บทที่ 2 โดนเพื่อนเท
ทิชานอนกระดิกเท้าอยู่บนโซฟาภายในอะพาร์ตเมนต์ห้องเล็กกะทัดรัด เปิดโทรทัศน์ฟังข่าวไปเรื่อยๆ ขณะมือน้อยก็ไล่ไถ่ดูสตอรีดารานางแบบในประเทศที่ตนติดตามเอาไว้ ทั้งซื้อรถบ้านหรู รีวิวรถแพง ไปกินร้านอาหารชั้นดี ก็ได้แต่อิจฉาตาวาวตามประสา โดยไม่ลืมกดบันทึกร้านเอาไว้ วาดฝันว่าสักวันหนึ่งก็อยากมีชีวิตสุขสบายอย่างคนอื่นบ้าง
แต่ด้วยเงินเดือนแสนน้อยนิด บวกกับปัญหาหนี้สินรัดตัวของทางบ้านก็ได้แต่ปลงตก แล้วเฝ้ามองชีวิตความเป็นอยู่ของคนอื่นด้วยความหวังริบหรี่ต่อไป
"หื้มมมม ไอ้ไข่ปลาคาเวียร์นี่มันรสชาติยังไงเนี่ย กินทีจะได้ขึ้นสวรรค์เลยไหม ทำไมถึงแพงมหาศาลขนาดนี้"
"ฮืออออ ตับห่านนี่เหมือนตับหมูไหมนะ สาธุ~ จ่ายหนี้ที่บ้านเสร็จทิชาจะเก็บเงินขอไปลองกินเป็นบุญปากสักครั้งเถอะ"
ร่างเล็กยกมือขึ้นพนมเหนือหัว สาบนสาบานด้วยท่าทางจริงจัง
ครืด ครืด
ในขณะที่หญิงสาวกำลังเพ้อฝันกับอาหารอร่อยๆ จากรูปภาพของคนอื่นอยู่นั้น โทรศัพท์ในมือก็ส่งเสียงร้องเรียกสติเธอกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
"ฮัลโหล" เธอรับสายด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อที่แสดงบนหน้าจอ
(ฮืออออ ไอ้ชา~)
"เฮ้ยๆ! เป็นอะไรกิ๊ฟ ร้องไห้ทำไม!" เธอสะดุ้งพรวดลุกขึ้นนั่งตกใจ เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ปานจะขาดใจลอยออกมาจากปลายสาย
(ฉันเลิกกับพี่โจ้แล้ว! ฮืออออ ฉันเสียใจ)
ทิชาถึงกับพ่นลมหายใจออกมา หัวใจที่แล่นขึ้นสูงลดกลับมาอยู่ตำแหน่งเดิม เนื่องจากเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ได้ยินจนชินชาไปเสียแล้ว ร่างเล็กทิ้งตัวนอนบนโซฟาตามเดิมอย่างเกียจคร้าน เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงปลงตก
"เดี๋ยวก็ดีกัน แกเลิกกันรอบที่ล้านแล้วไอ้กิ๊ฟ"
(ไม่โว้ย! รอบนี้ฉันจริงจัง ฉันทนผู้ชายแบบนั้นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เขาใจร้ายกับฉันมากเลย)
"แล้วรอบนี้มันเรื่องอะไรอีก"
(ก็ฉันซื้อชุดมาใหม่ใช่ไหม แต่พอใส่ไปอวด พี่โจ้ดันพูดออกมาว่าฉันดูอ้วนขึ้น ให้ใส่เสื้อผ้าแบบอื่นดีกว่า)
"ถามจริง...เรื่องแค่นี้?" ทิชาขมวดคิ้วไม่เชื่อหูกับปัญหาเล็กน้อยที่เพื่อนรักเล่าให้ฟัง
(แกเป็นเพื่อนฉันนะโว้ย แกต้องซัปพอร์ตฉันสิ ยิ่งมันเป็นผัวกล้าพูดมาได้ไงว่าฉันอ้วนขึ้น! แม่ง! ใครจะไปสวยไปดีเท่าเมียเก่ามันล่ะ แน่จริงก็กลับไปหามันสิ)
กิ๊ฟเริ่มโวยวายเสียงดังด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ลากโยงเรื่องราวมั่วซั่ว เสียงสะอื้นดังคลอทำให้ทิชาแทบจับใจความไม่ได้
"เออใจเย็น เขาอาจจะเตือนด้วยความหวังดี หรือชุดจะไม่เหมาะกับแกจริงๆ ลองชั่งน้ำหนักดูยังล่ะ ถ้ามันไม่ขึ้นก็ไม่น่าห่วง"
(ฮืออออ แม่งขึ้นมาตั้งห้าโล! เพราะไอ้พี่โจ้คนเดียวเลย พาฉันตระเวนกิน พอแบบนี้มาบอกฉันอ้วน แม่งความผิดฉันที่ไหน! ไม่เอาแล้ว!)
ทิชาถึงกับกุมขมับ ก็ได้แต่ปลอบเพื่อนสาวให้ใจเย็นลง แต่ความโมโหของอีกฝ่ายก็ไม่ได้น้อยลงเลย กิ๊ฟยังยืนยันหนักแน่นคำเดิม ซึ่งทิชาก็มองว่าเธอคงแค่อยากประชดให้แฟนหนุ่มเอาใจเท่านั้น
(แก! แต่งตัวดิ๊ ฉันอยากเมา!) กิ๊ฟโพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำหญิงสาวที่กำลังนอนเกลือกกลิ้งสบายอารมณ์นิ่วหน้า
"ตอนนี้เนี่ยนะ มันจะสองทุ่มแล้ว"
(นะแก ขอร้อง ออกไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย ฉันเฮิร์ต อยากเมาให้ลืมผู้ชายใจร้าย~)
"เฮ้ออออ แล้วฉันจะหมาอีกปะ"
(ไม่โว้ย ครั้งนี้ไม่เอาแล้วจริงๆ จะเดินหน้าหาผู้ชายใหม่ เอาคนที่น่ารัก เข้าใจ แล้วไม่พูดจาทำร้ายจิตใจกันแบบนี้ ฮืออออ)
เสียงสะอื้นร้องไห้ทำทิชาไม่มีทางเลือก สุดท้ายก็ต้องยอมตอบตกลงอีกฝ่ายไปแม้จะรู้บทสรุปของเรื่องราวดีอยู่แล้ว
"ก็ได้ๆ เลิกร้องได้แล้ว เดี๋ยวฉันไปแต่งตัวก่อนแล้วกัน"
(ขอบใจแกมากเลยนะชา แกคือเพื่อนรักที่สุดของฉัน เดี๋ยวฉันส่งชื่อร้านไปให้)
"ย่ะๆๆ แค่นี้แหละ"
ทิชาพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะลุกสะบัดไล่ตัวขี้เกียจออกจากร่าง อุตส่าห์จะใช้เวลาในวันศุกร์หลังเลิกงานพักผ่อนให้เต็มที่ ก็ต้องมีเรื่องให้ออกไปข้างนอกอีกแล้ว
เหตุผลที่ทิชายอมตอบรับคำชวนของเพื่อนก็ไม่ใช่อะไร เพราะทั้งคู่สนิทสนมกันมาตั้งแต่ช่วงมัธยม แม้มหาลัยจะเรียนกันคนละที่ แต่ยังติดต่อหากันเสมอ เมื่อเพื่อนต้องการตัว แม้ขี้เกียจขนาดไหนแต่ทิชาก็เต็มใจออกไปหา
สองชั่วโมงต่อมา
ผับดังใจกลางเมือง
ทิชาสวมเดรสสั้นสีขาวความยาวเหนือเข่าเล็กน้อย แขนตุ๊กตาพองๆ แม้จะไม่ได้โป๊วาบหวิวอะไรมาก แต่ก็ทำให้หญิงสาวดูน่ารักชวนมองไม่น้อย ผมสีน้ำตาลเข้มยาวถึงกลางหลัง บวกกับผมหน้าม้าช่วยทำให้ใบหน้าเธอดูจิ้มลิ้มน่าทะนุถนอมขึ้นอีกเท่าตัว
เธอก้าวลงจากแท็กซี่มองบรรยากาศภายนอกร้าน เห็นเหล่าหนุ่มสาวรุ่นราวคราวเดียวกันเดินเข้าเดินออกดูคึกคัก แถมขนาดเธออยู่นอกผับยังได้ยินเสียงเพลงดังกระหึ่มออกมาด้วยซ้ำ มีสายตาชายหนุ่มกลัดมันหลายคู่จ้องมองมาทางเธอ ทำให้หญิงสาวอดประหม่าไม่ได้ ยิ่งต้องมายืนบื้ออยู่คนเดียวอีก
มือน้อยล้วงเข้าไปในกระเป๋าถือควานหาโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายหาเพื่อนตัวดี ซึ่งไม่นานอีกฝ่ายก็รับสายแล้วบอกให้เธอเข้าไปหาที่รอในร้านก่อน ทิชาจึงไม่มีทางเลือก ตีเนียนเดินไปกับกลุ่มวัยรุ่นผู้หญิงเพื่อเข้าไปรอด้านใน
หญิงสาวเลือกนั่งยังเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่มแทนการไปยืนโดดเดี่ยวอยู่กลางร้าน รอเพื่อนสาวมาถึงก่อนค่อยตกลงกันอีกทีว่าจะย้ายที่หรือไม่
ผับแห่งนี้ถือเป็นผับใหม่ได้รับความสนใจจากนักท่องราตรีมากพอสมควร ภายในกว้างขวาง มีจัดโซนแยกกันเป็นสัดส่วน ทั้งโต๊ะเดี่ยวหน้าเวทีสำหรับกลุ่มวัยรุ่นที่อยากจะดื่มไปเต้นไป ด้านข้างชิดผนังมีโซนโซฟาให้นั่งสบายๆ เหมาะกับคนที่อยากสนุกแต่ก็ยังได้ความเป็นส่วนตัว หรือใครอยากจะปลีกวิเวกหน่อยก็สามารถนั่งตรงบาร์เครื่องดื่มได้
"รับอะไรดีครับ" เสียงของบาร์เทนเดอร์ทักขึ้น ทำให้ทิชาสะดุ้งเล็กน้อย
ชายหนุ่มหน้าใสสวมเครื่องแบบของทางร้านส่งยิ้มละมุนให้ แต่ก็ทำให้สาวน้อยผู้ไม่คุ้นชินกับผู้ชายแปลกหน้านั่งตัวเกร็ง อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่สักพัก เพราะเธอเองก็ไม่ค่อยได้มาเที่ยวสถานบันเทิงเช่นนี้เท่าไร
"เอ่อ...สวัสดีครับ ลูกค้าสั่งเครื่องดื่มไหมครับ" เขาถามย้ำ ทำให้หญิงสาวได้สติ ส่งยิ้มเจื่อนแล้วตอบกลับเสียงเบา
"ขอเป็นน้ำส้มแล้วกันค่ะ"
"ครับ"
ทิชานั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ทรงสูงกวาดมองบรรยากาศสนุกสนานไปรอบร้าน เสียงเพลงและผู้คนแน่นขนัดแทบไม่เหลือพื้นที่หายใจ ต่างโยกย้ายไปตามจังหวะดนตรีสนุกสนาน แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกมีอารมณ์ร่วมแต่อย่างใด ยิ่งต้องมานั่งแกร่วตามลำพังด้วยแล้ว ยิ่งไม่รู้จะวางมือวางไม้ไว้ตรงไหนดี
สายตาก็เพียรมองหน้าจอโทรศัพท์เครื่องเก่า ลุ้นว่าเมื่อไหร่เพื่อนสาวจะโทรมาหาเสียที
เวลาดำเนินไปเรื่อยๆ จากสิบนาทีล่วงเลยจนเป็นครึ่งชั่วโมง สุดท้ายทิชาก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องต่อสายหาเพื่อนรักแทน
หัวใจดวงน้อยเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ เมื่อรอสายอยู่นานก็ไม่มีคนรับ จนกระทั่งสายถูกตัดไป แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ กดโทรหาอีกครั้ง รออยู่สักพักในที่สุดกิ๊ฟก็รับสายของเธอ
"ไอ้กิ๊ฟ แกอยู่ไหนเนี่ย ฉันนั่งรออยู่ในร้านเป็นชาติแล้ว" มือเล็กยกขึ้นป้องมือถือ ได้โอกาสก็เปิดปากโวยวายขึ้นมาทันที เธอตะโกนแข่งกับเสียงเพลงในร้าน และพยายามเงี่ยหูฟังเสียงตอบจากปลายสาย
(ชา~ แก ฉันขอโทษ)
"หมายความว่ายังไง"
เพื่อนรักพูดเพียงแค่นี้ แต่คนที่รู้จักกันมานานก็รู้สึกได้ถึงลางร้ายกำลังย่างกรายเข้ามา
(ก็ไอ้พี่โจ้น่ะสิ มันมาดักรอฉันหน้าบ้าน ไม่ยอมให้ฉันออกไปหา)
"สรุปคือดีกันแล้วสินะ"
(ฮืออออ ชาอย่าโกรธ เขาเอาดอกไม้มาง้อ แถมจะพาไปเลี้ยงขนมร้านที่อยากไป ฉันเลยใจอ่อน)
"แกเนี่ยนะ~ ฉันมารอเกือบชั่วโมงสุดท้ายก็มาเบี้ยวกันนาทีสุดท้าย" ร่างเล็กพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ระบายความเซ็ง แต่ก็ไม่ได้นึกโกรธอะไรอีกฝ่าย แค่เคืองๆ เล็กน้อยถึงปานกลาง
(ขอโทษจริงๆ เดี๋ยวรอบหน้าเลี้ยงข้าวด้วย!)
"เออๆ เอาเถอะ ดีกันก็ดีแล้ว รอบหน้าอย่าลากฉันออกมานั่งโง่เป็นหมาอีกนะโว้ย"
(หมาที่ไหนนนน~ แกคือเพื่อนรักที่สุดของฉันเลยนะ!)
"ย่ะ! แค่นี้แหละ ฉันจะได้กลับบ้านนอนสักที"
(ถึงบ้านแล้วโทรบอกด้วยนะแก ขอโทษอีกทีที่ทำให้เสียเวลาไปด้วย)
ทั้งคู่ร่ำลากันอีกเล็กน้อยก็วางสายไป ทิชาจึงยื่นค่าเครื่องดื่มส่งให้บาร์เทนเดอร์ ด้วยที่ดื่มน้ำส้มไปสองแก้วติดและนั่งรออยู่เกือบชั่วโมง ท้องน้อยก็เริ่มปวดเบา ตั้งใจว่าจะแวะไปเข้าห้องน้ำก่อนแล้วค่อยออกไปเรียกรถกลับบ้าน
มือบางกระชับกระเป๋าสะพายบนไหล่แน่น เบียดเสียดกับกลุ่มคนที่กระโดดโลดเต้นตามจังหวะมันๆ ของดนตรี เพื่อฝ่าฟันให้ไปจนถึงประตูห้องน้ำที่สุดมุมร้าน แต่แล้วก็มีมือปริศนาฉุดแขนเธอเอาไว้ก่อน
"น้องงง~ น่ารักจังเลยครับ สนใจมานั่งกับพวกพี่ไหม"
"มะ...ไม่ค่ะ...ช่วยปล่อยมือด้วยค่ะ"
หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวด้วยความตกใจ พยายามบิดมือให้หลุดจากการจับกุม แต่อีกฝ่ายก็บีบแน่นขึ้นราวกับคีมเหล็กจนเธอรู้สึกเจ็บ ทิชาเริ่มหน้าซีด กวาดสายตามองชายหนุ่มสี่ห้าคนในโต๊ะที่ดูมึนเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ด้วยความแตกตื่น
ขนในกายลุกซู่กับสายตาโลมเลียที่จ้องร่างเธออย่างจาบจ้วง พยายามมองซ้ายขวาเพื่อหาคนช่วย
"ไม่ต้องกลัวไปนะครับ พี่แค่อยากรู้จักน้องเฉยๆ เอง มาสนุกกับพวกพี่ดีกว่า"
"ขอร้องละค่ะ ปล่อยหนูเถอะ เพื่อนหนูรออยู่" ทิชาลนลานรีบแต่งเรื่องโกหกออกไป หวังว่าคำกล่าวอ้างจะทำให้ชายกลุ่มนี้ปล่อยเธอ แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อพวกเขาหน้าหนากว่านั้น
"อย่าพูดแบบนั้นเลยน่า พี่สนใจหนูนะ ขอเบอร์ให้พี่หน่อยสิครับ" ชายร่างสูงที่กุมมือเธอเลียริมฝีปากท่าทางหยาบโลนจนทิชาสะอิดสะเอียน อาการหวาดกลัวต่อเพศตรงข้ามกลับมาอีกครั้ง มือน้อยสั่นเทา หน้าแทบไร้สีเลือดเม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามไรผม
"ขอโทษค่ะ หนูให้ไม่ได้ ปล่อยหนูเถอะพี่อย่าทำแบบนี้"
ขอบตาเธอร้อนผ่าวด้วยความกลัว คนอื่นในร้านต่างก็กำลังสนุกสนานอยู่กับดนตรีและฤทธิ์แอลกอฮอล์ แถมในร้านยังมืดสลัวทำให้ไม่มีใครให้ความสนใจหญิงสาวผู้กำลังตกที่นั่งลำบากสักคน
"โอ๋ๆๆๆ ไม่ร้องนะครับ เอางี้ ถ้าน้องยอมดื่มเหล้ากับพี่แก้วหนึ่ง พวกพี่จะปล่อยไป ดีไหมเอ่ย"
ชายอีกคนโผล่หน้ามาช่วยต่อรอง พร้อมยื่นแก้วเหล้าสีอำพันมาทางเธอ ร่างเล็กมองแก้วตรงหน้าสลับกับใบหน้าหื่นกระหายของคนบนโต๊ะด้วยความลังเล
"แค่ดื่มใช่ไหม แล้วจะปล่อยหนูไป" เธอถามย้ำเสียงสั่น
"ใช่ สัญญาเลยครับ...เอ๊ย ไอ้โอใจเย็น ปล่อยมือน้องเขาก่อน ดูสิกลัวตัวสั่นหมดแล้ว"
ชายคนนั้นหันไปบอกเพื่อน แต่ทุกคนในโต๊ะกลับหัวเราะกันสนุกสนานไม่ได้มีความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย พอมือบางเป็นอิสระทิชาก็ค่อยหายใจหายคอได้คล่องขึ้นเล็กน้อย ชายคนเดิมแสยะยิ้มกว้างด้วยท่าทางเป็นมิตรเกินเหตุพร้อมส่งแก้วเหล้ามาให้เธอ แถมส่งสายตากดดันให้เธอยอมรับมันไปดื่ม
ด้วยเพราะใจอยากจะออกไปให้พ้นจากสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้เต็มทน ทำให้สุดท้ายทิชาตัดสินใจเอื้อมมือไปรับแก้ว แล้วยกกระดกดื่มจนหมดภายในรวดเดียว เพื่อจบปัญหาให้พวกเขาเลิกตอแยกับเธอเสียที ก่อนจะรีบส่งแก้วคืนพวกเขาไป
ยังดีที่กลุ่มชายดังกล่าวไม่ได้เซ้าซี้หรือหาเรื่องรั้งตัวเธอต่อ จึงรีบก้าวฉับๆ ตรงไปทางห้องน้ำ ก่อนจะนั่งตั้งสติอยู่บนโถชักโครก หัวใจที่สั่นระรัวเริ่มกลับมาเป็นปกติ พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ แล้วเรื่องน่ากลุ้มใจต่อมาก็ผุดเข้ามาในหัว ว่าเธอจะออกจากห้องน้ำอย่างไรไม่ให้ต้องเผชิญหน้ากับชายกลุ่มนั้นอีก!