EP.6 POISON LOVE พิษรัก ตอน ลมหายใจ
EP.6 POISON LOVE พิษรัก
ตอน ลมหายใจ
"ปกติเธอก็ไม่ค่อยได้ขับรถอยู่แล้ว" ไทม์เม้มปากอย่างกังวลไม่ต่างกัน
"เอ้ย ๆ ๆ ระวัง!" คลินต์อุทานขึ้นอย่างเกร็งแทนสองคันด้านหน้าที่เฉี่ยว ๆ กันไปมา ยังโชคดีที่บนถนนไม่ค่อยมีรถคันอื่นมากเท่าไหร่ และพอคันที่ผ่านมาเห็นการขับส่ายไปส่ายมาของสองคันนี้ เขาก็เลี่ยง ๆ ขับแซงไปไม่ก็ขับให้ช้าลงเพราะกลัวอุบัติเหตุ
"มึงต้องบอกพี่มึงว่าอย่างขับจี้แบบนั้น ถ้าพี่ผู้หญิงตกใจจะเกิดอุบัติเหตุเอา" วินด์เซอร์ที่ดูสถานการณ์อยู่ก็หันไปบอกกับไทม์
แต่จริง ๆ แล้วไทม์พยายามกดโทรหารันเวย์มาตลอดทางแต่ว่าสายไม่ว่างเลย แต่เขาก็ยังคงกดโทรออกอยู่เรื่อย ๆ
"กูว่าโทรศัพท์ไม่ได้อยู่ที่รันว่ะ" ไทม์ตอบอย่างเหนื่อยใจ เขากังวลใจในความปลอดภัยของทั้งคู่มาก ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
รถมุ่งหน้าตรงสู่พัทยา โดยที่ทุกคนยังไม่สามารถทำอะไรได้เลย คลินต์ที่เมา ๆ อยู่ก็สร่างเมาขึ้นมาในทันทีหลังจากสถานการณ์ตรงหน้าเริ่มตึงเครียดมากขึ้น
"กูว่าขับไปปาดเพื่อหยุดรถก่อนดีไหม?" คลินต์ก็พยายามช่วยคิดหาทางหยุดรถของเธอ ที่ขับสะบัดไปสะบัดมาอยู่พักใหญ่แล้ว
"มึง แต่เขาผู้หญิงนะ..ถ้าชนกระแทกแรง ๆ จะไม่เป็นไรเหรอวะ?" วินด์เซอร์เองก็ลังเลที่จะใช้วิธีของคลินต์ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเก่งในเรื่องขับรถ แต่การปะทะกันตรง ๆ มันก็คืออุบัติเหตุ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้เลยจริง ๆ ถ้าชนแรงเกินไปก็อันตรายกับทั้งเธอและทั้งพวกเขาด้วย
"งั้นก็..สวดมนต์" คลินต์ถอนหายใจอย่างคิดไม่ออกแล้วจริง ๆ ว่าจะช่วยยังไงต่อดี
"ขับไปปาดหน้าเลยแล้วเอาฝั่งกูชน" ไทม์โซนกำหมัดแน่นก่อนจะหันไปบอกกับวินด์เซอร์ด้วยท่าทางที่แน่วแน่
"กูเชื่อฝีมือมึงและก็รถมึงแพงจะตาย กูคงไม่ตายหรอกมั้ง" ไทม์หันไปบอกกับวินด์เซอร์อย่างมั่นใจฝีมือการขับรถของวินด์เซอร์มาก ๆ
"แล้วถ้าเธอตกใจหักหลบเราล่ะ... ก็ขับลงทะเลนะเว้ย?" วินด์เซอร์ชี้ไปที่จุดบอดของถนนที่อีกสองคนไม่ทันได้คิด
มันคือถนนที่ติดกับทะเล และมีแค่รั้วเหล็กเตี้ย ๆ กั้นขอบถนนเพียงเท่านั้น
ทั้งสามคนค่อย ๆ กวาดสายตาไปรอบ ๆ ก่อนจะเห็นป้ายคำว่า PATTAYA CITY สีแดงเด่นอยู่ไกล ๆ ในที่มืด ๆ แต่แค่ภายในแค่เสี้ยววินาทีสั้น ๆ ที่ทุกคนมองป้ายนั้นเอง...
ปี๊น ๆ ๆ ๆ ๆๆ
"เชี่ยวินด์เบรกรถ!" เสียงของไทม์โซนตะโกนดังลั่นและ...
โครมมมมม!!!! เสียงดังสนั่นมาจากรถคันด้านหน้าของเขา ซึ่ง...
"เชี่ย!!!" วินด์เซอร์ร้องดังลั่นก่อนที่เขาจะเหยียบเบรกอย่างกะทันหันเพื่อไม่ให้พุ่งชนท้ายรถของนับหนึ่งที่ขับพุ่งชนขอบสะพานอย่างแรงด้วยความเร็วที่เกือบจะมิดไมล์ ทำให้แรงชนมันแรงมากจนเสียงดังสนั่น
เอี๊ยดดดด~~~ วินด์เซอร์เหยียบเบรกแบบสุดกำลัง ทั้งเบรกมือและเบรกเท้า และพยายามเลี้ยงพวงมาลัยให้ขับเลยไปจากบริเวณนั้น
ซึ่งเขาก็ประคองรถขับผ่านมาได้แบบเฉียดฉิว
เอี๊ยด! หลังจากที่รถจอดสนิทที่ข้างทาง ทั้งสามคนรีบลงจากรถในทันที และในขณะที่กำลังวิ่งกลับไปเพื่อช่วยเธอ รถของนับหนึ่งก็พุ่งตกลงไปในทะเลแล้ว เพราะรั้วเหล็กมันหักและไม่สามารถที่จะรั้งน้ำหนักของรถเอาไว้ได้อีก
"หนึ่ง!!!" รันเวย์ที่ยืนอยู่ตรงที่เกิดเหตุก็เหมือนคนที่สติแตก หลังจากที่รถของเธอตกลงไปในทะเล เขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะกระโดดตามลงไป...
"ไอ้รันอย่า ...อย่า!!" ไทม์โซนวิ่งไปเพื่อจะห้ามแต่พี่ชายของเขาก็กระโดดตามลงไปแล้ว
"รัน!!!" ขณะที่ไทม์ตะโกนลั่นและกำลังจะกระโดดตามหลังไป
หมับ! หมับ! แขนทั้งสองข้างของไทม์ก็ถูกเพื่อนทั้งสองคนกระชากเอาไว้ทันที
"มึงอย่าโดดนะ!" คลินต์ขึ้นเสียงดังลั่น
"แต่รันมันโดดลงไปแล้ว....กูต้องช่วยมัน" ไทม์พยายามจะสะบัดแขนของเพื่อนออก
"มึงไปโดดลงตรงท่าเรือดีกว่า ถ้ามึงเจ็บตัวอีกคนใครจะช่วยสองคนนั้นวะ" วินด์เซอร์พูดต่ออย่างให้เหตุและผล
"มึงมานี่เลย!" คลินต์กระชากตัวของไทม์กลับไปยังรถทันทีอย่างรีบเร่ง พวกเขาขับรถไปเทียบท่าในระยะเวลาอันสั้น ก่อนที่ไทม์กับคลินต์จะลงไปตามหาทั้งสองคนหลังจากที่รถจอดยังไม่สนิทด้วยซ้ำไป
ทางด้านวินด์เซอร์ก็รีบโทรหาโรงพยาบาล ทีมกู้ภัยและตำรวจต่อในทันทีหลังเกิดเหตุร้าย วินด์เซอร์ยังต้องคอยช่วยมองหาทั้งสองคนจากด้านบนอีกด้วยว่าจมไปในทิศทางไหน
ในท้องทะเลที่กว้างใหญ่ -
ทะเลในยามมืดมิดไม่ง่ายเลยที่จะมองเห็นกันง่าย ๆ และพวกเขาก็หาใครไม่เจอเลยจริง ๆ เพราะนอกจากทะเลจะกว้างแล้วก็ไม่รู้เลยว่าคลื่นจะซัดสองคนนั้นไปได้ไกลแค่ไหน
"เราต้องว่ายไปที่ ๆ รถจมลงก่อน" ไทม์พูดขึ้นก่อนจะเริ่มว่ายน้ำต่ออย่างบ้าคลั่ง เพื่อตรงไปยังจุดเกิดเหตุที่ไม่ไกลมากนัก
"โอเค มึงนำเลย" คลินต์เอ่ยตอบไปเพราะไทม์มีไฟฉายพกพาในรถของวินด์เซอร์ติดมาด้วย
เขาจึงให้ไทม์เป็นคนว่ายนำไปแทน...
"กูโดนยิงเพราะไอ้ฟาร์มาแล้วจะโดนฉลามกัดเพราะไอ้ไทม์ไหมเนี่ย" คลินต์พยายามพูดขำ ๆ เพื่อคลายเครียดให้กับตัวเองไปพลาง ๆ ก่อนที่เขาจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และดำน้ำลงไปอย่างจริงจัง คลินต์ว่ายตามหลังไทม์ไปติด ๆ
น้ำทะเลที่เย็นและมืดสนิท มันยากมาก ๆ ที่จะมองเห็นอะไรข้างใต้ พวกเขาต้องว่ายน้ำไป โผล่ขึ้นมาหายใจ และมองระยะทางไปด้วย และเพียงไม่นานพวกเขาก็ว่ายกันมาถึงซากรถที่ตกลงมา แต่มันยังจมลงไปได้ไม่ลึกสักเท่าไหร่
ทั้งคลินต์และไทม์ดำดิ่งลงไปตามซากรถพร้อม ๆ กัน แต่สุดท้ายเขาก็ไม่เจอร่างของใครเลยในรถคันที่จมลงมานั้น...
ฟุ่บ!!
"กูไม่เจอใครเลย" คลินต์โผล่ขึ้นมาหายใจอย่างหอบเหนื่อย ลงจากลงไปได้เกือบ ๆ นาทีเขาสำรวจดูรอบ ๆ รถแล้วไม่พบใครเลยจริง ๆ
"เชี่ยไทม์... ไทม์...มึงอยู่ไหนวะ?" คลินต์เริ่มตะโกนดังลั่นเพราะเขาขึ้นมาหายใจสักพักแล้วแต่เพื่อนตัวเองกลับหายไปนานมาก ๆ
"มึงทำกูกลัวแล้วนะเว้ย..ไอ้ไทม์" คลินต์ตะโกนออกไปสุดเสียง และก่อนที่เขาจะพยายามหายใจเข้าปอดเยอะ และสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เพื่อดำดิ่งลงไปในทะเลอีกครั้งเพื่อตามหาทุกคนที่หายไป... แต่...
ฟู่มมมม~~
"เฮืออก ๆ ๆ เฮ่ออๆ ๆ" ไทม์ก็โผล่ขึ้นมาหายใจพร้อมกับร่างที่ไร้สติของสาวหน้าซีด ๆ
ที่ยังคงอยู่ในชุดเจ้าสาวที่ฟูฟ่อง...
"กูเจอนับหนึ่งแค่คนเดียว..." เขาหายใจอย่างหอบเหนื่อย หลังจากที่ไทม์ดำลงไปเกือบ ๆ นาทีกว่า ๆ ได้ ซึ่งหน้าเขาแดงก่ำและอ่อนล้าเต็มที
"มึงขึ้นฝั่งไปก่อนเลย...เดี๋ยวกูหาพี่รันต่อเอง" คลินต์บอกกับไทม์ไปเพียงเท่านั้น ก่อนจะรีบดำลงไปตามหาพี่ชายของเพื่อนต่อทันที เพราะไทม์คงดำลงไปต่ออีกไม่ไหวแล้วจริง ๆ
คลินต์พยายามตามหารันเวย์ใต้ท้องทะเลที่มืดมิด แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ
คลินต์กัดฟันแน่น เขาเริ่มเป็นตะคริวที่ปลายนิ้วเท้าด้านซ้าย ทำให้ต้องรีบใช้มือว่ายพาตัวเองขึ้นเหนือผิวน้ำทันที
"ไอ้คลินต์ขึ้นมาก่อน กูหาต่อเอง ๆ" วินด์เซอร์ที่กระโจนลงมาอีกคนก็รีบว่ายตรงเข้ามาหาคลินต์ในทันที
"เชี่ยวินด์ กูเป็นตะคริว" คลินต์ตอบไปอย่างหอบเหนื่อยและตะคริวเริ่มลามไปทั้งขาจนขยับไม่ได้เลย
"งั้นขึ้นฝั่งก่อน เดี๋ยวกูว่ายมาตามหาพี่รันอีกที" วินด์เซอร์ว่ายเข้ามาช่วยลากคลินต์ขึ้นฝั่งทันทีเพราะถ้าปล่อยว่ายไปเองก็คงไม่รอดแน่
หลังจากส่งคลินต์ขึ้นฝั่ง วินด์เซอร์ก็ลงไปหารันเวย์ต่ออีกรอบ ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับทีมกู้ภัยมาถึงพอดี จึงมีคนลงไปช่วยเยอะมากขึ้น
คลินต์นอนงอตัวอย่างทรมานอยู่ที่พื้นถนน เนื่องจากน้ำทะเลที่เย็นยะเยือกและการว่ายน้ำต่อเนื่องเป็นเวลานานเกินไป ทำให้ตะคริวขึ้นและลามไปทั่วทั้งขาข้างซ้าย เขาจึงลุกไปช่วยใครไม่ได้เลย ทำได้แค่คลานไปหาไทม์อย่างช้า ๆ
"อ่าส์" คลินต์จับขาตัวเองแน่นอย่างเจ็บจนพูดไม่ออก เขาอยากจะเข้าไปปลอบเพื่อนมากที่สุดแต่ก็คลานไปต่อไม่ไหว
คลินต์จึงทำได้แค่นอนมองดูไทม์โซนที่ยังคงทำ CPR ให้ภรรยาของพี่ชายไม่ยอมหยุด
ไทม์เงยหน้าขึ้นมองไปที่ทะเลที่มืดมิดและร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
เวลาผ่านมาเนิ่นนานก็ยังไม่มีใครหารันเวย์เจอเลย และผู้หญิงตรงหน้าที่เขากำลังพยายามช่วยชีวิต เธอก็เหมือนว่าจะหยุดหายใจไปแล้ว