บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 แด๊ดดี้ไม่ชอบเด็กโกหก (2)

“ใจเย็นๆ ก่อนนะครับคุณติณณภพ ผมว่ารอให้ผู้ปกครองของเรย์วี่มาคุยดีกว่า จะได้ตกลงกัน” ‘อาจารย์พล’ รู้ดีว่าผู้ปกครองของฉันคือใคร ดังนั้นเขาจึงลำบากใจถ้าหากต้องตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

แม้ว่าอีกฝ่ายจะเอาเรื่องเงินสนับสนุนมาขู่ ทว่ามันก็ยังน่ากลัวน้อยกว่า ‘ใครอีกคน’

“ดี!! งั้นโทรเรียกมันมาเลย ฉันจะได้ด่ามันที่ไม่สั่งสอนเด็กผู้หญิงคนนี้!”

อันที่จริงเขาควรจะกลับไปสั่งสอนลูกของตัวเองด้วย พูดออกมาได้ยังไง เฮงซวย!

ปัง!

บานประตูถูกเปิดพรวดเข้ามาอย่างรุนแรง ก่อนที่มันจะกระแทกเข้ากับผนังห้องเสียงดัง

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นจากทางด้านหลัง พอหันไปมองฉันจึงรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเป็น ‘แด๊ดดี้เจย์’

“แด๊ด...” ฉันขยับปากเรียกแด๊ดเสียงอ่อย ก่อนจะเดินเข้าไปหาร่างสูงที่วันนี้อยู่ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเรียบหรูเต็มยศ คาดว่าแด๊ดคงจะรีบออกจากบริษัทหลังจากประชุมเสร็จแล้วขับรถตรงมาที่นี่เลย และไม่ต้องเดาฉันก็สามารถรู้ได้ในทันทีว่าใครที่โทรตามให้แด๊ดมา

ผู้ที่คอยรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันก็คงจะยืนรออยู่หน้าห้องนั่นแหละ ตั้งแต่เล็กจนโตแด๊ดส่งคนมาคอยดูแลฉันอยู่ห่างๆ ตลอด ราวกับกลัวว่าจะมีใครมาทำร้ายฉันอย่างนั้นแหละ

ว่ากันตามจริงก็อึดอัดอยู่เหมือนกัน แต่ฉันก็เข้าใจว่าแด๊ดคงเป็นห่วง

“เล่าเรื่องทั้งหมดให้แด๊ดฟัง ขอแบบละเอียด” วงแขนแกร่งตวัดโอบกอดฉันไว้ พร้อมกับลูบแผ่นหลังแผ่วเบาเพื่อปลอบประโลม

ทั้งที่จริงฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรนอกจากเจ็บแขนตรงที่ถูกบีบ ทว่าพออยู่ใกล้แด๊ดแล้วฉันก็อยากอ่อนแอให้แด๊ดปกป้องทุกที

“เด็กคนนี้ทำร้ายลูกผม ยังต้องถามอะไรอีก แล้วนี่เป็นพ่อภาษาอะไรถึงไม่สั่งสอนลูกตัวเองบ้าง ปล่อยให้มาทำตัวเกเรใส่คนอื่นอยู่ได้!” ขณะกำลังอ้าปากเล่าความจริงให้แด๊ดฟัง ฉันก็จำต้องหุบปากฉับเมื่อถูกพูดแทรก

“ผมถามคุณเหรอ? แล้วนี่รู้ดีแค่ไหนถึงมาว่าคนอื่นแบบนี้” แม้ว่าแด๊ดจะพูดด้วยถ้อยคำสุภาพ ทว่ากระแสน้ำเสียงนั้นก็เต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม “ถ้ารู้เรื่องเพียงแค่เสี้ยวเดียวก็หุบปากไป ปล่อยให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรกเขาพูด...ว่ายังไงน้องเรย์ ทำไมหนูถึงทำแบบนั้น”

พอแด๊ดหันมาถาม ฉันก็เริ่มเล่าทุกอย่างให้แด๊ดฟังตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำพูดเดียว หางตาแอบเหล่มองใบหน้าถอดสีของพ่ออมยิ้มแวบหนึ่ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะรีบปรับให้เป็นปกติภายในเวลาอันรวดเร็ว

“ผมไม่เชื่อว่าลูกสาวของผมจะเป็นคนแบบนั้น” กระนั้นพ่ออมยิ้มก็ยังเชื่อมั่นว่าลูกสาวตัวเองเป็นคนดี

วลีลูกฉันเป็นคนดียังใช้ได้เสมอไม่ว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะร้ายแรงมากแค่ไหน ค่อนข้างเห็นบ่อยในข่าว ก็ได้แต่เบะปากเมื่อได้ยินอะไรทำนองนี้

นิสัยของคนเรามักจะเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ แล้วเอาอะไรมามั่นใจว่าเวลาลูกของตัวเองอยู่นอกบ้านจะทำตัวอีกแบบไม่ได้

“นั่นมันก็เรื่องของคุณ เพราะผมเองก็เชื่อว่าน้องเรย์จะไม่ทำร้ายใครก่อน ถ้าคนนั้นไม่แส่หาเรื่องเอง” คำพูดของแด๊ดเจย์ทำให้คนฟังถึงกับหน้าตึงเมื่อได้ยิน “ลองกลับไปคุยกับลูกสาวของคุณก่อน ถ้ายังยืนยันว่าจะเอาเรื่องเด็กในปกครองของผม เราค่อยมาเคลียร์กันอีกที”

พ่อของอมยิ้มเกิดอาการฮึดฮัดอย่างขัดใจ ทว่าก็ยอมเป็นฝ่ายปลีกตัวเดินออกจากห้องเป็นคนแรก

“ผู้ชายคนนั้นให้เงินสนับสนุนที่นี่ด้วยเหรอ” คล้อยหลังพ่อของอมยิ้ม แด๊ดก็หันไปซักถามอาจารย์พลที่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ข้างโต๊ะทำงาน

ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เห็นอาจารย์หัวหน้าฝ่ายปกครองผู้น่าเกรงขามสำหรับนักเรียนมีท่าทีแบบนี้ เพราะฉันรู้เหตุผลนั้นดีว่าทำไม

“ครับคุณเจย์”

“ถ้าผู้สนับสนุนหายไปสักคนคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง” แม้ว่าประโยคที่เอื้อนเอ่ยออกมาจากลำคอแกร่งจะดูเหมือนกับการพูดลอยๆ ทว่าก็แฝงไปด้วยนัยบางอย่างที่ฉันไม่ควรรู้

ยิ่งเห็นท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของอาจารย์พล ฉันก็พอจะเดาออกว่าที่แด๊ดพูดแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง

“แด๊ด หนูอยากกลับบ้านแล้ว” ฉันคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดตรงหน้าด้วยการกอดท่อนแขนของแด๊ด พร้อมเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนอย่างที่ชอบทำ

ดวงตาคมหลุบมองฉันด้วยแววตาที่อ่อนลง ก่อนจะเลื่อนฝ่ามือมากอบกุมข้อมือบางแล้วพาฉันเดินออกมาจากห้องโดยไม่พูดอะไร

“มันทำอะไรหนูหรือเปล่า” พอเท้าก้าวพ้นขอบประตูออกมาได้ไม่ทันไร แด๊ดก็เปิดปากถาม

“เปล่าค่ะ” ฉันตีเนียนด้วยการพลิกแขนตรงที่ขึ้นรอยแดงเข้าหาตัว แต่ดูเหมือนว่าแด๊ดจะสังเกตเห็นก่อนหน้านี้แล้ว

“แล้วนี่อะไร?” น้ำเสียงของแด๊ดเข้มขึ้น พร้อมกับเอื้อมมือมาจับท่อนแขนฉันแล้วชูขึ้นตรงหน้า “แด๊ดไม่ชอบเด็กโกหก”

“หนูขอโทษค่ะ” ฉันก้มหน้างุดจนคางชิดอก ดวงตากลมโตหลุบมองพื้นเพราะไม่กล้าสบตาร่างสูงตรงหน้า หูได้ยินแด๊ดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

แด๊ดคงจะโกรธฉันจริงๆ สินะ…

“เจ็บหรือเปล่า” แต่แล้วน้ำเสียงที่เอ่ยออกมากลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ฉันถึงได้กล้าเงยหน้าขึ้นสบตากับแด๊ดอีกครั้ง แม้ว่าอีกฝ่ายจะตัวสูงกว่ามาก จนต้องแหงนคอมองแต่มันก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากมายนัก

“นิดหน่อยค่ะ พอทนได้” ถ้าโกหกว่าไม่เจ็บฉันก็กลัวว่าแด๊ดจะกดน้ำหนักมือลงมาเพื่อพิสูจน์ ดังนั้นจึงเลือกที่จะพูดความจริงออกไป

“เมฆ ไปจัดการมัน” แด๊ดหันไปสั่งลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างกันกับคนที่คอยรายงานเรื่องของฉันให้แด๊ดฟัง “กูเลี้ยงของกูมายังไม่เคยตีสักครั้ง แล้วมันมีสิทธิ์อะไร”

“ครับนาย” อีกฝ่ายรับคำอย่างว่าง่าย แม้คำสั่งนั้นจะไม่ใช่เรื่องดีก็ตาม

“แด๊ดหนูว่า...”

“วันนี้มึงทำงานพลาด” คำพูดของฉันถูกขัดเพราะแด๊ด เมื่อเห็นว่าร่างสูงก้าวตรงเข้าไปหา ‘พี่ภูมิ’ บอดี้การ์ดส่วนตัวของฉัน ใจเริ่มอยู่ไม่สุขทันทีที่เห็นว่าแด๊ดง้างฝ่ามือขึ้นกลางอากาศ

“ผมขอโทษครับนาย” พี่ภูมิไม่มีท่าทีว่าจะหลบหนีฝ่ามือนั้น ฉันจึงรีบคว้าท่อนแขนของแด๊ดเอาไว้

“แด๊ดอย่าลงโทษพี่ภูมิเลยนะคะ หนูเป็นคนบอกให้พี่ภูมิอยู่ห่างๆ เอง” ฉันก็อยากมีเวลาส่วนตัวนั่งเงียบๆ คนเดียวแล้วคิดนั่นคิดนี่บ้าง จะให้พี่ภูมิมายืนมองฉันได้ยังไงกัน แบบนั้นมันจะเรียกว่าเป็นส่วนตัวได้เหรอ

“วันนี้หนูมีหลายคดีแล้วนะน้องเรย์ จะยอมให้แด๊ดลงโทษหนูแทนหรือเปล่าล่ะ” ท่าทีของแด๊ดอ่อนลงกว่าคราแรก แต่กระแสความไม่พอใจก็ยังคงหลงเหลืออยู่

“ถ้างั้นหักค่าขนมของหนูเลยก็ได้” ฉันพูดเสียงอ่อย พร้อมด้วยสีหน้าสำนึกผิด

“แต่แด๊ดอยากลงโทษหนูด้วยวิธีอื่น”

สายตาที่แด๊ดมองมาพานทำให้ฉันเกิดความรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันใด…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel