EP.7 POISON LOVE พิษรัก ตอน ค้างคาใจ
EP.7 POISON LOVE พิษรัก
ตอน ค้างคาใจ
ไทม์ยังคงปั๊มหัวใจเธอต่อไปทั้งน้ำตา เขาเริ่มร้องไห้อย่างหนักมากขึ้น น้ำตาอาบแก้มสองข้าง แต่ฝ่ามือของเขาก็ยังคงปั๊มหัวใจของเธอต่อไปโดยไม่แม้แต่จะปล่อยมือจากหน้าอกซ้ายของนับหนึ่งเลยแม้สักเสี้ยววินาที
"มึงกู้ภัยมาถึงแล้ว...เดี๋ยวก็ต้องหาเฮียเจอแน่ ๆ" คลินต์พูดไปอย่างหอบเหนื่อย เขายังคงบีบนวดขาซ้ายของตัวเองที่เจ็บทรมานเพราะตะคริวขึ้นมาจนถึงด้านบน คลินต์ฝืนยิ้มและพยายามพูดปลอบใจไทม์ไป ทั้ง ๆ ที่ภายในใจคลินต์เริ่มรู้สึกแล้วว่า...พี่ชายของเพื่อนไม่น่าจะรอดแล้ว เพราะเขาจมน้ำหายไปนานมากแล้วจริง ๆ
ไทม์พยักหน้าทั้งน้ำตา เขายังคงก้มทำ CPR ให้กับภรรยาของพี่ชายตัวเองไปอย่างไม่หยุดพัก แม้ว่าตัวเขาเองก็แทบจะหมดแรงแล้ว เพราะไทม์ดำน้ำลึกและงมหาร่างของทั้งคู่อยู่นานมาก ๆ
"หายใจสิ...กลับมาก่อนได้โปรด~" เขาพร่ำบอกกับเจ้าสาวของพี่ชายอย่างเสียงสั่น ๆ
ไทม์ประสานฝ่ามือแน่นกดลงซ้ำ ๆ ที่หน้าอกของเธอเกือบ ๆ 30 รอบตามอัตราความเร็ว 100-200 ครั้งต่อนาทีได้ เขาเงยหน้ามองไปยังท้องทะเลทั้งน้ำตา เพราะถึงเขาจะเจอพี่สะใภ้แล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเจอพี่ชายตัวเองเลย
ไทม์ตัดสินใจก้มลงเป่าลมเข้าไปในปากของเธอ 2 ครั้งพร้อมกับกดหน้าอกช่วยให้เธอกลับมามีลมหายใจอีกครั้ง เขาพยายามทำอยู่ซ้ำ ๆ วนไปวนมาอยู่นานอย่างสุดกำลังที่เขาพอจะมีเหลืออยู่ ฝ่ามือที่กดลงบนหัวใจของเธอเริ่มอ่อนแรงลงช้า ๆ แต่ไทม์ก็กัดฟันสู้ใช้พละกำลังสุดท้ายที่เหลืออยู่กดฝ่ามือลงซ้ำ ๆ และเป่าลมหายใจเข้าไปในโพรงปากของเธออย่างเต็มแรง
แล้วในที่สุดเธอสำลักน้ำออกมาจนได้ และเสียงชีพจรก็เริ่มกลับมาเต้นอีกครั้งอย่างอ่อนแรง....
อย่างน้อยเธอก็ฟื้นขึ้นมาได้
"ระ..รัน...รันอยู่ไหน?" เธอลืมตาขึ้นมองหน้าของไทม์ แต่คนที่เธอเอ่ยเรียกหาคือรันเวย์
ชุดเจ้าสาวเปื้อนเลือดเต็มไปหมด.... เธอมีบาดแผลเต็มตัวและเลือดยังคงไหลออกมาไม่หยุด และเธอก็หมดสติไปอีกครั้ง ไทม์โซนเองยังไม่ทันจะตอบอะไรเธอ เขาก็หมดแรงล้มลงนอนข้างเธออย่างไม่อาจจะฝืนลุกขึ้นช่วยเธอได้อีก
"อย่า..อย่าตายนะ" เขาค่อย ๆ เอื้อมมือไปสัมผัสที่หน้าอกด้านซ้ายของเธออีกครั้ง หัวใจของคนตรงหน้ายังคงเต้นอยู่แต่ก็อ่อนแรงมาก ๆ
"คนจมน้ำทางนี้ ๆ หมอ!!" คลินต์ตะโกนเรียกรถพยาบาลทันที
"หมอ!!!" คลินต์แหกปากตะโกนลั่นอย่างเสียสติเมื่อเห็นไทม์ล้มลงไปนอนต่อหน้าต่อตาของเขา แต่เขากลับลุกไปช่วยไม่ได้
"วิ่งกันเร็ว ๆ หน่อยได้ไหม!" คลินต์โวยวายลั่นอย่างกังวลใจเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนต่างแน่นิ่งไป
"ชีพจรยังเต้นทั้งคู่ รีบพาไปโรงพยาบาลเร็ว" ทั้งหมอและพยาบาลตรวจชีพจรและรีบใส่เครื่องช่วยหายใจกับทั้งคู่ทันที ก่อนจะยกตัวทั้งเจ้าสาวและไทม์โซนขึ้นเตียงเข็นกลับไปยังรถของโรงพยาบาลทันที
คลินต์โบกมือไล่พยาบาลที่วิ่งเข้ามาดูอาการของเขาทันทีอย่างไม่ต้องการการรักษาหรือปฐมพยาบาลใด ๆ เขาต้องการให้รถพยาบาลพาสองคนนั้นไปถึงโรงพยาบาลให้ไวที่สุด
"หาไม่เจอว่ะมึง" วินด์เซอร์ขึ้นมาจากฝั่งด้วยใบหน้าที่อิดโรยไม่แพ้กัน ในขณะที่ทีมดำน้ำกู้ภัยต่าง ๆ ก็ยังคงดำหาร่างของรันเวย์ต่อไป
"มึงว่านานขนาดนี้...พี่รันยังอยู่ไหมวะ?" คลินต์พูดขึ้นอย่างใจคอไม่ดีสักเท่าไหร่ เพราะไม่มีใครสามารถกลั้นหายใจได้นานเกือบชั่วโมงได้แน่
"กูโทรตามกู้ภัยมาเพิ่มแล้ว...เราจะอยู่หาจนกว่าจะเจอ" วินด์เซอร์ตบไหล่เพื่อนรักตัวเองเบา ๆ ทั้งคลินต์และวินด์ต่างมองไปยังท้องทะเลกว้างใหญ่ที่ไกลสุดขอบสายตา
- 90 วันต่อมา -
"หยุดทำพิธีเดี๋ยวนี้ ลูกชายฉันยังไม่ตาย!" ผู้เป็นแม่กำหมัดแน่นเดินเข้าไปทำลายพิธีส่งวิญญาณตามแบบฉบับของศาสนาคริสต์
"เฌอพอเถอะ..ให้บาทหลวงท่านทำพิธีตามหลักศาสนาเถอะนะ" ผู้เป็นพ่อรีบวิ่งเข้ามากอดภรรยาเอาไว้แน่น
"ดีเลย์! แล้วในโลงศพนี้มีร่างของลูกชายฉันรึไง?" เฌอรีนตวาดลั่นก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดใจเหลือเกินกับข่าวร้ายของลูกชายคนโต
"ปล่อยวางเถอะนะ เรามาช่วยกันส่งให้เขาได้ไปอยู่ในดินแดนของพระเจ้าเถอะ" บาทหลวงพูดขึ้นอย่างใจเย็น
"ให้ลูกชายของเราไปอยู่กับพระเจ้าเถอะนะ...เรามาร่วมอำลาเขาเป็นครั้งสุดท้ายด้วยกันเถอะ" ท่านพูดต่อและมองไปยังโลงศพสีดำสนิทที่มีเพียงแค่เสื้อผ้าชุดโปรดของรันเวย์ แต่ไม่มีร่างจริง ๆ ภายในนั้น
"ไม่..ไม่ฉันไม่ลาถ้าไม่เจอศพของรันฉันก็ไม่เชื่อว่าลูกฉันตายแล้วจริง ๆ" ผู้เป็นแม่ส่ายหน้าอย่างรับไม่ได้
"พ่อทำพิธีต่อให้เสร็จเถอะ เดี๋ยวไทม์ดูแลแม่เองนะ" ไทม์โซนเดินเข้ามาประคองแม่ของเขาเดินออกไปจากสุสานที่เป็นสุสานเก่าแก่ของวงศ์ตระกูลทางฝั่งพ่อ
ทั้งสองคนเดินกลับมาที่ลานจอดรถ ไทม์เปิดประตูให้แม่ของเขาขึ้นไปนั่งรอในรถ ก่อนที่ร่างสูงจะทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้าแม่ตัวเองพร้อมกับพนมมือเอาไว้แนบอก
"ทำอะไรลูก ไทม์~" เฌอรีนตกใจเล็กน้อย
"ผมขอโทษนะแม่...ขอโทษที่คืนนั้นผมช่วยพี่รันไม่ได้" ไทม์ก้มลงกราบแทบเท้าของแม่ตัวเองและร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาจกลั้น
"ผมมันแย่เอง ถ้าผมจัดการผู้หญิงคนนั้นซะ เรื่องมันคงไม่บานปลาย" ไทม์คิดแค้นใจถึงเรื่องของพิต้า เขาไม่น่าปล่อยเธอกลับไปเลยในคืนนั้น แต่ไม่มีใครคิดว่าพิต้าจะมาทำลายงานแต่งได้สำเร็จแบบง่าย ๆ
ทั้ง ๆ ที่ความลับเรื่องนี้ถูกปิดมาได้จนถึงวันงานแต่งแล้วจริง ๆ
"ไม่เอาน่าไทม์...ไม่ทำแบบนี้สิลูก" เฌอรีนรีบดึงลูกชายขึ้นมาจากพื้นสกปรก ๆ ทันที
"ไทม์เองสลบไปตั้งสองวัน...แม่รู้ว่าไทม์ทำเต็มที่แล้ว" เธอรีบดึงลูกชายคนเล็กเข้ามากอดเอาไว้แน่น
"มันไม่ใช่ความผิดของไทม์เลยนะลูก" เธอร้องไห้ไปก็กอดลูกชายตัวเองไป
"จริง ๆ แม่ก็แอบคิดว่ามันคงเป็นกรรมที่เจ้ารันทำเอาไว้นั่นแหละ" เธอพูดอย่างน้อมรับถึงสิ่งที่รันเวย์ก่อเรื่องเอาไว้ เพราะหลังจากที่ตามหารันเวย์ไม่เจอ ยัยพิต้าก็อุ้มท้องเข้ามาร้องทุกข์ถึงในบ้าน
ทำให้ผู้เป็นแม่และพ่อจำต้องรับดูแลเธอไปก่อนจนกว่าจะคลอดแล้วจึงจับตรวจ DNA ดูอีกทีว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของรันเวย์จริง ๆ หรือเปล่า แต่เธอยื่นคำขาดกับพิต้าไปว่าจะรับเลี้ยงแค่หลานคนเดียวเท่านั้น ไม่เอาแม่
"แม่ยังรับไม่ได้อยู่ดี ถ้าวันนี้รันจะจากพวกเราไปแล้วจริง ๆ" เธอส่ายหน้าและร้องไห้อย่างตรอมใจเหลือเกินกับข่าวร้ายของลูกชาย
ไทม์ทำได้แค่เช็ดน้ำตาให้กับแม่ตัวเอง ทั้ง ๆ ที่หน้าของเขาเองก็เต็มไปด้วยน้ำตาเช่นกัน
เขารีบลุกขึ้นมานั่งกอดและปลอบแม่เพราะรู้ดีว่าเธอยังรับกับการสูญเสียครั้งใหญ่ไม่ได้จริง ๆ
แต่ที่ผ่านมาไทม์ไม่ได้นิ่งนอนใจเลย เขาได้ร่วมกับทีมกู้ภัย และนักประดาน้ำตามหาร่างของพี่ชายตัวเองมาตลอดสามเดือน
ทุ่มทั้งแรงกายและเงินมหาศาลแต่ก็ไม่พบร่างของพี่ชายเลยจริง ๆ จนสุดท้ายทีมนักประดาน้ำก็บอกให้เขากับครอบครัวเริ่มทำใจ ท้องทะเลกว้างใหญ่ไพศาล น้ำลึกคลื่นแรง ร่างของรันเวย์อาจจะถูกซัดออกไปถึงเขตทะเลลึก ซึ่งอาจจะกลายเป็นอาหารของสัตว์ทะเล หรือจมลงลึกมากจนทีมค้นหาไม่เจอร่าง
แต่ถ้าเขายังอยู่จริง ๆ คงเจอตัวไปนานแล้ว หลังจากผ่านมาได้นานถึงสามเดือน ทีมกู้ภัยและนักประดาน้ำก็ขอถอนทุกทีมออกจากเขตท่าเรือ เพราะการค้นหาในแต่ละวันรบกวนเรือลำอื่น ๆ ที่สัญจรไปหมด และทุกฝ่ายก็จำต้องหยุดการค้นหาแล้วจริง ๆ เพราะมันไม่มีหวังหรือแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียวเลยที่รันเวย์จะยังมีชีวิตอยู่
"พระเจ้าไม่ได้ใจร้ายกับแค่รันเวย์นะ...แต่ใจร้ายกับแม่ด้วย" เธอซบลงที่อกของลูกชายคนเล็กและร้องไห้จนตัวสั่น
"แม่เคยเสียลูกคนแรกไปแล้ว...ทำไมต้องมาเสียรันเวย์ไปอีกคนด้วย" เธอลูบที่หัวใจของตัวเองอย่างทรมานเหลือเกินกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะในอดีตเธอเคยแท้งลูกคนแรกไปและมันยังคงเป็นตราบาปฝังใจเธอมาตลอด แต่คราวนี้ดันต้องมาเสียลูกชายที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโต แน่นอนว่าต้องผูกพันกันมากกว่าเด็กในครรภ์แค่ไม่กี่เดือน จะไม่ให้เธอใจสลายกว่าครั้งก่อนได้ยังไงกัน
ไทม์ขึ้นมานั่งปลอบแม่ของเขาอยู่พักใหญ่ ๆ จนแม่ของเขาเริ่มสงบลงได้บ้าง
แม้ว่าเธอจะหยุดร้องไห้แล้วแต่ยังคงกอดลูกชายเอาไว้แน่น กอดไทม์ก็เหมือนได้กอดรัน
พวกเขามีใบหน้าและรูปร่างที่เหมือนกันอยู่ไม่น้อยเลย....
พอได้มองหน้าไทม์โซนดี ๆ ก็อดคิดถึงรันเวย์ไม่ได้จริง ๆ
อื้อ... อื้ออ... อื้อ~ (เสียงโทรศัพท์ของไทม์โซนดังขึ้น)
- โรงพยาบาล -
เธอรีบซับน้ำตาของตัวเองด้วยผ้าเช็ดหน้า ก่อนจะพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
"รับโทรศัพท์ก่อนเถอะลูก" เฌอรีนพูดกับลูกชายด้วยน้ำเสียงสะอื้น ๆ เบา ๆ
(ไทม์คุยโทรศัพท์)
"ฮัลโหล ไทม์โซนพูดครับ" เขาพูดขึ้นทันทีที่รับสายโทรศัพท์
(ทางโรงพยาบาลจะโทรมาเรียนให้ทราบ เมื่อเช้านี้ร่างกายของคุณนับหนึ่งเริ่มมีการตอบสนองแล้วนะคะ) ทันทีที่เสียงปลายสายเอ่ยขึ้นแบบนั้น ไทม์ก็หันกลับไปมองหน้าของแม่เขาทันที