วางยา
ระหว่างทางที่มาโรงพยาบาล กานต์พิชชาค้นตัวคนไร้สติจนเจอสมาร์ตโฟน มือเล็กรีบล้วงมันออกจากกระเป๋ากางเกงของเขาอย่างทุลักทุเล โดยที่ยังคงประคองร่างใหญ่พิงไว้ที่หัวไหล่ตัวเอง ก่อนยกปลายนิ้วขึ้นมาสแกนปลดล็อกหน้าจอ จากนั้นเลื่อนไล่ดูประวัติการโทรเพื่อติดต่อหาญาติหรือคนรู้จัก ไล่หารายชื่อที่คิดว่าน่าจะปลอดภัยสำหรับเจ้าของเครื่องนี้ ในที่สุดก็เจอ
-พี่ชาย-
“ว่าไงเพื่อน โทรมาดึกๆ ดื่นๆ ต้องการอะไร” ปลายสายเอ่ยทักทายทันทีที่กดรับสาย
“สวัสดีค่ะ คุณเป็นพี่ชายของเจ้าของเบอร์นี้หรือเปล่าคะ”
“เปล่าครับผมเป็นเพื่อน แล้วคุณเป็นใครถึงมาใช้โทรศัพท์เพื่อนผมได้” ภาคภูมิเพื่อนสนิทที่นักรบนับถือเหมือนพี่ชายคนหนึ่งถามด้วยความประหลาดใจ
“คุณอย่าเพิ่งถามเลยค่ะ ตอนนี้เจ้าของเครื่องหมดสติไป แต่ฉันเช็กแล้วว่าเขายังมีลมหายใจอยู่”
-ยังมีลมหายใจอยู่- ภาคภูมิทวนคำตามอย่างไม่เข้าใจ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ตงิดใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
“น้องพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง” ฟังจากน้ำเสียงหญิงสาวที่คุยด้วย อายุน่าจะยังไม่มากเพราะเสียงยังเด็กอยู่เลย
“คือฟ้าเจอพี่เขาระหว่างทางกลับบ้านค่ะ ก่อนหมดสติเขาเข้ามาขอความช่วยเหลือ บอกว่าตัวเองถูกวางยาตอนนี้กำลังพาไปส่งที่โรงพยาบาล”
“หา!! ถูกวางยา ใครเป็นคนวางยา แล้วยาอะไร”
“เรื่องนั้นฟ้าไม่รู้หรอกค่ะ ยังไม่ทันได้ถามอะไรเขาก็หมดสติไปก่อน พี่รีบมาหาเขาเถอะ”
“ได้ๆ แล้วตอนนี้พวกน้องอยู่ที่ไหนกัน”
“ใกล้ถึงโรงพยาบาลแล้วค่ะ อยู่แถวพระรามสองพี่ทักไลน์เครื่องนี้มานะคะ เดี๋ยวจะแชร์โลเคชันไปให้ แล้วไปเจอกันที่โรงพยาบาลเลย”
“ได้ครับๆ รบกวนน้อง...”
“ฟ้าใสค่ะ”
“ครับพี่ชื่อภาคภูมินะครับ รบกวนน้องฟ้าใสรอเจอพี่ก่อนนะ” เสียงทุ้มบอกน้ำเสียงขอร้อง กันไม่ให้หญิงสาวกลับก่อน เพื่อจะได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“ได้ค่ะ ฟ้าจะรอเจอพี่ก่อน ถ้าหาไม่เจอยังไงพี่ก็โทรมาเบอร์นี้นะคะ”
“ครับ”
สามสิบนาทีต่อมานักรบถูกส่งตัวถึงมือหมออย่างปลอดภัย หลังทั้งสองมาถึงโรงพยาบาลได้ไม่นาน มีกลุ่มชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่กำยำ ในชุดสูทสีดำเข้มสี่คนเดินกรูเข้ามาตรงจุดที่เธอยืนอยู่ ท่าทางของพวกเขาดูน่าเกรงขามผสมน่ากลัว ดูเหมือนพวกบอดี้การ์ดของนักการเมืองหรือดาราอย่างไรอย่างนั้น
ด้านภาคภูมิหลังวางสายจากกานต์พิชชาก็รีบยกหูโทรหาผู้ช่วยของเพื่อนรักเพื่อแจ้งข่าว และนัดหมายให้มาเจอกันที่นี่ทันที
-อะไรอีกล่ะเนี่ย จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก ทำไมคนพวกนี้ถึงมองมาทางเธอแปลกๆ- กานต์พิชชาคิดขณะที่สายตาลอบมองกลุ่มชายตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ
หญิงสาวพยายามเดินหนีหลบไปอีกทาง แต่ก็ยังถูกชายกลุ่มเดิมเดินตามมา ภายในใจตอนนี้หวาดกลัวไปหมดคิดว่าตัวเองกำลังถูกคุกคาม หรือไม่ก็เป็นพวกนั้นที่เจอริมทาง ตามมาจับผู้ชายคนที่ช่วยไว้
“คุณ...” ทันทีที่ชายหนุ่มเอ่ยปากจะพูดกานต์พิชชาก็รีบสวนกลับทันควัน
“พวกคุณตามฉันทำไมคะ ถอยออกไปให้ไกลๆเลยนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องให้คนช่วยจริงๆด้วย” บอกน้ำเสียงสั่นอย่างกล้าๆกลัวๆ เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของหญิงสาวตรงหน้าชายหนุ่มรีบอธิบายทันที
“ขอโทษที่ทำให้กลัวครับ ใช่คุณฟ้าใสหรือเปล่าครับ” เขตแดนหนึ่งในบอดี้การ์ดถามขึ้นอย่างสุภาพ
“ใช่ค่ะ คุณรู้จักชื่อของฉันได้ยังไง”
“ผมชื่อเขตแดนเป็นเลขาของคุณนักรบครับ” เขตแดนแนะนำตัว เห็นสีหน้าสาวน้อยตรงหน้าก็เข้าใจในทันทีว่าเธอคงยังไม่รู้จักเจ้านายของเขา จึงอธิบายต่อ
“ผู้ชายที่คุณเพิ่งช่วยเอาไว้ครับ”
“อ่อ..ค่ะ” กานต์พิชชาพยักหน้าเข้าใจอย่างแบ่งรับแบ่งสู้
“ผมตาม GPS ที่มือถือท่านมา”
เขตแดนชี้ไปยังสมาร์ตโฟนของเจ้านายหนุ่มที่อยู่ในมือของหญิงสาว กานต์พิชชามองตามก่อนรีบยื่นคืนให้
“อ่อค่ะ นี่ค่ะฉันคืนให้”
“ขอบคุณมากนะครับ ที่ช่วยเจ้านายผมเอาไว้” เขตแดนกล่าวขอบคุณอีกครั้ง ถึงทุกคำที่ชายหนุ่มพูดจะสุภาพแต่ก็ยังดูน่ากลัวในสายตาของหญิงสาวอยู่ดี
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่บังเอิญเจอเข้าพอดีเลยช่วยไว้ค่ะ แต่ว่าตอนที่ฟ้าพาเจ้านายของพวกคุณขึ้นรถมา มีผู้ชายหลายคนวิ่งมาตรงแถวที่พวกเรายืนอยู่ก่อนหน้า ฟ้าก็ไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวกับคนที่วางยาพี่เขามั้ยนะคะ”
“คนพวกนั้นเห็นพวกคุณหรือเปล่าครับ”
“ไม่น่าจะเห็นนะคะ พวกเราขึ้นรถมาแล้ว”
หญิงสาวบอกเขตแดนถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะมีชายหนุ่มอีกคนเดินแทรกผ่านกลุ่มบอดี้การ์ดที่เหลือเข้ามา พร้อมกับที่ทุกคนก้มหน้าลงเล็กน้อยอย่างสุภาพเป็นการทักทาย
-ใครอีกละเนี่ย นี่เธอกำลังเอาตัวเองมาพัวพันกับพวกมาเฟียอยู่รึเปล่า- กานต์พิชชาคิด