ตอนที่ 6 หน้าที่ของตัวเอง
ณ มหาลัยเทคโยโลยีD
ซึ่งหลังจากที่เมื่อคืนเราดีลงานกันเรียบร้อย วันนี้ผมก็เลยต้องฝากฝังให้จีน่าไปดูหน้างานอีกทีนึง ผมก็เลยต้องมากับอาร์แค่สองคนในการมอบวิสัยทัศน์ใหม่ๆให้กับนักศึกษา ซึ่งงานสัมนาในครั้งนี้นั้นผมจัดไว้ใหญ่มาก ถึงกับต้องใช้ห้องประชุมขนาดกลางของมหาลัยเลยทีเดียว และสาขาที่ผมเจาะจงก็คือซอฟต์แวร์และมัลติมีเดีย แล้วโดยส่วนใหญ่เด็กในมหาลัยนี้จะเป็นเด็กทุนทั้งนั้น ถึงแม้จะมีค่าเรียนที่แพงเกือบเท่าม.เอกชน แต่การเรียนการสอนของที่นี่ถือว่าอยู่ระดับต้นๆของประเทศเลยก็ว่าได้
เพราะฉะนั้นเหล่านักศึกษาที่ต้องการหาความรู้อย่างจริงจังจึงต้องกัดฟันทำคะแนนยื่นขอทุนเพื่อเรียน และจบมาทำงานชดใช้ทุนคืน แต่ในความคิดของผมคือผมสามารถชำระทุนนั้นให้ได้ถ้าพวกเขามาทำงานให้ผมไปด้วยและเรียนไปด้วย เป็นการมอบโอกาสและประสบการณ์การทำงานสุดเข้มข้นให้เลยทีเดียว
“คุณนิกซ์สวัสดีครับ”
“คุณนิกซ์สวัสดีค่ะ” เหล่าอินฟลูที่อยู่ภายใต้การดูแลของฟินิกซ์เอเจนซี่ได้เข้ามาทักทายผม ซึ่งพวกเขาก็เรียนอยู่ในสถาบันนี้ด้วยบางส่วน ถึงจะเป็นส่วนน้อยก็เถอะ และผมก็ได้ทำการทักทายกลับไประหว่างเตรียมเช็คไมโครโฟนและโปรเจคเตอร์ แต่พวกเราไม่ได้มีพ้อยนำเสนออะไรพวกนั้นหรอก ผมมาเพื่อพูดเท่านั้น
“สวัสดีอาจารย์ทุกท่านและนักศึกษาหนึ่งร้อยยี่สิบสองคนด้วยครับ” ผมกล่าวทักทาย ที่จริงผมไม่คิดว่าอาจารย์จะมาเข้าฟังด้วย และก่อนหน้านี้ก็มีอาจารย์หลายท่านพาลูกศิษย์ของตัวเองมาแนะนำให้เข้าทำงานกับบริษัทของผม ซึ่งผมก็ได้ให้อาร์รับหน้าไว้แทน และในการสัมนาครั้งนี้ไม่ได้มีแต่พวกปีสี่ที่จะไปสหกิจ แต่มีตั้งแต่ปีหนึ่งถึงปีสี่เลยทีเดียว
“เอาล่ะ ก่อนอื่นเลยผมอยากทราบเรื่องนึงครับ”
“นักศึกษาทุกคนคิดว่าความต้องการของมนุษย์เหมือนกันและเท่ากันไหมครับ?” ผมกล่าวพลางเดินออกมาจากโต๊ะคอม
“ไม่ครับ/ค่ะ” นักศึกษากล่าวตอบ ส่วนเหล่าอาจารย์กำลังนั่งมองท่าทางของผมอยู่
“คำตอบคือ ไม่ ถูกต้องใช่ไหมครับ” ผมกล่าวเมื่อพวกเขาตอบเป็นเสียงเดียวกัน
“ซึ่งในการทำธุรกิจแล้วการจะหาความต้องการให้สอดคล้องกับสินค้าของเราต้องเก็บรวบรวมข้อมูล”
“เหมือนกับที่อาจารย์สอนทำแบบสอบถามกูเกิ้ลฟอร์มนั่นใช่ไหมครับ” ผมกล่าว และทุกคนก็เห็นด้วย พร้อมกับที่อาร์เดินมาเปิดแบบสอบถามขึ้นมา และมันทำให้นักศึกษาทุกคนรู้สึกคุ้นเคยกับมันมาก จะไม่คุ้นได้ยังไงล่ะ ก็มันคือแบบสอบถามเกี่ยวกับความชอบของชาและกาแฟที่หนึ่งในอินฟลูของผมทำแบบสอบถามให้กับนักศึกษาเข้ามาตอบกัน โดยอ้างว่าเป็นงานส่งอาจารย์ แต่ที่จริงแล้วมาส่งผมนี่แหละ
“ทีนี้..พอเรารับรู้ความต้องการของผู้บริโภคเราทำยังไงต่อครับ?”
“วางแผนและทำตามความต้องการนั้นถูกต้องไหมครับ” ผมกล่าวก่อนที่จะมีพนักงานส่งของเข้ามาในห้องสัมนาพร้อมกับถุงน้ำจำนวนมาก ซึ่งมันคือน้ำชาและกาแฟจากแบรนด์หิมาลัย และแต่ละแก้วก็มีชื่อย่อของนักศึกษาแต่ละคนไว้แล้วด้วย
“แต่ก่อนที่เราจะสั่งสินค้าอย่างจริงจังเราต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกรอบครับ”
“เพราะฉะนั้นแล้วจะทำให้สินค้าของเราถูกส่งต่อให้ลูกค้าได้ตามความต้องการทุกคน”
“ถึงแม้จะอยู่นอกเหนือกลุ่มเป้าหมายก็ตาม” ผมกล่าวระหว่างที่พนักงานกำลังแจกจ่ายชาและกาแฟให้เด็กๆ ส่วนอาร์เขาก็นำกาแฟไปแจกให้อาจารย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมกับอาจารย์ของทั้งสองสาขาได้มานั่งดื่มชาทำความรู้จักกันก่อนแล้ว ทำให้ผมรู้ว่าแต่ละคนสั่งอะไรมาดื่มกัน
“เชิญทุกคนลิ้มรสความอร่อยได้ครับ” ผมกล่าวก่อนจะหันไปพยักหน้าขอบคุณพนักงานที่มาช่วยแจกจ่าย
“ส่วนชาของผมนี้ ผมดื่มมาแล้วครับ เพราะฉะนั้นผมคงต้องตั้งมันไว้ก่อน”
“และนั่นหมายความว่าตัวผมนั้นมีความต้องการที่ไม่สิ้นสุด”
“ผมต้องการอะไรที่มันดีๆอยู่ตลอดเวลา” ผมกล่าวพลางมองนักศึกษาทุกคนที่กำลังลิ้มรสชาและกาแฟที่ตัวเองชอบ ก็แน่ล่ะปกตินักศึกษาทุนเขาไม่ดื่มกินแพงๆกันหรอก แต่นี่ผมกลับสามารถเลี้ยงคนได้เป็นร้อยเลย แสดงให้เห็นว่าผมมีทุนหนามาก และพร้อมที่จะเปิดรับคนเข้ามาทำงานอย่างมั่นคงได้ตลอด มันแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของฟินิกซ์กรุ๊ป
“เพราะฉะนั้น….ตอนนี้ผมมีความต้องการอยู่ครับ”
“ผมต้องการคนมีความสามารถเข้ามาทำงานกับผม”
“และใครที่ทำให้ผมต้องการได้ ผมก็จะจ่ายให้ได้ตามคำเรียกร้องครับ”
“ถึงแม้จะแพง แต่มันก็คุ้ม” ผมกล่าวและยิ้มออกมา ซึ่งหลังจากนั้นผมก็ได้พูดถึงสิ่งที่ผมต้องการ ก็คือการสร้างระบบหลังบ้านของฟินิกซ์กรุ๊ปให้มีความมั่นคง และด้วยข้อเสนอของผมแล้วอาจารย์บางท่านก็ยังอยากจะเสนอตัวเองเข้ามาช่วยด้วยเลย
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง
“เหนื่อยหน่อยนะอาร์” ผมกล่าวเมื่ออาร์ต้องรับฟังนักศึกษามากมายที่ต้องการเข้ามาทำงานกับฟินิกซ์กรุ๊ป แถวนี่ยาวมากเลยทีเดียว แถมแต่ละคนก็ดูมีไฟมาก และไม่ยอมแพ้ที่จะเข้าหาโอกาสนี้ มันช่างน่าสนใจซะจริง และในระหว่างนั้นผมก็ได้เดินไปทักทายอาจารย์ ทั้งขอบคุณและพูดคุยกันพอสมควร และแน่นอนว่าอาจารย์ก็พาลูกศิษย์รักของตัวเองมาแนะนำแบบตัวต่อตัวโดยไม่ต้องไปต่อแถวด้วย มันเหมือนกับใช้เส้นนั่นแหละ
และระหว่างที่ผมกำลังเดินไปเข้าห้องน้ำ อีกห้องนึงก็เป็นห้องนำเสนอโปรเจคของชั้นปีสี่จากสาขาเกมและอนิเมชั่นของมหาลัยนี้ มันทำให้ผมถึงกับหยุดดูเลยทีเดียว เพราะภาพที่กำลังฉายนั้นมีความละเอียดมาก สวย งาม มีเนื้อเรื่องที่ดี ตามด้วยอาจารย์ที่เรียกนักศึกษาที่ทำโปรเจคนี้มาคุยแบบเงียบๆ ถ้าผมเดาไม่ผิดอาจารย์คงอยากจะนำเกมนี้ไปขายกับบริษัทเกมใหญ่ๆแน่นอน
แต่มันจะเสียของเอานะ…
ผมก็เลยเดินเข้าไปในห้องเงียบๆและยืนพิงอยู่หลังห้อง ซึ่งก็ไม่มีใครสนใจในตัวผมทั้งนั้นเพราะแต่ละกลุ่มกำลังดูโปรเจคของตัวเองกันอยู่
“โอเค เดี๋ยวอาจารย์จะนำโปรเจคนี้ไปส่งให้บริษัทเกมที่อาจารย์รู้จัก”
“ส่วนเรื่องลิขสิทธิ์เราค่อยมาตกลงกันนะ” อาจารย์กล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ผมเชื่อว่าเขาคงจะหักเปอร์เซ็นค่านำเสนองานไปแน่ๆ และผมเชื่อว่าบริษัทเกมคงจะกดราคาแบบสุดๆ
“จะขายเท่าไหร่เหรอครับ?” ผมยกมือและกล่าวถาม ทำให้ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผมทันที และเมื่อทุกคนได้เห็นสีนัยน์ตาของผม ทุกคนก็รู้ถึงตัวตนของผมทันที เพราะผมกำลังเป็นที่พูดถึงทั่วโลกอยู่พอดี
“เอ่อ คุณนิกซ์ใช่ไหมครับ?”
“ผมคิดว่าจะเอาไปแนะนำกับบริษัทซีโร่ครับ” อาจารย์กล่าวและทำให้นักศึกษาทั้งห้องดูตกใจกันมาก ก็แน่ละ ซีโร่เป็นบริษัทเกมชั้นนำของประเทศไทย
“ครับ แต่ผมขอถามนักศึกษาครับ”
“พวกคุณไม่ได้อยากเป็นเจ้าของเกมกันหรอกเหรอ?” ผมกล่าวถาม ทำให้ทีมที่นำเสนอโปรเจคทั้งหกคนนี้อึ้งไปเลย
“พวกเราไม่มีทุนครับ” เขาคนหนึ่งตอบกลับมาผมจึงพยักหน้าตอบรับ
“ผมมีทุน” ผมตอบกลับไปทำให้พวกเขาที่เพิ่งจะคอตกพากันเงยหน้าขึ้นมาทันที
“ถ้าพวกคุณขายให้กับบริษัท พวกเขาจะนำไปดัดแปลงทำให้คนเติมเกม”
“และมันจะกลายเป็นเกมที่ต้องเติมคล้ายกับคำที่ว่า “Pay To Win” "
“แล้วมันจะไปสนุกตรงไหนล่ะครับ” ผมกล่าวถามเพื่อดูท่าทางของพวกเขา
“พวกคุณที่เป็นนักศึกษามีเป้าหมายอะไรกันแน่ครับที่สร้างเกม”
“สร้างเพื่อขายหรือสร้างเพื่อสนุก” ผมกล่าวถามอีกครั้ง
“เพื่อความสนุกครับ” พวกเขาตอบกลับมาเป็นเสียงเดียวกันด้วยสีหน้าที่นึกถึงความฝันของตัวเอง
“แน่นอนครับ นั่นคือหน้าที่ของพวกคุณ”
“ทุกคนมีหน้าที่เป็นของตัวเองครับ”
“บริษัทจะอยู่รอดได้ก็ต่อเมื่อมีเงินเข้ามาจากผู้บริโภค”
“คนสร้างเกมสร้างเพื่อความสนุกที่ต้องการให้ผู้บริโภคเสพมัน”
“และนายทุนต่างหากที่จะเอาเกมที่คุณสร้างไปทำรายได้ต่อ” ผมกล่าวพลางเดินไปที่หน้าเวที
“คุณสร้างเกมให้สนุก ฟินิกซ์เอาเกมมาทำเงิน”
“ถ้าสนใจก็ติดต่อมาครับ” ผมกล่าวพร้อมกับมอบนามบัตรให้กับคนที่เป็นคนพูดคุยกับผมมาตั้งแต่เริ่ม ดูเหมือนเขาจะเป็นหัวหน้าทีม
“แล้วถ้าคุณได้เกมของพวกเราไป คุณจะเอาไปทำอะไรครับ?” ชายคนที่รับนามบัตรผมไปกล่าวถามผม ทำให้ผมหยุดเดินและหันกลับมามองตาเขา แต่เขาก็หลบตาผมทันที
“คุณคิดว่าทำไมตลาดเกมไทยถึงตกต่ำลงทุกวันครับ”
“แล้วทำไมเราถึงต้องเล่นเกมของต่งประเทศ”
“และทำไมบริษัทของไทยถึงต้องซื้อเกมจากต่างประเทศมาด้วยครับ?” ผมกล่าวถามกลับไป ซึ่งแน่นอนว่ามันยากที่จะตอบสำหรับนักศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยี
“ผมจะเปรียบง่ายๆนะครับ เราเป็นเสมือนเพชร ส่วนพวกเขาเป็นทองคำ”
“เพชรซื้อง่าย แต่ขายออกยากเพราะต้องดูตำหนิและการออกแบบ”
“ส่วนทองซื้อง่ายขายคล่อง ต่อให้สร้อยทองขาดเหลือครึ่งเส้นก็ยังขายได้ตามน้ำหนักอยู่ดี” ผมกล่าวโดยเลี่ยงที่จะเปรียบเทียบบริษัทเกมเป็นเพชรกับทองแทน
“เพราะฉะนั้นแล้วเป็นพวกคุณ พวกคุณจะเลือกอะไรครับ”
“เป็นผมผมจะเลือกทองนะ” ผมกล่าวจบก็เปิดประตูเดินออกจากห้องไปทันที
“เดี๋ยวก่อนครับ!”
“ช่วยขยายความเมื่อครู่นี้ได้ไหมครับ”
“ผมยังสับสนว่ามันต่างยังไงถ้าผมขายเกมให้พวกคุณ” ชายที่รับนามบัตรผมไปวิ่งออกมาจากห้องนำเสนองานและกล่าวถามผมตัวต่อตัว ส่วนทีมของเขาก็เพิ่งจะวิ่งตามมาทีหลัง
“บริษัทผลิตเกมคือบริษัทอะไรครับ” ผมถอนหายใจก่อนจะกล่าวถาม
“ก็ คือบริษัทเกมไงครับ” เขาตอบกลับด้วยความสับสน
“แล้วพวกเขาขายของเก่งไหมครับ” ผมกล่าวถามต่อและประโยคนี้ดูเหมือนจะทำให้พวกเขาเริ่มเข้าใจอะไรบ้างแล้ว
“ผมไม่ใช่บริษัทสร้างเกมครับ แต่ฟินิกซ์กรุ๊ปจะเป็นบริษัทลงทุนและการตลาด”
“สร้างเกมคือหน้าที่ของพวกคุณ”
“และการที่จะทำให้เกมมีคนเข้ามาเล่นเรื่อยๆ มีการซื้อขาย มันคือหน้าที่ของพวกผม”
“ของดี ก็ต้องอยู่กับคนที่ใช้มันเป็นครับ” ผมกล่าวทิ้งท้ายก่อนที่อาร์จะเดินออกมาจากห้องสัมนาด้วยความเหนื่อยล้า
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” อาร์กล่าวถามเมื่อเห็นว่ามีนักศึกษากำลังล้อมรอบผมอยู่
“ผมจะขายเกมนี้ให้กับพวกคุณครับ”
“ได้โปรดทำเกมนี้ให้มีคนเล่นกันทั่วเอเชียด้วยครับ” ชายคนนั้นกล่าวพร้อมกับก้มหัวขอร้องผม นี่น่าจะเป็นความฝันของเขา
“ผมบอกกตอนไหนว่าผมจะซื้อเกมของพวกคุณ”
“ผมบอกว่าผมมีทุนครับ”
“เพราะฉะนั้นเข้ามาทำงานในฟินิกซ์กรุ๊ปสิครับ”
“มาสร้างตำนานไปด้วยกัน” ผมกล่าวและทำให้พวกเขาอ้าปากค้างกันเลยทีเดียว
“ตกลงครับ!” เขาตอบรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม กลับกันผมรู้สึกว่าพวกเขาพูดคุยอะไรด้วยยากไปหน่อย แต่ความสามารถของพวกเขาก็ถือว่าเป็นของจริงล่ะนะ ลองปั้นดูหน่อยก็ดีเหมือนกัน
“อาร์ฝากด้วยนะ”
“ผมไปเข้าห้องน้ำก่อน” ผมกล่าวก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ