ตอนที่ 3 จดบริษัท
“เดี๋ยว นี่อะไร?” ผมกล่าวถามเมื่อเห็นว่ามีรถตู้สำหรับนักธุรกิจมาจอดรออยู่หน้าตึกออฟฟิศ โดยมีโอยืนเปิดประตูให้พวกเราอยู่
“มารับท่านประธานไงครับ” โอกล่าวด้วยรอยยิ้ม และทันทีที่มันปรากฏตัว พิมพลอยกับพันซ์ก็เดินไปทุบตีมันทันที
“แล้วก็ นี่คืน” โอกล่าวก่อนจะยื่นบัตรประชาชนให้กับผม ซึ่งมันก็คือบัตรของผมเองนี่แหละ
“ทุกอย่างดำเนินการเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว”
“เหลือแค่มึงไปเซ็นชื่อเปิดบริษัทเท่านั้น” โอกล่าวก่อนจะมอบเอกสารซองใหญ่ให้ผม ผมไม่ต้องเปิดดูก็รู้ว่ามันได้ตรวจสอบเอกสารทางกฏหมายเรียบร้อยหมดแล้ว เพียงแค่ผมไปเซ็นเอกสารอย่างเป็นทางการที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเท่านั้น
“อย่าบอกนะ..,ที่มึงหายไปตอนพวกกูตื่น?” ผมกล่าวก่อนจะหันไปมองทุกคน ซึ่งสีหน้าของทุกคนนั้นดูไม่ตกใจเลย เดาว่าทุกคนคงรู้กันอยู่แล้ว
ผ่านไปสามชั่วโมง
การดำเนินการทุกอย่างได้เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย ผมได้จดชื่อบริษัท Phoenix Group เป็นเครือแล้ว และภายในเครือนี้เราสามารถจดชื่อบริษัทได้อีกสิบบริษัทเลยทีเดียว และตามแผนที่เราวางมาก็ได้สร้างชื่อบริษัทพวกนั้นครบเลย
Phoenix investment
Phoenix สื่อและการบันเทิง
Phoenix ปรึกษากฏหมายและทนายความ
Brand Phoenix. แบรนด์เสื้อผ้าเครื่องประดับ
Phoenix Agency
Phoenix Express ขนส่งทุกอย่าง
The Real Phoenix เกี่ยวกับอสังหา
Phoenix Tears เกี่ยวกับน้ำ
Good Phoenix เกี่ยวกับเครื่องสำอางและการดูแลตัวเอง
Phoenix FELL GOOD
ครบสิบบริษัทพอดี ซึ่งถ้าหากถามว่าแต่ละบริษัทมีคนทำงานหรือยัง ก็คงต้องตอบว่ามีบางบริษัท ซึ่งเพื่อนผมทั้งสี่คนก็จะมีตำแหน่งเป็นผู้บริหารในบริษัทที่ตัวเองถนัด ส่วน CEO ก็คือตัวผมเองที่คอยควบคุมการทำงานของทุกๆบริษัท
“มึง แล้วนักข่าวมาทำอะไรกันเยอะแยะวะ?” พิมพลอยกล่าวเมื่อข้างหน้ากรมพัฒนาธุรกิจมีนักข่าวเต็มไปหมด
“กูเรียกมาเองแหละ ก็นะบริษัทยักษ์ใหญ่ในอนาคตไม่ต้องหลบซ่อนหรอก”
“แสดงให้ทั้งโลกเห็นไปเลยว่าเด็กอายุยี่สิบอย่างพวกเรากำลังเริ่มทำอะไรอยู่” โอกล่าว ซึ่งมันก็เคยเล่าให้ฟังอยู่ว่ามันไปเป็นทนายให้กับนักข่าวช่อง 99 ที่เป็นบริษัทข่าวใหญ่โตในประเทศ ซึ่งพวกเขาก็รอดจากคดีในครั้งนั้นไปได้ด้วยคำไกล่เกลี่ยของโอ ไม่งั้นเสียเป็นสิบล้านแน่
“โอ้โห…” ผมส่งเสียงออกมาเมื่อได้เห็นคนที่ผมเคยให้คำปรึกษา ให้ไอเดีย พวกเขามีช่อดอกไม้ช่อใหญ่ถือเตรียมไว้ให้ผมทั้งนั้น นี่ยังไม่ร่วมคอนแนคชั่นของจีน่าอีก
“มีอะไรจะพูดกับผู้ชมไหมคะ?” นักข่าวช่องเก้าเก้าเดินมากล่าวถามผม
“ผมและเพื่อนทั้งห้าคนได้สร้างฟินิกซ์กรุ๊ปขึ้นมาแล้ว”
“ฟินิกซ์มันคือตำนาน และผมก็จะใช้ชื่อมันสร้างตำนานที่ทำให้คนทั้งโลกรู้จัก”
“ขอบคุณผู้สนับสนุนทุกคนด้วยครับ” ผมกล่าวจบเหล่าเลขาของคนที่ผมเคยให้ไอเดีย หรือบางคนก็มาด้วยตัวเองเลย CEO บริษัทต่างๆได้มามอบช่อดอกไม้ให้กับผมและทำความรู้จักกับเพื่อนๆของผม ยิ่งเพื่อนๆของผมนี่แหละตัวดังทั้งนั้น ข่าวของพวกเราที่สร้างฟินิกซ์กรุ๊ปขึ้นมาจึงดังกระช่อนภายในหนึ่งชั่วโมง และแชร์ต่อกันไปทั่วประเทศ
ผ่านไปสองชั่วโมง
หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว พวกเราทั้งห้าคนก็ได้มาที่ออฟฟิศและนั่งพูดคุยกัน แต่ละคนเหงื่อออกกันเต็มไปหมด ทั้งตื่นเต้น ภูมิใจ ดีใจ หลากหลายความรู้สึกเชิงบวกได้เข้ามาทำให้พวกเขามีไฟในการทำงานเป็นอย่างมาก
“จีน่า พันซ์ เราจะเข้าซื้อโรงงานของคุณเจ๋ง” ผมกล่าว ซึ่งโรงงานของคุณเจ๋งจะทำเกี่ยวกับการผลิตเสื้อผ้า ที่จริงแล้วงานของพวกเขานั้นทำดีมาก แต่เพราะถูกแบนจากหลายบริษัทเนื่องจากพวกเขาไม่รับเงินใต้โต๊ะหรืออะไรก็แล้วแต่เกี่ยวกับเทาๆดำๆ บริษัทพวกเขาจึงไม่มีงาน แต่เราจะดึงพวกเขาเข้ามาร่วมใน Brand Phoenix.
“ตอนนี้ทุกคนถือว่าเป็นผู้บริหารในงานของตัวเองแล้ว”
“กูอยากให้พวกมึงหาลูกน้องหรือหาทีมงานได้ตามใจชอบ แต่ท้ายที่สุดทุกคนที่จะเข้ามาทำงานต้องผ่านสายตากู”
“ต่อมา เราจะยังมีเงินเหลืออีกเกือบห้าสิบล้านหลังจากซื้องานของคุณเจ๋ง”
“กูกับจีน่าได้เลือกออฟฟิศใหญ่ไว้แล้ว”
“ถึงจะมีแค่สามชั้นแต่ทุกชั้นกว้างมาก”
“และสามารถรับการทำงานได้ทุกรูปแบบ”
“ส่วนเรื่องราคาก็ตกลงกันที่สามสิบกว่าล้าน”
“ที่จริงมันแพงกว่านั้นแต่เราได้ส่วนลด 30% เพราะกูกับจีน่าได้ให้คำปรึกษากับเจ้าของที่นั่นไป”
“ทำให้เขาผ่านพ้นวิกฤติมาได้ และเขาก็จะเข้าร่วม The Real Phoenix”
“ที่เกี่ยวกับอสังหาและการสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ” ผมกล่าวพร้อมกับแอร์ดร็อปส่งแผนงานให้ทุกคนอ่าน
“เราจะเรียงลำดับความสำคัญกันเหมือนเดิม”
“เสื้อผ้า สื่อ เอเจนซี่ เราจะผลักดันสามอย่างนี่ไปให้สุดโดยเฉพาะเอเจนซี่”
“และที่สำคัญ ทุกคนจำได้ไหมว่ากูต้องการพนักงานแบบไหน?” ผมกล่าวซึ่งทุกคนก็พยักหน้า
“เราจะเอาคนฉลาดเข้ามาทำงาน คนที่สามารถคิดได้เองโดยที่เราไม่ต้องบอกว่าทำอะไร”
"ส่วนคนขยัน ถ้ามีฝีมือจริงๆก็ส่งไปที่งานเอกสารกับตัดต่อ" ผมกล่าว และแน่นอนว่าทุกคนก็หาทีมงานในงานของตัวเองเอาไว้แล้ว ผมก็เคยพบเจอกับพวกเขามาบ้างเป็นบางครั้งที่เพื่อนผมสนใจพวกเขาและพามาแนะนำกับผมเป็นการส่วนตัว ซึ่งผมก็อนุมัติ
“ส่วนเรื่องไวน์…” ผมกล่าวก่อนจะแอร์ดร็อปส่งตัวอย่างไวน์ให้ทุกคนดู ซึ่งงานนี้ผมได้ร่วมกับพี่ลีมุนโฮ ผมเลยยกตำแหน่งผู้บริหารให้เขาในบริษัทนี้ และเขาก็ดำเนินเรื่องไปเร็วมากจนตอนนี้สามารถผลิตได้แล้วด้วย โดยเป้าหมายของบริษัทเราก็คือความสะดวกสบาย เรียบ หรู ดูดี สะอาด อย่างเช่นเสื้อที่พันซ์สร้างขึ้นมา มันมีโลโก้เพียงอย่างเดียวนั่นก็คือขนนกฟินิกซ์ขนาดประมาณนิ้วกลาง และเราก็ตกลงกันแล้วว่าจะขายที่ราคาสี่พันกว่าบาท
ต่อให้ใครจะว่าแพง แต่ถ้ามันเป็นที่นิยมขึ้นมา คำว่าแพงก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะมนุษย์ยังคงตามเทรนด์กันอยู่ เพราะฉะนั้นผมจะส่งเสื้อพวกนี้ไปให้กับพวกนักธุรกิจที่ผมรู้จัก พวกเขาจะใส่มันหรือไม่ใส่ก็แล้วแต่ แต่ถึงยังไงความสัมพันธ์ของพวกเราก็คงจะมีขึ้นลงบ้างแหละ และที่สำคัญคือผมจะส่งให้กับพวกอินฟลูที่อยู่ในบริษัทเอเจนซี่ ถึงแม้จำนวนพวกเขาจะมีเกือบพันคนก็ตาม แต่มันก็คุ้มถ้าหนึ่งพันคนนั้นไปแลกกับอีกเป็นหมื่นเป็นแสนหรือเป็นล้านมา ซี่งนี่ก็คือระบบเครือข่ายที่เราตั้งใจสร้างขึ้น ผมจึงตั้งใจจะผลักดันฟินิกซ์เอเจนซี่ไปให้สุด เพราะมันจะทำให้ทุกกิจการของเรารุ่งเรืองไปด้วยนั่นเอง
ซึ่งหลังจากที่ผมสั่งงาน ผมก็ได้ออกจากออฟฟิศไปทันที เพราะผมต้องไปหาพี่ลีมุนโฮต่อ เขานัดผมไปดูไวน์ ซึ่งในส่วนค่าใช้จ่ายนี้พี่ลีมุนโฮเขารับจบด้วยตัวเอง แต่ชื่อก็ยังคงเป็นของฟินิกซ์อยู่ และผมก็ไปทดลองชิมไวน์กับพี่แกมาเกือบสองเดือนแล้วด้วย ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ดูหรูเพราะตัวเลขเป็นเลขผลิตของปีนี้ แต่รสชาติของมันถ้าเปิดใจลองชิมดูครั้งนึงแล้วลืมไม่ลงแน่ๆ นิกซ์การันตี
“พี่ลีมุนโฮ….สวัสดีครับ” ผมกล่าวทักทายพี่ลีมุนโฮที่มายืนรอผมหน้าทางเข้าร้าน ซึ่งที่จริงร้านอาหารสุดหรูนี้ก็เป็นร้านของพี่แกนี่แหละ
“สวัสดี” ลีมุนโฮกล่าวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม ซึ่งเขาก็มองไปที่สองสาวข้างหลังผมด้วย ที่จริงพวกเธอคืออินฟลูที่จะมาโปรโมทร้านให้กับพี่ลีมุนโฮ รวมถึงไวน์ที่เรากำลังจะเปิดขายด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วภายในร้านตอนนี้ก็มีแต่คนรู้จักของพี่ลีมุนโฮนี่แหละ ซึ่งทั้งสองคนนี้ผมก็ได้กำชับแล้วว่าให้แต่งชุดกี่เพ้ามา และมันทำให้พี่ลีมุนโฮถึงกับกลืนน้ำลายเลยทีเดียว ซึ่งพวกเธอคืออินฟลูระดับแถวหน้าที่ผมคัดมาเองกับมือ มียอดผู้ติดตามไอจีกว่าแปดหมื่นคน
“มาเถอะ เข้าข้างในกัน” ลีมุนโฮกล่าวหลังจากสาวๆแนะนำตัวกับแกเสร็จ
“พี่พาคนนึงมาด้วยนะ เป็นเพื่อนพี่เองเขาเป็นหนึ่งในผู้บริหารของ XOLEX” ลีมุนโฮกล่าวก่อนที่เราจะเดินมาถึงที่โต๊ะ และชายคนนั้นก็ลุกขึ้นยิ้มให้ผม
“สวัสดีครับ” ผมกล่าวทักทายเป็นภาษาเกาหลีเมื่อได้ยินว่าเขาเป็นเพื่อนของลีมุนโฮซึ่งทำให้เขาหันไปมองเพื่อนของตน
“คุณพูดภาษาเกาหลีได้ด้วยเหรอ?”
“ที่จริงแล้วผมเป็นคนจีน" เขากล่าวออกมาประโยคแรกเป็นภาษาเกาหลี และประโยคที่สองเป็นภาษาจีน
“ใช่ครับผมพูดภาษาเกาหลีได้” ผมตอบกลับเป็นภาษาจีนและยื่นมือออกไป ซึ่งเขาก็ดูพอใจผมมากจึงยื่นมือออกมาจับมือผมเช่นกัน
“ผมได้ยินจากลีมุนโฮว่าคุณสร้างเครือบริษัทขึ้นมา”
“ผมสนใจมากครับ และนี่คือของขวัญจากผม" เขากล่าวก่อนจะมอบกล่องสี่เหลี่ยมใบเล็กให้ผม ซึ่งมันก็มีชื่อแบรนด์ที่เขาเป็นผู้บริหารอยู่ด้วย XOLEX เป็นแบรนด์นาฬิกาชื่อดังติดอันดับโลก ส่วนใหญ่พวกนักธุรกิจหรือคนรวยเขาจะใส่นาฬิกานี้กันแหละ ราคามันก็อยู่ที่หลักล้านทั้งนั้นเลย ผมจึงยื่นมือออกไปรับทั้งสองมือและก้มหัวขอบคุณเขาด้วยความจริงใจ
“ที่จริงพวกเราสนใจในตัวของคุณมานานแล้วล่ะคุณนิกซ์”
“แต่เราไม่มีโอกาสได้พบเจอกันเลย”
“นาฬิกานี้เรือนนี้ผมสั่งทำเป็นพิเศษให้กับคุณนิกซ์เลยนะครับ” เขากล่าวระหว่างที่ผมกำลังดึงเชือกกล่องออก ปรากฏนาฬิกาหน้าปัดสีแดงที่มีรูปนกฟินิกซ์อยู่ข้างใน งั้นแสดงว่านาฬิกาเรือนนี้มีเพียงเรือนเดียวเท่านั้น และเรือนนั้นก็เป็นของผม แต่ถ้าให้ผมเดา ความตั้งใจของเขาคือการร่วมมือกันระหว่างฟินิกซ์และ XOLEX
“ขอบคุณมากครับ ผมคิดว่าเราคงมีอะไรต้องพูดคุยกันเยอะเลย”
“ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรเหรอครับ?” ผมกล่าวถามด้วยรอยยิ้มก่อนจะถอดนาฬิกาที่ตัวเองใส่ออกและสวมเรือนนี้แทน ที่จริงเครื่องประดับของผมก็ไม่มีอะไรเลย มีแต่นาฬิกาเรือนนี้ที่มันอยู่กับผมมาน๊านนาน
“พี่ไม่รู้ว่าพวกน้องชอบกินอะไรบ้างพี่ก็เลยสั่งเมนูระดับท็อปของร้านมาเลย”
“หวังว่าจะชอบกันนะ” ลีมุนโฮกล่าวถึงสองสาวอินฟลู ซึ่งพวกเธอก็ยิ้มรับและพูดคุยกับพี่ลีมุนโฮ ตามด้วยพนักงานที่มารินไวน์ให้ผม ซึ่งมันก็คือไวน์ของแบรนด์ฟินิกซ์นั่นเอง
“ปล่อยพวกเธอถ่ายรูปกันเถอะครับ มันคืองาน” ผมกล่าวหลังจากที่สองสาวเริ่มตั้งใจถ่ายรูปโซนต่างๆในร้านเพื่อเช็คอินและลงรูปในไอจีสวยๆ
“เรามาคุยเรื่องของเราดีกว่าครับ” ผมกล่าวซึ่งลีมุนโฮก็ดูเหมือนจะรู้ดีว่าผมอยากจะร่วมงานกับ XOLEX เขาก็เลยเป็นตัวกลางให้ และการพูดของผมแต่ละคำ แต่ละประโยคมันทำให้ผู้บริหาร XOLEX คนนี้ดูชอบใจผมมากกว่าเดิม เขาตั้งใจฟังผม ไม่ใช่การแสดง แต่ตั้งใจฟังจริงๆและเสนอไอเดียแลกเปลี่ยนความคิดกัน
และไปๆมาๆฟินิกซ์กรุ๊ปของเราก็ได้พาร์ทเนอร์เพิ่มซะแล้วในการเปิดตัววันแรก แถมยังเป็นนาฬิกาแบรนดังอีกด้วย