EP.8 POISON LOVE พิษรัก ตอน เจ้าหญิงนิทรา
EP.8 POISON LOVE พิษรัก
ตอน เจ้าหญิงนิทรา
"คุณกำลังบอกว่า... คนไข้ที่ชื่อนับหนึ่งฟื้นแล้วงั้นเหรอ?" เขาถามอีกครั้งอย่างเสียงสั่น ๆ
(ตอนนี้ร่างกายของเธอตอบสนองมากขึ้นค่ะ ทางโรงพยาบาลคาดว่าจะมีข่าวดีในเร็ว ๆ นี้ค่ะ จึงรีบโทรมาแจ้งกับญาติของผู้ป่วยก่อน) พยาบาลที่ดูแลนับหนึ่งพูดขึ้นด้วยท่าทีดีใจ
"อื้ม ได้... งั้นเดี๋ยวผมจะรีบไป" ไทม์พยักหน้าเบา ๆ พร้อมกับเอ่ยตอบปลายสายไปเพียงเท่านั้น ก่อนจะกดตัดสายไป
(จบบทสนทนาทางโทรศัพท์)
"เกิดอะไรขึ้นเหรอลูก...หนูหนึ่งเป็นอะไรหรือเปล่า?" เธอพูดถึงลูกสะใภ้คนโปรดด้วยแววตาที่เป็นห่วงเป็นใย
"พยาบาลบอกผมว่า ร่างกายของพี่นับตอบสนองมากขึ้นและเธออาจจะฟื้นในเร็ว ๆ นี้ครับแม่" ไทม์โซนหันไปอธิบายให้แม่ของเขาฟังพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย
"นับว่าเป็นข่าวดีที่สุดในหลาย ๆ เดือนนี้เลยเนาะ" ผู้เป็นแม่ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาหลังจากที่ได้รู้ ไทม์โอบกอดแม่ของเขาอย่างปลอบใจอีกครั้ง
ตั้งแต่วันที่นับหนึ่งจมน้ำและหยุดหายใจไปพักใหญ่ แม้ว่าไทม์จะพยายามช่วยชีวิตเธออย่างสุดความสามารถของเขาแล้ว แต่สุดท้าย เธอก็กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา และนอนแน่นิ่งอยู่นานเกือบ 3 เดือนเต็ม
การที่เธอยังมีลมหายใจอยู่ได้ถึงวันนี้ เหตุผลหนึ่งก็เพราะทางบ้านของรันเวย์พยายามทำทุกอย่างเพื่อยื้อชีวิตของเธอเอาไว้ เพราะทุกคนยังหวังว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นกับพวกเขาทั้งคู่ ทั้งยังหวังว่ารันเวย์จะยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนตั้งใจจะดูแลนับหนึ่งเป็นอย่างดี จนกว่าวันที่รันเวย์จะกลับมาและจัดงานแต่งให้พวกเขาอีกครั้ง
"แม่ดีใจจังเลย ดีใจจนพูดอะไรไม่ออกเลย ไทม์ช่วยพาแม่ไปเยี่ยมหนูหนึ่งทีสิ" เฌอรีนดีใจจนร้องไห้อีกครั้งในอ้อมอกของลูกชายคนเล็กของเธอ
"ครับแม่ เดี๋ยวผมขอโทรบอกพ่อก่อนนะ" ไทม์รับปากกับแม่พร้อมกับโทรไปบอกพ่อของเขา หลังจากนั้นจึงขับรถมุ่งหน้าตรงไปยังโรงพยาบาลทันที
@โรงพยาบาล
หญิงสาวที่เคยสดใส รูปร่างอวบอิ่ม หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มในวันนั้น กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราที่ซูบผอม ผิวขาวจนซีด และยังคงมีรอยแผลเป็นจาง ๆ จากอุบัติเหตุครั้งนั้นที่ยังคงฝากเอาไว้บนเรือนร่าง ราวกับต้องการย้ำเตือนให้จำได้ ว่าเธอได้ผ่านความเป็นความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง
ในระหว่างที่ไทม์คุยกับหมออยู่อีกมุมภายในห้อง คุณแม่ของเขาก็วิ่งตรงเข้าไปกอดไปช่วยบีบนวดร่างกายให้กับหญิงสาวที่ยังคงหลับสนิทอยู่ในท่าเดิมแบบเดิมมานานเกือบสามเดือน
"หนูนับหนึ่ง...หนูรีบฟื้นมาได้แล้วนะลูก" แม่ของรันเวย์ลูบหัวของเธอเบา ๆ
"รันเวย์เขาคงเป็นห่วงหนูมากเลยนะ... รีบหายเร็ว ๆ นะ" เธอพูดเสียงสั่น ๆ
"ถึงแม้ว่าวันนี้รันเวย์จะหายไป...แต่ในเมื่อครอบครัวของเรารับหนูเข้ามาเป็นสะใภ้แล้ว"
"พวกเราทุกคนจะไม่ทอดทิ้งหนูอย่างแน่นอนนะลูก" เฌอรีนบีบฝ่ามือที่เย็นเฉียบของเธอทั้งน้ำตาคลอ
"รีบฟื้นขึ้นมาแล้วมาช่วยกันตามหารันเวย์กันนะ" เธอพูดไปก็ร้องไห้ไป
"แม่ร้องไห้เยอะไปแล้วนะครับ..ตาบวมหมดแล้วดูสิ" ไทม์เดินเข้ามาหาแม่ของเขาพร้อมกับเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าให้อย่างอ่อนโยน
"หมอบอกว่าเธอน่าจะฟื้นขึ้นมาเร็ว ๆ นี้ หยุดร้องไห้เถอะครับ" เขาโอบแม่ตัวเองอย่างให้กำลังใจ
"หยุดร้องก็ได้จ้ะ เดี๋ยวหนึ่งตื่นมาแล้วจะตกใจเอาเนาะ" เธอพยายามพูดให้หัวเราะ แม้ว่าจะหัวเราะแทบไม่ออกเลยก็ตาม
เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น คือคุณพ่อดีเลย์ที่รีบเดินทางตามมาสมทบด้วยที่โรงพยาบาลอีกคน
"เป็นยังไงกันบ้าง?" พ่อของไทม์เดินเข้ามาในห้องก่อนจะตรงมากอดภรรยาสุดรักของเขาเอาไว้แน่น
"แม่ร้องไห้ไม่หยุดเลยพ่อ ทั้งเรื่องรัน เรื่องนับ" ไทม์เห็นว่าพ่อมาถึงก็ส่งแม่ให้พ่อดูแลทันที
เพราะเขารู้ดีว่าเวลาที่แม่อ่อนแอ เธอต้องการใครมากที่สุด
"พอได้แล้วนะเฌอ เดี๋ยวก็ปวดหัวจนต้องเข้าโรงพยาบาลอีกคนจะทำยังไง" ดีเลย์ลูบหัวของภรรยาก่อนจะเอียงใบหน้าของเธอซบที่ไหล่ของเขาช้า ๆ
"ฉันก็แค่สงสัยว่าฉันไปทำเวรทำกรรมอะไรมากันแน่ ทำไมชีวิตฉันเกิดมาเพียบพร้อมมีเงินมีทองมากมาย"
"แต่ทำไมฉันต้องสูญคนรัก ความสุข อยู่เสมอเลย" เฌอรีนพูดกับสามีของเธอและกอดเขาเอาไว้แน่น
"ต่อให้มีเงินเป็นพันล้านหมื่นล้าน ฉันก็ซื้อความสุขตัวเองกลับมาไม่ได้" เธอปล่อยโฮในอ้อมแขนของสามีสุดที่รักต่อหน้าลูก เธอพยายามยิ้มพยายามเข้มแข็ง แต่ในอ้อมแขนของสามีสุดที่รัก เฌอรีนไม่อาจจะฝืนได้อีกต่อไป
"ไม่เอาน่า...ฟ้าหลังฝนมักจะสดใสเสมอนะ" ผู้เป็นสามีทั้งกอดทั้งหอมภรรยาอย่างสงสารเธอจับใจ
"เธอมีฉันอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราสองคนจะจับมือและผ่านมันไปด้วยกันที่รัก" ดีเลย์พรมจูบและกอดเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อให้กำลังใจกันและกัน ในวันที่อ่อนแอ
...
......
"เดี๋ยวพ่อพาแม่กลับบ้านไปพักก่อนดีกว่า" พ่อเงยหน้าขึ้นบอกกับไทม์ที่ยืนอยู่ไม่ไกล
"ก็ดีครับพ่อ" ไทม์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
"ไปเถอะ...ทางนี้ผมจัดการเอง" ไทม์เดินเข้าไปกอดทั้งสองคนอย่างปลอบขวัญ ตอนนี้ในครอบครัวของเขาก็เหลือแค่พ่อแม่ และไทม์เท่านั้นจริง ๆ เพราะถ้ารันเวย์ยังมีชีวิตอยู่จริงก็คงหาเจอไปนานแล้ว
หลังจากที่ไทม์เดินไปส่งพ่อกับแม่ของเขาถึงรถตู้เรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินกลับเข้าไปในโรงพยาบาลอีกครั้งและไม่ลืมที่จะแวะซื้อดอกไม้จากร้านประจำ
@ร้านดอกไม้
"อ้าวพ่อรูปหล่อ วันนี้จะมาเหมาดอกกุหลาบสีขาวป้าอีกแล้วใช่ไหม" แม่ค้าขายดอกไม้จำไทม์โซนได้เป็นอย่างดี เพราะคือลูกค้าประจำมาตลอดสามเดือนที่ผ่านมา
"ครับ" ไทม์เดินมาซื้อดอกกุหลาบเจ้าประจำด้านล่างโรงพยาบาล
"ได้เลยจ้ะ เดี๋ยวป้าตัดแต่งให้สุดฝีมือเลยนะ" เธอพูดพร้อมกับเลือกดอกกุหลาบสีขาวนวลสวยมาตัดแต่งเป็นช่อ ๆ อย่างตั้งอกตั้งใจ
"จะว่าไป...ป้าก็ขอถามหน่อยเถอะ แฟนพ่อหนุ่มป่วยอะไรเหรอทำไมยังไม่ออกจากโรงพยาบาลอีกล่ะ?" เธอตัดแต่งกุหลาบไปก็ไถ่ถามไปด้วย เพราะเห็นไทม์โซนแวะมาซื้อดอกกุหลาบเธอบ่อย และคิดว่าคงซื้อไปให้คนพิเศษแน่ ๆ
"อ๋อ ไม่ใช่แฟนผมหรอกครับ เธอเป็นภรรยาของพี่ชาย" ไทม์รับช่อดอกไม้อย่างยิ้ม ๆ พร้อมกับจ่ายเงินให้คนขายไป
"ผมก็แค่ทำหน้าที่แทนพี่ชายเท่านั้นเอง" ไทม์พูดออกไปอย่างแผ่วเบาและอมยิ้มตอบกลับไปตามมารยาท
"ยังไงป้าก็ขอให้เธอหายไว ๆ นะ" แม่ค้าตอบกลับอย่างจริงใจ
"ขอบคุณครับป้า" เขาพยักหน้ารับก่อนจะเดินกลับไปยังห้องของนับหนึ่ง
- ห้องพัก VIP -
ภายในห้องเต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีขาวที่ยังหอม สดชื่น และเบ่งบานสะพรั่ง เพราะไทม์จะซื้อมาเปลี่ยนใหม่ให้อยู่เสมอ เขาจัดแจกันเอง เปิดม่านรับแสงสว่าง ไม่ให้ห้องดูมืดครึ้มมากจนเกินไป
ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นอีกครั้ง
พอไทม์เดินไปเปิดก็พบว่า คนที่มาเยี่ยมไม่ใช่ใครอื่นเลย
"อาไทม์ขา~" เสียงหวาน ๆ ของวิรินดังขึ้นก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาหาไทม์โซนทันทีอย่างดีใจที่ได้เจอ
"พอดีกูพาไอรีนมาตรวจครรภ์น่ะ คิดแล้วว่าต้องได้เจอมึงที่นี่" วินด์เซอร์ประคองเมียรักของเขาเดินเข้ามาในห้อง ซึ่งไทม์ก็อุ้มวิรินเดินตามเข้ามาด้วยติด ๆ
"ไอร์บ่นว่าเมื่อย ๆ กูเลยถือโอกาสพามานั่งพักและก็นั่งคุยกับมึงด้วยเลย" วินด์เซอร์พูดไปก็คอยประคองเมียรักนั่งลงกับโซฟาอย่างทะนุถนอม
"แล้วไอร์เป็นไงบ้าง?" ไทม์หันไปทักเมียเพื่อนอย่างเป็นกันเอง
"คนนี้แพ้ท้องหนักมากเลยไทม์ อยากกินแต่ของหวานจนฉันอ้วนขึ้นมาหลายโลแล้วเนี่ย" ไอรีนก็บ่น ๆ ถึงน้ำหนักตัวของเธอไป
"อ้วนมากเลย" ไอรีนบ่นขึ้นอย่างหงุดหงิดใจ
"แต่คุณพ่อบอกว่า คุณแม่อ้วนยังไงก็สวยค่ะ" วิรินรีบพูดแทรกขึ้นมาทันทีตามประสาเด็ก
"พ่อเราก็ชอบพูดเอาใจแบบนี้ทุกทีแหละ" ไอรีนหันไปมองค้อนใส่สามีของเธอ แต่ก็ยิ้มออกมาอย่างเขิน ๆ
"ไม่จริง ๆ คุณพ่อไม่ชอบโกหก" เด็กน้อยพูดออกมาเป็นคำ ๆ ต่อกันอย่างฉะฉานและน่ารัก
"เมื่อกี้บอกว่าปวดเท้าไม่ใช่เหรอ มาเดี๋ยวฉันนวดให้ก่อน" วินด์เซอร์พับแขนเสื้อตัวเองขึ้นก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นและนวดให้ภรรยาของเขาอย่างไม่เขินอายใด ๆ แม้จะอยู่ต่อหน้าเพื่อนก็ตาม
"อาไทม์ ๆ นี่คือเจ้าหญิงนิทราใช่ไหม?" วิรินชี้ไปที่นับหนึ่งที่ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงนั้น
"ใช่จ้ะลูก" ไทม์พยักหน้ารับและอุ้มพาวิรินเข้าไปหานับหนึ่งใกล้ ๆ
"พ่อบอกว่าเจ้าหญิงนิทราจะฟื้นเมื่อเจ้าชายจุมพิต" เด็กน้อยพูดออกมาใสซื่อตามนิทานก่อนนอนที่เธอได้ฟัง
"วินด์!!!!" เสียงเข้มของไอรีนดังขึ้นทันที