พื้นที่ระวังรัก ที่ 3 : ความต้องการ
(ซินเซีย)
ณ ห้องพัก เวลา 00.05 น.
“อากาศดีเป็นบ้าเลย” เสียงเล็กพึมพำเบา ๆ มือทั้งสองจับราวระเบียงห้องพัก แล้วเชิดใบหน้าขึ้นสูดกลิ่นของต้นไม้
ฉันว่าตอนนี้ต้องรีบไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวจะตื่นสายแล้วไม่ทันได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น ต้องเก็บภาพไปให้ยูราดูให้ได้ แล้วก็พวกพี่ ๆ พ่อแล้วก็แม่ด้วย เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็รีบพาตัวเองเข้ามาในห้องพัก ดึงประตูกระจกเลื่อนปิดเข้าหากันเพื่อเข้านอน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะประตูห้องพักดังขึ้น ทำเอาต้องหันไปมองนาฬิกาที่กำลังแสดงอยู่บนหัวเตียง
มาเคาะห้องพักเวลาแบบนี้คือใคร? มีเรื่องอะไร? หรือว่าพวกแขกที่ทางโรงแรมเตือนเอาไว้? จะมาก่อกวนกันหรือไง แต่ถ้าเอาแต่คิดเองอยู่คนเดียวก็ไม่มีทางรู้แน่ว่าคนที่มาเคาะนั้นเป็นใคร สองเท้าก้าวเดินไปยังทางประตูห้องพักแล้วเปิดมันออก
กริ้ก!
“มีอะไรกันเหรอคะ” แต่บุคคลที่มาเคาะห้องก็คือพนักงานของโรงแรม
“ขอโทษที่รบกวนในเวลาแบบนี้นะคะ”
“....” ฉันรู้สึกได้ว่าเสียงของพนักงานนั้นกำลังสั่น เธอกลัว? มีเรื่องลำบากใจสินะ
“ทางเรามีความจำเป็น ต้องขอให้คุณผู้หญิงเปลี่ยนโรงแรมโดยด่วนในเวลานี้ค่ะ”
“อะไรนะคะ?” ในชีวิตพึ่งเคยเจอการขอให้เปลี่ยนโรงแรมครั้งแรกเลย
“ทางโรงแรมจะขอชดใช้ให้คุณผู้หญิงห้าเท่าของราคาที่พัก และทางเราก็ได้จัดเตรียมห้องพักไว้รองรับอยู่ที่โรงแรมอีกแห่งในเมืองข้าง ๆ ขออภัยในความไม่สะดวกที่ทำให้คุณผู้หญิงต้องลำบาก แต่ตอนนี้ทางเราจำเป็นต้องใช้ห้องพักต้อนรับแขกสำคัญค่ะ” พนักงาน 2 คนพยายามอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วยืนก้มหัวในระหว่างพูดไปด้วย
แขกพิเศษคือใครอีก?
ร่างบางในชุดนอนเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นสีชมพูทั้งตัว ยืนกอดอกขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ ปกติไม่ใช่พวกขี้โวยวายหรือเอาแต่ใจตัวเอง แล้วจะอาละวาดใส่พนักงานที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินเรื่องแขกสำคัญแบบนี้หรอก แต่มันก็อดที่จะอารมณ์เสียไม่ได้
พึ่งมาถึง แล้วยังไม่ได้ปีนเขาหรือชมความสวยงามของที่นี่เลยนะ!
“มีอะไรให้ดิฉันช่วยมั้ยคะ เรื่องการเก็บของ” พนักงานพูดด้วยความสุภาพแต่ก็รับรู้ได้ถึงความกลัว เพราะน้ำเสียงที่สั่นนั่น แสดงว่าเธอคงถูกกดดันมาจากระดับผู้บริหารของโรงแรมแน่ ๆ แล้วแขกที่จะพักที่นี่ก็ล้วนแต่ไม่ธรรมดาด้วยกันทั้งนั้น
“ไม่เป็นอะไรค่ะ แต่ช่วยตอบคำถามก่อนว่าแขกพิเศษที่ว่าคือใคร?”
“แขกสำคัญของประเทศค่ะ”
ประเทศ? ราชวงศ์? รัฐมนตรี? ใครที่ใช้สิทธิ์พิเศษเชิญแขกในโรงแรมออกได้
“สมาชิกราชวงศ์เหรอคะ”
“ไม่ใช่สมาชิกราชวงศ์ค่ะ แต่ถ้าอยู่ในประเทศนี้เป็นรองเพียงราชวงศ์”
“....” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน สีหน้าเริ่มฉายชัดถึงความไม่พอใจอย่างมาก
เป็นรองเพียงราชวงศ์งั้นเหรอ....
“ตระกูลคาร์พาเธียค่ะ”
“คาร์พาเธีย?” ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ค่ะ ตอนนี้เหลือเพียงห้องนี้เพียงห้องเดียวแล้ว ยังไงดิฉันขออนุญาตช่วย...”
“ไม่ออก” ที่เหลือเพียงห้องฉันเพียงห้องเดียว เพราะทุกคนยอมเปลี่ยนโรงแรมเพียงแค่รู้ว่ากลุ่มพิเศษที่มาพักนั้นคือใคร
“คะ...” พนักงานดูตกใจกับคำพูดหนักแน่นของฉันที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เพราะในตอนแรกเหมือนจะเริ่มโอนอ่อนไปตามพวกเธอ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครทุกอย่างก็พลิกเปลี่ยนทันที
“ฉันไม่ออก ทำไมโรงแรมทำอะไรทุเรศแบบนี้ล่ะคะ ขอให้แขกออกจากห้องพัก ฉันจองมาข้ามเดือนต้องมาย้ายเพียงเพราะคนตระกูลเดียวเนี่ยนะ ฉันไม่ย้ายค่ะ” ถึงฉันจะอยู่ในกลุ่มคนที่ได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนมากมาย แต่ก็ไม่เคยเอามันมาใช้สร้างความลำบากแบบนี้ให้ใคร
แล้วหมอนั่นเป็นใคร ถึงกล้าเอามันมาสร้างความลำบากให้ฉันแบบนี้หรือรู้ว่าเป็นฉัน?
แอบตามฉันมา...ต้องใช่แน่ ๆ
“ทางโรงแรมต้องขออภัยจริง ๆ ค่ะ แต่แขกที่มาพักก็เกิดจากการจองล่วงหน้าเช่นกันและความผิดพลาดเป็นของทางโรงแรม ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ทางโรงแรมจึงขอชดใช้...”
“ไม่ ถ้าแขกคนสำคัญของคุณมีปัญหามากก็เชิญมาหาฉันหรือจะให้ไปหาก็ได้อีกเหมือนกันค่ะ” ฉันยังยืนยันคำเดิม จากนั้นก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องพักทันที
ปึง! มือเล็กดันประตูปิดใส่หน้าเหล่าพนักงาน เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมเอาซะเลย แต่มันเกินจะทนจริง ๆ
(เวย์)
ทางด้านสระว่ายน้ำของ Belmond Hotel
“แขกไม่ยินยอมที่จะย้ายโรงแรมค่ะ”
พนักงานสาวรายงานสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งการปฏิเสธจากแขกนั้นเป็นไปตามความตั้งใจของเขาอยู่แล้ว ไม่ได้อยากค้างที่นี่แต่เพราะทุกคนทำให้การปฏิเสธเป็นได้ยาก จึงทำให้เรื่องมันยุ่งยากเข้าไว้ทุกอย่างมันจะได้จบลงได้ง่าย ๆ หน่อย
“เท่านี้ก็ไม่ต้องค้างแล้วนะ” เมื่อไหร่จะปฏิเสธพวกนี้ไม่ได้สักที เขาไม่ได้มีปัญหาเรื่องสถานที่แต่แค่รู้สึกไม่ได้อยากค้างก็เท่านั้น
“งั้นมึงนอนกับเซนิต” เสียงหนึ่งดังขึ้น เซนิตก็ยังเป็นตัวเลือกเดียวที่ทุกคนพยายามยัดเยียดมาให้
“....” สายตานิ่งเรียบมองไปยังเพื่อนแต่ละคน
“แขกที่พักห้องนั้นชื่ออะไร” ไนท์ เพื่อนของเขาและในฐานะลูกชายผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของที่นี่ หันไปถามพนักงาน
“ช่างเถอะ ก็บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวกูกลับ...” เขาพยายามให้เรื่องนี้มันจบลงด้วยดี แต่ความรู้สึกเหมือนโดนหักหน้าแม้จะเอ่ยถึงตระกูลของเขาไปแล้ว ก็ทำเอาตงิดในใจอยู่เหมือนกัน
“ดาร์เลเน่ มัสชิโม่ค่ะ” แต่แล้วชื่อที่พนักงานตอบกลับมา ทำเอาทุกสายตามองไปจุดเดียวพร้อมเพรียง
“มัสชิโม่งั้นเหรอ” เสียงหนึ่งพูดย้ำนามสกุลนั้นอีกครั้ง ทุกคนรู้จักตระกูลนี้ดีและชื่อของผู้เข้าพักเขาก็รู้จักดีเช่นกัน
“เปลี่ยนใจแล้ว กูจะพักห้องนั้น” ทุกสายตามองมายังเขาอีกครั้ง เพราะจู่ ๆ ก็ดึงดันที่จะเข้าพักห้องนั้น
“แต่ว่าแขก” พนักงานดูลำบากใจไม่น้อยสำหรับเรื่องนี้
“ไล่ออกไป มีอะไรเดี๋ยวรับผิดชอบเอง”
“ค่ะ” เมื่อได้รับคำยืนยันรับผิดชอบในเรื่องที่จะเกิดขึ้น พนักงานก็รีบไปจัดการตามที่เขาต้องการทันที