บทที่ 3 ถูกวางยา
หญิงสาวนั่งทำธุระส่วนตัวอยู่ในห้องน้ำครู่ใหญ่ ก็รู้สึกร้อนๆ ครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างบอกไม่ถูก เหงื่อเม็ดเย็นผุดขึ้นตามไรผม หัวใจดูเต้นแรงขึ้นอย่างไร้สาเหตุ สิ่งแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับร่างกายทำสมองที่ยังคงมีสติรับรู้เริ่มตื่นตระหนก
เธอถูกวางยา!
ริมฝีปากแดงระเรื่อขบเม้มเข้าหากันรุนแรง ข่มอาการปั่นป่วนที่พวยพุ่งแผ่ซ่านไปตามร่างกาย ร่างน้อยสั่นระริก นิ้วทั้งสิบจิกเข้าที่ต้นแขนจนเป็นรอยเล็บหวังสะกดแรงปรารถนาที่เพิ่มสูง
เธอเดินโซซัดโซเซออกจากห้องสุขาตรงไปล้างหน้าล้างตาบริเวณอ่างล้างมือ ใช้ความเย็นจัดของน้ำช่วยบรรเทาอาการร้อนรุ่มตามร่างกาย แต่ก็เหมือนจะไม่ดีขึ้น อกซ้ายบีบรัดหนักหน่วงขึ้นทุกวินาที เธอต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
มีหญิงสาวหลายคนยืนต่อแถวรอคิวเข้าห้องน้ำอยู่ ทิชาไม่รอช้ารีบตรงเข้าไปขอความช่วยเหลือ อย่างน้อยหากมีคนเดินออกไปเป็นเพื่อนก็น่าจะปลอดภัยกว่า
"พี่คะๆ ช่วยหนูด้วยค่ะ เหมือนหนูถูกวางยา พี่ออกไปส่งหนูหน้าร้านได้ไหม"
ทิชาน้ำตาคลอเบ้าด้วยความทรมานภายในร่างกาย ตรงเข้าไปหาหญิงสาวสองคนที่มาด้วยกัน ทั้งคู่มีสีหน้าแตกตื่น มองกลับมาอย่างหวาดระแวง
"แน่ใจเหรอน้อง หรือแค่เมาเปล่า"
"ไม่ค่ะ มันร้อนๆ"
"ผับคนเยอะแบบนี้ กินเหล้าเข้าไปก็ต้องร้อนเป็นธรรมดา น้องเดินไปบอกการ์ดให้ช่วยดีกว่า"
ไม่รู้ว่าเพราะความไร้น้ำใจหรือว่าอีกฝ่ายก็กลัวถูกหลอกเช่นกันจึงปฏิเสธออกมาแบบนั้น สุดท้ายทิชาก็ไม่มีทางเลือกอื่น เธออยากออกไปจากที่นี่เต็มแก่ จึงรวบรวมสติที่ยังพอมีรีบพุ่งออกจากห้องน้ำ
กลุ่มชายหื่นเฝ้ามองเหยื่อสาวเดินโซซัดโซเซผ่านโต๊ะพวกเขาไป ดวงตาคนทั้งโต๊ะเป็นประกายราวกับสัตว์ร้าย ก่อนที่จะมีชายสามคนลุกตามหญิงสาวออกไปห่างๆ แต่ก็ไม่ยอมคลาดสายตาจากแผ่นหลังบางแม้แต่วินาทีเดียว
ทิชาเบียดแทรกกลุ่มผู้คนออกมาด้วยหัวใจเต้นระทึก หางตาชำเลืองมองไปด้านหลังเป็นระยะ อกซ้ายก็ยิ่งสั่นระรัวเมื่อพบเล่าชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นเดินตามหลังมา
เรียวขาเล็กก้าวยาวๆ เกือบจะกลายเป็นวิ่ง ในที่สุดก็พ้นออกจากประตูร้าน หัวใจเธอบีบรัดถี่รัว กวาดสายตาหาแท็กซี่เพื่อจะได้ออกไปจากที่นี่
แม้หน้าผับจะมีการ์ดร่างใหญ่และผู้คนอยู่บ้าง แต่ก็ดูเงียบเชียบเพราะผู้คนส่วนใหญ่ยังคงสนุกอยู่ด้านใน เธอเดินก้มหน้าข่มแรงปรารถนาที่เพิ่มมากขึ้นทุกที พยายามเดินให้เร็วที่สุด ขณะที่ใกล้จะถึงถนน เรียวแขนบางก็ถูกกระชากจากทางด้านหลัง
หมับ!
"จะรีบไปไหนครับคนสวย พวกพี่อุตส่าห์เดินตามออกมา ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอ" ชายคนหนึ่งในกลุ่มแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ แลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเองอย่างหื่นกระหาย
"ขอร้องละพี่ ปล่อยหนูเถอะ หนูจะกลับบ้านแล้ว" ทิชาตาแดงก่ำด้วยหยาดน้ำตาแห่งความตื่นกลัวสุดขีด พลางใช้มือข้างที่ว่างยกไหว้พนมปลกๆ หวังขอความเมตตา
"ไปกับพวกพี่ดีกว่าน้อง รับรองน้องจะมีความสุขที่สุดในชีวิตเลย"
ชายร่างสูงอีกคนเดินเข้ามาล้อมเธอไว้ ร่างเล็กยิ่งแตกตื่นสุดขีด สะบัดข้อมือสุดแรงจนสามารถหลุดออกจากการจับกุมได้ แต่ในขณะที่คิดจะวิ่งหนีชายคนที่สามก็เข้ามารวบเอวเธอเอาไว้ก่อน
"อย่าขัดขืนน่า น้องต้องการเดี๋ยวพวกพี่ช่วยเอง"
"ปล่อยฉัน! กรี๊ดดดด ช่วยด้วย อุบ"
หญิงสาวดิ้นพล่านหวีดร้องสุดเสียง แต่ก็ถูกมือหนาหยาบกระด้างตะปบเข้าที่ริมฝีปากเอาไว้ อุดเสียงให้เงียบ น้ำตาร้อนไหลพรากราวกับเขื่อนแตก รับรู้ถึงชะตากรรมเลวร้ายที่กำลังมาเยือน พยายามขัดขืนสุดแรงแต่ก็ไม่อาจสู้แรงผู้ชายวัยฉกรรจ์ทั้งสามได้
"เฮ้ย ลากไปที่รถ คนเริ่มมองแล้ว" หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นทำให้ทิชาถูกลากถูลู่ถูกังไปตามทางที่เริ่มเปลี่ยวขึ้น
เธอสะบัดหน้า ดิ้นกายจนหอบเหนื่อย ฤทธิ์ยาร้ายเริ่มทำงานรุนแรงขึ้นจนร่างกายร้อนผ่าวไปหมด แต่สติสุดท้ายก็ยังทำให้เธอยังคงกัดฟันทนสู้ต่อ
ลานจอดรถหลังผับค่อนข้างมืด พื้นเป็นหินกรวดมีไฟเพียงไม่กี่ดวงส่องให้ความสว่างเท่านั้น อกซ้ายบีบรัดอย่างหนัก หวาดกลัวสุดชีวิต รู้ดีว่าหากเธอก้าวขึ้นรถไปกับพวกเลวนี่ ชะตาชีวิตคงไม่พ้นตกนรกทั้งเป็นแน่
เธอใช้จังหวะที่ชายคนหนึ่งล้วงมือเข้าไปควานหารีโมตปลดล็อกรถ กระทืบเท้าของหนุ่มที่ล็อกแขนเธอเอาไว้เต็มแรง
"โอ๊ย! อีนี่หนิ!" เขาสบถลั่น ด้วยความไม่ตั้งตัวทำให้เผลอคลายมือออกเล็กน้อย ทิชาจึงใช้ขายันไปด้านหลังอีกทีจนชายคนดังกล่าวเสียหลัก แล้วกระชากข้อมือให้หลุดจากการจับกุม
"เฮ้ย! แม่งจะหนีไปแล้ว"
ชายที่อยู่ใกล้เธออีกคนพยายามพุ่งตัวเข้ามาหา แต่นาทีนี้ทิชาก็วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ใจสั่นสะท้านรุนแรงเมื่อชีวิตกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย นาทีนี้เธอต้องรอดออกไปเท่านั้น
สองก้าวสับเร็วที่สุดในชีวิต พร้อมเสียงตะโกนโหวกเหวกและเสียงฝีเท้าวิ่งตามหลังมาในระยะกระชั้นขึ้นเรื่อยๆ
ปื้นนนน
เสียงแตรของรถยนต์คันหนึ่งกำลังเลี้ยวเข้ามายังลานจอดสวนกับทางที่หญิงสาวกำลังจะวิ่งออกไป เธอยืนช็อกชะงักค้างก่อนจะล้มลงไปกองบนพื้นกรวดหลังจากเบรกตัวกะทันหัน แสงไฟสาดตรงเข้ามายังร่าง ทิชาหลับตาปี๋ตามสัญชาตญาณ ไม่คิดว่าไม่ตายจากการถูกข่มขืนจะมาตายเพราะถูกรถชนแทน
เอี๊ยดดดด
เสียงล้อบดครูดไปกับพื้นลาดกรวดส่งเสียงแหลมบาดหูแทรกลึกเข้าสู่จิตใจหญิงสาวที่เผชิญหน้ากับความตาย แล้วทุกอย่างก็เงียบลง
ดวงตากลมเอ่อรื้นด้วยคราบน้ำตาจนแดงก่ำ ลืมตาขึ้นก็พบกระโปรงรถสปอร์ตหรูอยู่ห่างจากใบหน้าเธอเพียงแค่คืบ หัวใจเต้นถี่รัวแทบหลุดออกมานอกอก ก้มสำรวจตามร่างกายตนเอง โล่งอกว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ดี แต่ก็ทำได้เพียงไม่นาน เมื่อชายที่วิ่งตามเธอมาพุ่งเข้ามากระชากต้นแขนฉุดให้เธอยืนขึ้นจนใบหน้าสวยเหยเกด้วยความเจ็บปวด
"มานี่เลยยัยตัวดี ฤทธิ์มากนะมึง!"
"ปล่อย! ปล่อยฉัน ช่วยด้วย" เธอหวีดร้องราวกับคนเสียสติ พลางทุบมือไปที่กระโปรงหน้าของรถคันที่เกือบชนเธอ
ประตูข้างคนขับถูกเปิดออกพร้อมร่างสูงกำยำก้าวลงมา เขามีสีหน้าหงุดหงิดฉุนเฉียวอย่างเห็นได้ชัด
"อยากตายหรือไงยัยบ้า! ถึงวิ่งทะเล่อทะล่าออกมาไม่กลัวรถแบบนี้" หนุ่มคนขับสบถออกมา ก่อนจะกวาดสายตามองความผิดปกติของหญิงสาวและชายอีกคนที่ฉุดกระชากกันไปมา
"ขอร้องได้โปรด คนพวกนี้จะฉุดฉัน!"
"หุบปาก! มึงจะไปไหนก็ไป อย่ามายุ่งเรื่องผัวเมีย" ชายคนร้ายหันไปชี้หน้าอีกฝ่ายเป็นการข่มขู่ รับสมอ้างเป็นสามีเธอเสร็จสรรพ
"ไม่ใช่นะ! อย่าไปเชื่อ! ช่วยฉันที" ทิชาน้ำตาไหลพราก ส่ายหน้าเอาเป็นเอาตาย ร้องอ้อนวอนขอความเมตตา
หนุ่มร่างสูงยืนอยู่ที่เดิมเพื่อประมวลภาพเบื้องหน้า เพราะดูจากมุมไหน คำกล่าวอ้างของชายคนนั้นก็ดูไม่น่าเชื่อถือแม้แต่น้อย ก่อนจะตัดสินใจปิดประตูรถแล้วเดินตรงเข้ามาหาคนทั้งคู่
"ปล่อยเธอ! ผู้หญิงเขาไม่เต็มใจก็อย่าใช้กำลัง"
"อย่าเสือกเรื่องชาวบ้านไอ้เหี้ย! อยากเจ็บตัวอีกคนหรือไง"
"กูพูดดีๆ แล้วนะ"
"แล้วมึงจะทำไมกู"
ผัวะ!
สิ้นคำท้าทายหมัดหนักๆ ของชายหนุ่มก็พุ่งตรงใส่ชายที่จับตัวเธอเอาไว้จนเซถอยหลัง หูวิ้งไปชั่วขณะ ทิชาใช้โอกาสนั้นรีบผลักตัวคนร้ายออกห่างแล้ววิ่งหนีไปหลบข้างรถของพลเมืองดี
กลุ่มเพื่อนของโอรีบวิ่งเข้ามาช่วยเพื่อนที่ดูจะเสียเปรียบ ทำให้ไม่นานเจ้าของรถหรูก็ถูกล้อมด้วยชายฉกรรจ์อีกสองคน
"คนดีนักเหรอมึง กูจะกระทืบให้เละเลย"
ไม่รอช้าชายทั้งสี่คนก็เริ่มตะลุมบอนกัน ทิชานั่งตัวสั่นหลับตาปี๋ด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้ฤทธิ์ยาผสานกับความหวาดกลัวทำแข้งขาเธอหมดเรี่ยวแรง ได้แต่ภาวนาให้พลเมืองดีรอดมาได้ เพราะตอนนี้เธอไม่สามารถวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือได้จริงๆ
ชายหนุ่มสามารถหลบมัดสะเปะสะปะของกลุ่มวัยรุ่นได้สบายๆ และจัดการสวนหมัดหนักๆ เป็นการตอบแทน ชายอีกคนทำทางจะพุ่งเข้ามาช่วย เขาก็จัดการถีบจนกระเด็นล้มไปอีกทาง
ตอนที่หนุ่มพลเมืองดีกำลังให้ความสนใจกับชายคนแรก เพื่อนของมันอีกคนก็เข้ามารวบข้อมือทั้งสองข้างเขาไว้จากทางด้านหลัง เพื่อให้เพื่อนเข้ามาช่วยรุม แต่เขาก็สามารถเอี้ยวตัวหลบแล้วยกขาเตะคนด้านหน้าจนล้ม ก่อนจะหันไปจัดการบิดหักข้อมือคนด้านหลังด้วยทักษะศิลปะการต่อสู้ที่ฝึกฝนมายาวนาน ตบท้ายด้วยการต่อยเข้าไปที่ลิ้นปี่หนุ่มกลัดมันเต็มแรงจนมันหน้าเบี้ยว จุกจนพูดไม่ออก
ใช้เวลาเพียงไม่นานชายโชคร้ายทั้งสามคนก็ลงไปนอนโอดครวญกันอยู่บนพื้น โอยังพอเหลือเรี่ยวแรงอยู่บ้างพยายามหยัดกายขึ้นจากพื้น ตอนนี้จำนวนที่มากกว่าไม่อาจเทียบฝีมือคนตรงหน้าได้เลย จึงล้วงมีดออกมาจากกระเป๋าหลังเป็นตัวช่วย
เขาแสยะยิ้มน่าเกลียดอย่างรู้สึกเหนือกว่า ดวงตาวาวโรจน์แดงก่ำด้วยความแค้น หยัดตัวขึ้นจากพื้นด้วยท่าทางทุลักทุเล กระชับอาวุธสีเงินเงาวับในมือแน่น แต่ชายแปลกหน้าก็ยังคงนิ่ง ไม่มีสีหน้าหวาดกลัวแต่อย่างใด
"เก่งนักใช่ไหมมึง โดนแทงตายสักทีเถอะ จะได้จำไว้ว่าอย่ามาสอดเรื่องชาวบ้าน!"
แกร๊ก!
โอที่กำลังจะเตรียมวิ่งเข้าหาชะงักค้างหน้าซีด เมื่อหนุ่มหล่อคว้าปืนออกมาจากด้านหลังและขึ้นไกด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ปลายกระบอกจ่อตรงมายังหัวของหัวหน้ากลุ่มที่ยืนอยู่ห่างเพียงไม่กี่ฟุต ต่อให้คนไม่แม่นปืน ระยะเพียงแค่นี้ยังไงก็ต้องยิงโดนร่างกายเขาแน่
"มึงแทง กูยิง...จะเอายังไง" เสียงของเขาไม่ได้เหี้ยมโหดแต่กลับทำให้คนฟังรู้สึกหนาวสันหลังจนขนลุกซู่
มือไม้โออ่อนกะทันหันจนมีดในมือร่วงไปกองแทบเท้า ร่างกายสั่นเทิ้มเป็นฝ่ายหวาดกลัวขึ้นมาแทน ใบหน้าไร้สีเลือด กลายเป็นฝ่ายยกมือขึ้นไหว้ขอชีวิตอีกฝ่ายด้วยเสียงสั่นเครือ
"ยอมแล้วครับพี่ อย่ายิงผม"
"ไป!"
"ครับๆ ไปแล้วครับ"
หนุ่มหัวหน้ากลุ่มวิ่งไปเขย่าเพื่อนทั้งสองที่พยายามหยัดกายขึ้นมาให้รีบหนี ก่อนจะเปิดแน่บเป็นคนแรก ตรงกลับไปยังรถของตัวเอง พอคนหัวโจกวิ่งหนีเอาตัวรอดแล้ว คนอื่นก็ไม่รอช้ากุมบาดแผลออกวิ่งไปยังทิศทางเดียวกัน ไม่นานรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ในลานจอดก็สตาร์ตเครื่องยนต์แล้วพุ่งทะยานสวนออกไป
ร่างสูงปัดเสื้อเชิ้ตที่เปรอะฝุ่นออกอย่างเบื่อหน่าย แผนที่ตั้งใจจะแวะมาสนุกสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนเหมือนจะล่มซะแล้ว พร้อมพ่นลมหายใจยาว เดินอ้อมรถไปสำรวจหญิงสาวโชคร้ายที่นั่งตัวสั่นอยู่ข้างรถ
เธอก้มหน้างุด กอดร่างกายตัวเองไว้แน่น ดูสภาพเธอตอนนี้คงเสียขวัญน่าดูกับเหตุการณ์ร้ายที่เพิ่งเผชิญมา
"คุณ...คุณ โอเคไหม"
ร่างเล็กไม่ยอมตอบคำถามแต่เลือกที่จะส่ายหัวไปมา จนเขาได้ยินเสียงของฟันกระทบกันราวกับเธอกำลังหนาวเหน็บ ร่างกายสั่นไม่หยุด ผิวกายก็ดูเห่อแดงกว่าปกติ
"ลุกก่อนคุณ พวกนั้นไปหมดแล้ว ไม่ต้องกลัว"
"ฮึก...ช่วยฉันด้วย มันร้อนไปหมดเลย" เสียงหวานสั่นเครือด้วยความทรมาน แต่ก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมอง เอาแต่จิกเล็บลงบนผิวกายแดงก่ำจนชายหนุ่มขมวดคิ้ว เอื้อมมือเข้าไปสัมผัสแขนเธอเบาๆ แต่หญิงสาวกลับสะดุ้งเฮือกผวาด้วยความตกใจ
"ใจเย็น ผมไม่ได้อะไร บ้านคุณอยู่ไหน ขึ้นมารถบนก่อน"
"ร่างกายมันแปลกๆ ร้อนเหมือนอยู่กลางกองไฟเลย ฮืออออ ช่วยฉันที"
สติสตังของเธอเริ่มเลื่อนลอย เอาแต่พูดพร่ำวนไปวนมา ทำให้เขารับรู้ได้ไม่ยากว่าเธอคงโดนยาปลุกเซ็กซ์มา หากไม่รีบพาส่งโรงพยาบาลก็มีเพียงหนทางเดียวคือเธอต้องได้ระบายออกมา
ร่างสูงตัดสินใจประคองเอวบางคอดกิ่วให้ลุกขึ้นจากพื้น จึงได้รับรู้ว่าร่างกายเธอชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ แต่กลับตัวสั่นระริกราวกับลูกนกตกน้ำ หญิงสาวมีอาการขัดขืนอยู่บ้าง แต่สุดท้ายเขาก็สามารถพาเธอขึ้นไปนั่งบนเบาะรถได้สำเร็จ
ก้าวยาวๆ รีบก้าวอ้อมรถกลับมาฝั่งคนขับ โดยมีจุดหมายอยู่ที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
เสียงเครื่องยนต์คำรามกู่ร้องลั่น ก่อนที่รถสปอร์ตสีดำจะถอยหลังแล้วพุ่งทะยานออกไปราวกับติดจรวด