ตอนที่ 5 ยมทูต
“มันทำแบบนั้นกับคนงาน คนงานทำไมไม่ไปแจ้งตำรวจวะ?”
“ขึ้นศาลไปเลยดิ” เพื่อนของชายคนนั้นกล่าว
“พวกช่างเป็นต่างด้าว”
“ฝั่งกูเองก็มี” ชายที่เป็นทุกข์กล่าวก่อนจะยกมือขึ้นมากุมขมับด้วยความเครียด ซึ่งผมก็พอเข้าใจล่ะนะ ว่าถ้าฟ้องไปพวกเขาก็โดนจับเอง แถมชายคนนี้ก็จะโดนข้อหาอีกด้วย
“เบียร์หมดแล้วว่ะ กูขออีกขวดนึงได้ไหม?” ชายคนนั้นกล่าวถามเพื่อนตัวเอง ดูเหมือนมื้อนี้เพื่อนเขาจะเลี้ยง
“สองขวดไปเลยครับ” ผมกล่าวก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปที่โต๊ะพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
“เดี๋ยวผมจ่ายเอง” ผมกล่าวก่อนจะแตะที่เก้าอี้ประมาณว่าขอนั่งด้วยได้ไหม ซึ่งชายอีกคนก็ตอบตกลง กลายเป็นผมนั่งหัวโต๊ะพอดี ผมก็เลยยกขวดเบียร์ขึ้นมาให้พนักงานเป็นพร้อมกับชูสองนิ้วให้ เป็นความหมายว่าเบียร์อีกสองขวด
“ไอนิกซ์ทำอะไร?” พันซ์กล่าวเมื่อผมเดินไปนั่งโต๊ะกับคนเมา แต่ผมกำลังสนใจคนเมาคนนี้มากเลยนี่สิ ถ้าการกระทำของเขาที่เล่ามาเป็นเรื่องจริง เขาเป็นคนที่น่าทำงานด้วยอย่างมากเลยแหละ
“ตาของน้อง?” เพื่อนของชายคนนั้นกล่าวเมื่อได้สบตากับผม ทำให้ชายคนที่เมาเงยหน้าขึ้นมามองตาผม
“ยมทูตคงมารับตัวกูแล้วล่ะ” ชายคนที่กำลังเมากล่าวทำให้ผมยิ้มออกมา
“ผมไม่ใช่ยมทูตครับ ผมชื่อว่านิกซ์ ไม่ทราบว่าพี่ๆชื่ออะไรกันเหรอครับ?” ผมกล่าวถาม
“พี่ชื่อโต้ ส่วนไอนี่ชื่อแซม”
“เพื่อนพี่มันเครียดและกำลังเมาน่ะ”
“ถ้ามันพิงน้องหรือสะกิดโดนตัวน้องพี่ขอโทษด้วยนะครับ” คนชื่อโต้กล่าว
“ไม่เลยครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่โต้พี่แซม” ผมกล่าวก่อนจะมอบนามบัตรของตัวเองให้กับทั้งสองคน และเมื่อทั้งสองได้อ่านมันพวกเขาก็ตกใจทันทีพร้อมกับหันไปสังเกตโต๊ะข้างหลังของพวกเขา และพวกเขาก็เหมือนจะนึกขึ้นได้เกี่ยวกับตัวตนของเพื่อนๆผม และตัวของผมเอง
“ไม่ทราบว่าพี่แซมได้ทำงานในฐานะพนักงานของบริษัทหรือเปล่าครับ?” ผมกล่าวถาม เพราะถ้าฟังไม่ผิดผมได้ยินเพียงแค่ว่าเขามีนายทุนในการทำงาน
“พี่เป็น CEO น่ะ”
“บริษัทไม่ใหญ่หรอก” พี่แซมกล่าวแต่เขาก็ไม่ได้ให้นามบัตรอะไรผมมา ผมจึงพยักหน้าตอบรับ
“พี่บอกว่างานพี่กำลังมีปัญหาใช่ไหมครับ” ผมกล่าวถาม
“ไม่ใช่งานพี่ แต่เป็นงานของน้องที่พี่รู้จัก" พี่แซมกล่าว
“ผมสนใจร่วมงานกับพี่นะครับ ตำแหน่งในบริษัทของผมยังว่างอยู่ด้วย”
“ผมคิดว่าผมสามารถช่วยพี่ปิดงานโครงการนั้นได้ แต่ต้องแลกกับพี่ต้องมาทำงานกับผม”
“พี่สนใจไหมครับ?” ผมกล่าวถามกลับไป
“แต่บริษัทของ-” ในขณะที่พี่แซมกำลังจะกล่าว
“ผมไม่ได้ให้พี่มาเป็นคนงาน หรือผู้จัดการในบริษัทครับ”
“ผมบอกว่าอยากร่วมงาน และตำแหน่งที่ว่างอยู่ก็คือผู้บริหารของเดอะเรียลฟินิกซ์” ผมกล่าวตัดบท เพราะในตอนนี้ไม่ใช่ผมที่กำลังหาโอกาส แต่เป็นพี่เขาซะมากกว่า เพราะฉะนั้นฐานะการต่อรองผมสูงกว่า
“โอ” ผมเรียกเพื่อนของผมให้มันมานั่งด้วย เพราะผมเชื่อว่าโอจะต้องช่วยอะไรได้อย่างแน่นอน
“จากที่ผมลองคิดดูแล้วมีสองทางในการจัดการกับโครงการนี้ครับ”
“หนึ่งคือหยอดเงินทุนให้พี่เข้าไปสร้าง กับอีกข้อนึงคือพี่เป็นคนจัดการโครงการนี้เองซะเลย” ผมกล่าวเพราะอยากฟังความคิดของพี่แซม ถ้าเขาตอบว่าต้องการเงินทุนผมจะไปจากเขาทันที
“พี่คิดว่า-” และในขณะที่พี่แซมกำลังจะกล่าว
“มึง โอกาสมาแล้ว” พี่โต้ก็กล่าวขึ้นมาทันทีราวกับรู้ว่าเพื่อนสนิทของตัวเองจะกล่าวอะไร
“ที่จริงแล้วงานโครงการนี้น้องพี่มันใช้เงินใต้โต๊ะรับมากับอิทธิพลของพ่อมันที่เป็นนายพล”
“งานของเราก็เลยไม่ถูกตรวจ คนงานก็ปลอดภัย”
“พี่คิดว่าการที่ตัวพี่เป็นผู้นำโครงการมันไม่น่าจะได้นะ” พี่แซมกล่าว
“พี่ไม่ต้องสนใจเรื่องนั้นครับ ผมจัดการได้”
“ผมอยากรู้ว่าพี่มีความสามารถขนาดไหน”
“เข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารของผมไปสิครับ แล้วทำงานโครงการนี้ให้เสร็จ”
“และมันจะกลายเป็นงานแรกของพี่ในบริษัทเครือฟินิกซ์” ผมกล่าวอย่างยิ่งใหญ่
“ผมสามารถชิงโครงการนี้มาได้ในทันทีเลยครับ”
“ถ้าพี่ใช้ชื่อบริษัทของผม” ผมกล่าว เพราะถ้าพูดถึงเรื่องอิทธิพลแล้ว ผมเองก็รู้จักอยู่ไม่น้อยเลย แถมแต่ละคนผมกับเพื่อนๆก็ทำประโยชน์ให้พวกเขาไปแล้วด้วย
“ส่วนเรื่องขั้นตอนต่างๆผมจัดการให้ได้ครับ” โอกล่าว เมื่อเห็นว่าผมสนใจพี่แซมคนนี้มาก เพื่อนรักของผมก็เลยเสนอตัวช่วยเหลือทันที
“พี่คิดว่าต้องใช้เงินทุนเท่าไหร่ในการจบโครงการนี้ครับ?” ผมกล่าวถาม ในเมื่อเขาเงียบ แสดงว่าเขากำลังสับสน เพราะฉะนั้นผมต้องแสดงศักยภาพให้เขาดูว่าผมเหนือกว่าอย่างแน่นอน
“สิบเอ็ดล้าน” พี่แซมกล่าวก่อนจะเม้มปากและหลับตาอย่างสิ้นหวัง นี่มันเหมือนเริ่มงานใหม่เลยไม่ใช่หรือไง? แสดงว่าน้องของพี่แกนี่น่าจะทำโครงการล้มไปไม่น้อยเลย กำไรคงจะเหลือแค่ล้านหรือสองล้านเท่านั้นเอง
“พิมพลอย หาคนมาลงทุนได้ไหม?” ผมหันไปกล่าวถามเพื่อนของผม ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าได้แน่นอน แต่ผมต้องการให้พวกเขามั่นใจว่าคนรอบตัวของผมมีแต่คนเก่ง และมีเบื้องหลังที่น่าสนใจ
“สบายมาก” พิมพลอยกล่าวก่อนจะใช้ส้อมจิ้มกุ้งแช่น้ำปลาขึ้นมากิน
“พี่แซมคิดว่ายังไงครับ?” ผมกล่าวถามด้วยสีหน้าที่จริงจัง ส่วนเพื่อนของเขาก็ลุ้นให้แซมตกลงกับผมมาก
“จีน่าโทรหาคุณเจฟ เดอะเรียลฟินิกซ์กับเจเจเอฟจะเข้าเทคโอเวอร์โครงการนี้” ผมกล่าวเมื่อพี่แซมยังไม่ตอบ เขาเป็นคนที่จริงใจมาก รักลูกน้อง ส่วนความรับผิดชอบไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะฉะนั้นผมจึงสนใจเขามากๆ ถ้าเขามีคนผลักดันสักหน่อยเขาไปได้ไกลแน่ และคนคนนั้นจะต้องเป็นผม คนดีๆแบบนี้แหละที่ควรสนับสนุน
“เจเจเอฟคอปเปอเรชั่น!?” พี่แซมกล่าวชื่อบริษัทที่จะร่วมกับฟินิกซ์ย้ำอีกที ส่วนจีน่าก็งานไวโทรหาคุณเจฟเรียบร้อยแล้วพร้อมกับเดินมาส่งโทรศัพท์ให้ผมคุยต่อ
“ครับคุณเจฟ” ผมกล่าวทักทายปลายสายพร้อมกับเปิดลำโพงให้พี่แซมฟังด้วย
“นิกซ์สนใจอะไรในโครงการนี้เหรอครับ?”
“จากที่ผมดูมันไม่น่าเหลือกำไรแล้วนะ” คุณเจฟกล่าวและทำให้พี่แซมคอตกทันที
“ผมไม่ได้สนใจโครงการนี้ครับ แต่ผมสนใจคนที่กำลังค้ำโครงการนี้อยู่” ผมกล่าวและทำให้คุณเจฟถึงกับเงียบไปเลย
“นิกซ์สนใจคนที่ทำงานงั้นเหรอ?”
“แสดงว่าคนคนนั้นต้องเก่งมากเลยล่ะสิ”
“คืนนี้พี่ว่างอยู่ ออกมาพูดคุยกันหน่อยไหม?” คุณเจฟกล่าว ที่จริงคุณเจฟเขาก็ตื้อผมหลายครั้งแล้วแหละ ทั้งผมทั้งจีน่าเลย
“ผมต้องถามคนคนนั้นก่อนนะครับว่าเขาไปไหม”
“พอดีผมกำลังเสนอซื้อตัวเขาเข้ามาทำงานอยู่น่ะครับ” ผมกล่าวและครั้งนี้คุณเจฟเงียบไปนานมากจนผมต้องกระแอมไปทีนึง
“พี่จะช่วยดีไหมนะ ทั้งจีน่าทั้งนิกซ์ก็ปฏิเสธพี่ตอนที่พี่อยากให้มาร่วมงานด้วย” คุณเจฟกล่าวก่อนจะหัวเราะออกมา
“แหมคุณเจฟ ตอนนี้ก็จะได้ร่วมงานกันแล้วไงครับ”
“หลังจากนี้ก็จะได้ร่วมงานกันอีกยาวเลยถ้าผมได้คนนี้เข้ามาเป็นผู้บริหาร” ผมกล่าวย้ำ
“นี่เขายังไม่ตอบตกลงนิกซ์อีกเหรอ?”
“คนนี้เป็นใครกันแน่?” และเมื่อความต้องการของผมมันไปสะดุดต่อมความคิดของคุณเจฟ ทำให้คุณเจฟเริ่มอยากรู้มากกว่าเดิม
“พี่เจฟลองคุยกับเขาดูไหมครับ เดี๋ยวผมจะให้จีน่าดูเรื่องกองทุนให้” ผมกล่าวทำให้จีน่าถึงกับส้อมหล่นจากมือทันที เพราะคุณเจฟคนนี้นอกจากเขาจะตามตื้อพวกเราแล้ว เขาก็ตามจีบจีน่าอยู่ด้วย แต่ไม่ว่ายังไงจีน่าก็บอกผมแล้วว่าไม่เอา ไม่ชอบ ถ้าทำงานด้วยน่ะได้
“โอเคเลย!” และเมื่อคุณเจฟตอบตกลงผมก็เลยยื่นโทรศัพท์ให้พี่แซม ทำให้พี่แกถึงกับมือสั่นเลยทีเดียว เพราะบริษัทของคุณเจฟเขาเป็นบริษัทด้านอสังหายักษ์ใหญ่ในไทยเลยทีเดียว มีคนงานมากกว่าพันคน มีโครงการทั่วประเทศ และก็เป็นจีน่าที่ไปดูเรื่องระบบการทำงานให้ ทำให้มีคนงานทำงานเยอะกว่าพันคนนั่นแหละ
“เอ่อ สวัสดีครับ ผมแซมจากเฮเวิร์ล” พี่แซมกล่าว ซึ่งดูเหมือนคุณเจฟเขาจะรู้จัก ทั้งสองก็พูดคุยกันอยู่สักพักจนพี่แซมยอมไปกับผม
ณ ร้านอาหารแถวลาดพร้าว
“คุณเจฟสวัสดีครับ” ผมกล่าวทักทายคนที่นั่งดื่มไวน์รอ ซึ่งไวน์นั้นก็คือไวน์ของฟินิกซ์นั่นเอง โดยร้านนี้ก็นำเข้าไวน์ฟินิกซ์มาแล้วด้วย ถือว่าตาถึงนะเนี่ย
ปรบมือๆ
“สวัสดีครับ จีน่าสวัสดีครับ” พี่เจฟกล่าวทักทาย ซึ่งคนที่มาด้วยก็มีเพียงพี่แซม โอ จีน่า และก็ผม ส่วนเพื่อนพี่แซมก็ขอตัวกลับไปก่อนแล้ว อีกสองสาวก็กลับไปก่อนเพราะต้องแยกไปดูงานเอเจนซี่ที่ผับสองแห่ง เด็กๆอินฟลูของเราไปทำงานสิบกว่าคนในวันนี้
“คุณแซมดูโหมงานหนักมากเลยนะครับ” คุณเจฟกล่าวเมื่อได้เห็นพี่แซม ส่วนพี่แซมก็ดูเกร็งๆด้วยฐานะบริษัทที่ต่างกัน แต่ผมเชื่อว่าถ้าเขาเข้ามาทำงานในฟินิกซ์ เขาจะยืดอกชูความมั่นใจได้เลย
“ผมรู้เรื่องมาคร่าวๆแล้วล่ะ”
“เด็กคนนั้นที่ดูแลโครงการอยู่ทำอะไรไม่เป็นเลยใช่ไหม มีแค่เงินแต่อยากลงทุน”
“ไร้สาระจริงๆ” คุณเจฟกล่าวก่อนที่พวกเราจะนั่งกัน ซึ่งในตอนนี้จากที่พี่แซมเมาๆอยู่แกก็สร่างเลย กระดกน้ำเปล่าหมดไปลิตรกว่าๆ
“ว่าแต่สีตาของนิกซ์สวยดีนะครับ” คุณเจฟกล่าวทำให้ผมหัวเราะแห้งๆออกมา
“คุณนิกซ์สวัสดีค่ะ” และอยู่ๆก็มีหญิงสาวกลุ่มนึงเดินมาทักทายผม และถ้าหากผมจำไม่ผิดพวกเธอคืออินฟลูในเอเจนซี่ที่ผมดูแลอยู่นั่นเอง
“สวัสดีครับ” ผมกล่าวทักทายกลับและยิ้มให้พวกเธอ
“คุณนิกซ์สะดวกมาถ่ายรูปกับพวกเราสักครู่ไหมคะ?” เธอคนนึงกล่าว ซึ่งแน่นอนว่าผมปฏิเสธไม่ได้ มันเป็นการสร้างเครือข่ายเพิ่มล่ะนะ
“นิกซ์ไปเถอะ พี่คุยให้” คุณเจฟกล่าวและยิ้มให้กับผมราวกับคิดว่าผมคงจะรวบไปกินสักคนคืนนี้แน่ๆ แต่ที่จริงแล้วผมไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลย ในหัวผมมีแต่งาน งาน แล้วก็งานที่ต้องทำให้เสร็จ
และหลังจากนั้นผมก็ได้ไปถ่ายรูปถ่ายคลิปรีวิวร้านกับพวกเธอ ซึ่งที่จริงแล้วพวกเธอมารีวิวร้านนี่เอง ตามด้วยคลิปติ๊กต๊อกไปอีกคลิปนึง ประมาณว่าพวกเธอได้เจอลูซิเฟอร์ตัวจริงแล้วประมาณนี้ เพราะหลังจากที่ผมถอดคอนแทคเลนส์ออก ผมก็มีฉายาติดตัวมาทันทีว่าลูซิเฟอร์ ด้วยนัยตาสุดร้อนแรงของผมล่ะนะ
“ขอบคุณครับ” ผมกล่าวและยิ้มให้พวกเธอ
“ขอบคุณค่ะ” พวกเธอตอบกลับผม และดูเหมือนพวกเธอจะชวนผมนั่งดื่มต่อด้วย แต่เพราะผมมีคุยงานอยู่ก็เลยยับยั้งคำชวนนั้นเอาไว้
“อ๋อ แล้วก็ไวน์ขวดนี้ผมจ่ายให้แล้ว รูปสวยมากอย่าลืมแท็กผมมาด้วยนะ” ผมกล่าวก่อนจะมอบไวน์ฟินิกซ์ที่พนักงานเพิ่งเอามาให้วางไว้บนโต๊ะ
“ขอบคุณค่ะ” สาวๆยิ้มตอบรับก่อนที่ผมจะเดินกลับไปที่โต๊ะ
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปที่ไซต์งานด้วยตัวเองครับคุณแซม ไม่ต้องห่วงครับ”
“ถ้าใครมีปัญหาก็ลงที่ผมได้เลย” คุณเจฟกล่าวก่อนจะเหลือบไปมองจีน่า ราวกับกำลังโชว์พาวเวอร์ตัวเอง ส่วนจีน่าก็ยิ้มให้และแสดงท่าทางชมว่าเก่งมาก แต่ที่จริงแล้วในใจเธอคงคิดว่าน่ารำคาญอยู่
“เป็นไงบ้างไปถ่ายรูปกับสาวๆมา” จีน่ากล่าวแซว
“สวยมาก ดูดีไปหมดเลย” ผมกล่าวด้วยรอยยิ้มทำให้สาวๆโต๊ะข้างๆเหลือบมองกันทันที