลย
“นี่ฉันทำอะไรอยู่เนี่ย...ฉันเดินทางมานิวยอร์กด้วยตัวคนเดียวเลยเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลย!”
อันปันรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่ได้ออกจากบ้านด้วยตัวเองครั้งแรกพร้อมกับมองไปรอบสนามบิน
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วดูสตรอรี่ไอจีที่เธอเพิ่งอัพโหลดก่อนเดินทางไปก่อนหน้านี้
ภายในสตรอรี่เธอลงเป็นรูปถือตั๋วเครื่องบินและพาสปอร์ตพร้อมกับแคปชั่น ‘เจอกันนะคะนิวยอร์กซิตี้’
แน่นอนว่าเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกันทักมาหาเธอกันให้วุ่น เธอจึงบอกเพียงว่ามาเยี่ยมพี่สาวที่เป็นญาติไม่ได้บอกว่ามาทำงานเพราะเดี๋ยวก็จะเซ้าซี้ถามอีกว่าทำงานอะไร
อันปันเองก็ไม่อยากจะบอกเพื่อนว่าเรียนจบปริญญาตรีมาตั้งสี่ปี สุดท้ายได้มาทำงานแม่บ้านที่อเมริกา ถึงมันจะไม่ได้ผิดอะไรแต่ก็แอบเขินนิดหน่อย
รออยู่ได้ประมาณไม่นานก็พบว่ารถคันหรูสีดำขับมารับเธอพร้อมกับผู้ชายหน้าหล่อคนนึง...เขาดูดีใช้ได้เลยทีเดียว เป็นชายหน้าฝรั่งดูสุขุมนุ่มลึก ผมสีน้ำตาลของเขายิ่งขับให้ดูดีมากยิ่งขึ้น
แต่แปลก...ดึกขนาดนี้แล้วนะ ยังจะใส่สูทอยู่อีก ได้แต่สงสัยอยู่ในใจตัวเอง
“ใช่อันปันน้องสาวของเอมิกามั้ย?”
“ใช่ค่ะ ฉันชื่ออันปัน คุณเป็นคนงานจากบ้านที่ฉันจะไปทำงานใช่ไหมคะ?”
“งั้นก็เชิญขึ้นมาเลย”
“ค่ะ”
อันปันยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ขึ้นมาด้วยโดยเอาไว้ที่เบาะหลัง ยังคงโชคดีที่เธอนำมาแค่ใบเดียว
แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยัดเข้าไปอย่างยากลำบากเพราะรถคันนี้เป็นรถเก๋งคันหรูที่ดูแล้วน่าจะราคาแพง
“โทษทีนะคะ...พอดีฉันมาจากเมืองไทยกระเป๋าเลยใหญ่ไปสักหน่อย ไม่รู้ว่าจะทำให้รถของคุณเลอะหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ปัญหา เชิญตามสบาย”
อันปันนำกระเป๋าไว้เบาะหลังและเธอนั่งเบาะหน้าพร้อมกับพูดคุยกับเขาแล้วยิ้มหวานให้
น่าแปลกใจที่คนขับรถของคฤหาสน์นี้ดูทำตัวเป็นกันเองแถมไม่ห่วงรถของเจ้านายเลยสักนิด แสดงว่าเจ้านายคงจะใจดีมากอย่างนี้เธอก็คงจะพลอยสบายไปด้วย
“เธอชื่ออันปันเป็นน้องสาวของเอมิกาสินะ คิดยังไงถึงมาทำงานที่นี่ล่ะ เรียนจบจากประเทศไทยไม่ใช่เหรอ”
ชายหน้าหล่อสวมชุดสูทสีดำขับรถไปบนถนนหนทางเพื่อที่จะเดินทางไปยังเมืองนิวยอร์กซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน ซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง
“พอดีว่าพี่สาวแนะนำงานนี้มาให้คุณพ่อค่ะ ฉันก็เลยมาทำงานที่นี่เพราะอยากจะมาเที่ยวอเมริกา”
“ทำไมล่ะ สรุปอยากมาเที่ยวหรืออยากมาทำงานที่นี่กันแน่”
ชายหนุ่มที่กำลังขับรถควงพวงมาลัยรู้สึกแปลกใจกับคำตอบ คิดว่าเธอจะรีบมากอบโกยนำเงินกลับบ้านเหมือนคนเอเชียคนอื่นซะอีก
“ถ้าบอกตามตรง คุณห้ามเอาไปบอกเจ้านายของพวกเราเชียวนะคะว่าฉันพูดอะไรกับคุณ”
อันปันยิ้มอย่างร่าเริงแล้วยกมือขึ้นทำปากจุ๊จุ๊ไม่ให้เขาพูดอะไรออกไป
“อืม ฉันสัญญาแล้วกันว่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร”
“ที่จริงก็อยากจะมาเที่ยวมากกว่า แต่ก็ทำงานไปด้วยและก็คงส่งเงินให้ที่บ้าน ตอนอยู่ที่ไทยฉันไม่ค่อยได้เที่ยวค่ะ”
เธอพูดตอบออกไปเป็นภาษาอังกฤษเจื้อยแจ้ว พูดคล่องบ้างไม่คล่องบ้างแต่ก่อนที่จะมาที่นี่หนึ่งเดือนเธอศึกษาด้านภาษามาอย่างหนักเพราะต้องการจะสื่อสารกับคนที่นี่ทุกเรื่องแม้สำเนียงจะไม่ได้เป๊ะมากก็ตาม
“ก็เลยจะมาเที่ยวที่นี่งั้นสิ อยากได้ไกด์นำเที่ยวสักคนไหมล่ะ?
“แฮะแฮะ ถ้าได้ก็ดีเลยค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณ...?”
“ลูคัส”
“อ๋อค่ะคุณลูคัส ฉันอันปันนะคะอายุยี่สิบสี่ปี คุณน่าจะอายุมากกว่าฉันนะ”
“ฉันดูแก่เหรอ?”
“ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นค่ะ คุณดูดีมากเลยแต่ก็น่าจะอายุมากกว่าฉัน”
“งั้นเธอก็คงทายถูกเพราะฉันอายุสามสิบสามปี”
“เป็นรุ่นพี่ฉันหลายปีเลย แต่ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะคะขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ”
อันปันสาวน้อยวัยใสสุดแสนจะร่าเริงยิ้มร่าให้ลูคัส
ใบหน้าหล่อคมคายกระตุกยิ้ม จากที่ตอนแรกคิดว่าเอมิกานั้นน่าสนใจแล้วแต่ตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองคิดผิดถนัด
น้องสาวของเธอนั้นน่าสนใจกว่าเยอะเลย...