ตอนที่ 1 แด๊ดดี้ไม่ชอบเด็กโกหก (1)
“มานั่งทำอะไรคนเดียวตรงนี้” ประโยคนั้นดูคล้ายเป็นห่วงเป็นใย หากว่าเธอไม่เอื้อนเอ่ยคำพูดถัดมา “อ๋อลืมไป คนมันไม่มีพ่อไม่มีแม่หนิเนอะ ถ้าเข้าไปในหอประชุมคงได้ยกมือไหว้แค่เก้าอี้”
บางทีการศึกษามันก็ไม่ได้ช่วยขัดเกลาให้ใครบางคนมีความคิดที่ดีขึ้นได้ ฉันไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิดที่ได้ยินคำพูดแบบนี้ เพราะหลังจากที่พ่อกับแม่ทอดทิ้งไป ฉันก็มักจะพบเจอกับประโยคเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง จนเริ่มกลายเป็นความชินชา
แต่ลึกๆ อาจรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง ทว่าฉันก็พยายามหลอกตัวเองว่าไม่เป็นไร
วันนี้ที่โรงเรียนมีจัดกิจกรรมวันแม่ นักเรียนเกือบทุกคนก็ต่างพาผู้ให้กำเนิดหรือผู้ปกครองมาร่วมงาน ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งมองภาพที่ตลบอบอวลไปด้วยมนต์แห่งความสุขเหล่านั้นเพียงลำพังอย่างโดดเดี่ยว
ทว่าความสงบสุขก่อนหน้ากลับมลายหายไปจนสิ้น เมื่อ ‘อมยิ้ม’ เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าฉัน พร้อมเอ่ยคำพูดนั้นออกมา
เธอเป็นคนน่ารัก แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่ภาพลักษณ์ภายนอก เนื้อแท้ของอมยิ้มใครๆ ก็รู้ว่าสันดานแย่มากแค่ไหน
ตอนแรกอมยิ้มก็แค่นิสัยไม่ดี แต่พอนานวันเข้าเธอยังคงทำตัวแบบเดิมๆ จากแค่นิสัย ดังนั้นมันจึงกลายเป็นสันดานไปแล้ว
ฉันไม่รู้ว่าพ่อกับแม่ของเธออบรมสั่งสอนลูกของตัวเองบ้างหรือเปล่า อมยิ้มถึงได้มีสันดานชอบเหยียดหยามคนอื่นอยู่แบบนี้
แค่ไม่มีพ่อไม่มีแม่ก็รู้สึกแย่มากพอแล้ว ทำไมต้องมาเหยียบย่ำความรู้สึกของฉันด้วยถ้อยคำเหล่านั้น
อมยิ้มอาจจะสนุกที่ได้ล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น แล้วไม่ถามฉันหน่อยเหรอว่าสนุกไปกับเธอหรือเปล่า…
“...” ฉันเลือกที่จะเงียบ และเมินเฉยร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้า แสร้งหันไปมองน้องหมาที่กำลังนอนแทะกระดูกยังจะดีซะกว่า
“ทำไม? ทนฟังไม่ได้เหรอ หึ...อีลูกไม่มีพ่อ”
“...” ฉันได้ยินทุกประโยคที่หลุดออกมาจากปากของเธอชัดเต็มสองหู และดูท่าว่ามันจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากฉันยังทำเป็นเมินเฉยใส่อมยิ้ม
ความรู้สึกของฉันมันตอบสนองกับคำพูดของเธอทุกคำ แต่สิ่งที่ทำได้ก็คือการกำกระโปรงนักเรียนเอาไว้แน่นเพื่อข่มอารมณ์
“อีลูกไม่มีแม่”
“ลองพูดดังๆ อีกทีสิ” ฉันหันไปสบตากับเธอ ด้วยแววตาไร้ความรู้สึก
ถ้าเธอกล้า สาบานเลยว่าฉันจะไม่ทน…
“อีเด็กกำ...”
ผลัวะ!!
ไม่รอให้เธอได้เอื้อนเอ่ยออกมาจนจบประโยค ฉันรีบดีดตัวลุกขึ้นประจันหน้ากับอมยิ้ม ก่อนจะปล่อยหมัดซัดเข้าที่จมูกของเธออย่างแรง
ร่างบางล้มลงไปนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นอย่างหมดสภาพ มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมจมูกที่กำลังมีเลือดไหลออกมา พลางส่งเสียงร้องน่าหนวกหู
“แก...แก!...ฮึก...ฮือออ” อมยิ้มยกนิ้วขึ้นชี้หน้าฉัน พอเธอสังเกตเห็นว่ามีรอยเลือดติดมาด้วยจึงปล่อยโฮดังลั่นอย่างไม่อาย
ผู้คนที่อยู่รอบกายก็ต่างหันมามองอย่างสนอกสนใจ พร้อมเบิกตาโพลงกับสิ่งที่เห็น
เคยได้ยินผ่านหูมาว่าอมยิ้มอยากทำจมูกใหม่ให้โด่งขึ้นกว่าเดิม ฉันเลยสงเคราะห์ให้เธอได้ไปทำเร็วๆ
“ถ้าชีวิตนี้ไม่สามารถพูดเรื่องดีๆ ของคนอื่นได้ เธอควรจะเก็บปากไว้อมเหรียญตอนตายดีกว่า”
“ฉันจะฟ้องพ่อกับแม่ของฉัน!”
“เชิญ” ฉันไหวไหล่อย่างไม่สะทกสะท้าน อยากทำอะไรก็ทำ ตามสบายเลย
“ว้าย! อมยิ้มลูก ใครทำอะไรหนูคะ” เสียงหวีดร้องตกใจของผู้หญิงวัยกลางคนดังขึ้น ในจังหวะที่ฉันกำลังจะหมุนตัวเดินหนีออกไปจากตรงนี้พอดิบพอดี
“คุณแม่...ฮึก...เรย์วี่มันทำหนูค่ะ” อมยิ้มรีบคลานเข้าไปหาผู้เป็นแม่ ที่ย่อตัวกอดร่างลูกสาวเอาไว้แนบอก
พอได้ยินอมยิ้มพูดแบบนั้น แม่ของเธอก็ตวัดสายตาเงยขึ้นมองฉันทันที
“ไม่มีพ่อมีแม่คอยสั่งสอนหรือไง ถึงได้มารังแกลูกคนอื่นแบบนี้!”
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอมยิ้มถึงได้มีนิสัยชอบเหยียดหยามคนอื่น ที่แท้ก็เป็นกันทั้งครอบครัว
“เกิดอะไรขึ้น” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้อ้าปากโต้แย้ง ผู้ชายอีกคนก็ฝ่าวงล้อมเข้ามายืนอยู่ข้างๆ ผู้หญิงคนนั้น
“คุณคะ นังเด็กคนนี้มันทำร้ายลูกของเรา”
ที่แท้ผู้ชายคนนั้นก็เป็นพ่อของอมยิ้มนี่เอง ดูแววแล้วอีกไม่นานฉันคงถูกครอบครัวนี้รุมยำเป็นแน่
พรึบ!
“ไปห้องปกครองกับฉัน!” เป็นจริงดังที่คาดการณ์เอาไว้ พ่อของอมยิ้มพุ่งเข้ามาจับท่อนแขนฉันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระชากเพื่อให้เดินตามไปยังห้องปกครองของโรงเรียน
“ปล่อย” ฉันพยายามที่จะบิดท่อนแขนให้หลุดจากการจับกุม ทว่ามันก็ไม่เป็นผล
ฝ่ามือหยาบกระด้างยังคงจับยึดไว้แน่น หนำซ้ำยังเพิ่มแรงบีบให้ทวีคูณเท่าตัว จนฉันเผลอหลุดสีหน้าเหยเกออกมา เนื่องด้วยความรู้สึกเจ็บตรงบริเวณนั้น ฉันไม่ได้กลัวการเข้าไปนั่งในห้องปกครอง แต่ฉันแค่ไม่ชอบให้ใครมาแตะตัวฉัน และกระทำตัวหยาบคายแบบนี้
พ่อของอมยิ้มไม่คิดที่จะถามลูกสาวตัวดีบ้างหรือไง ว่าทำอะไรลงไปถึงได้ถูกฉันซัดเข้าที่หน้าไปแบบนั้น เล่นฟังความข้างเดียวแบบนี้ ถ้าความจริงเปิดเผยคงได้หน้าแตกกันเป็นแถว
พลั่ก!
ร่างของฉันถูกผลักให้เข้าไปยืนอยู่กลางห้องปกครอง อาจารย์หัวหน้าฝ่ายเงยขึ้นมอง ก่อนจะเบิกตานิดๆ เมื่อเห็นว่าเป็นฉัน
ห้องนี้ฉันไม่เคยได้ย่างกรายเข้ามาเลยสักนิด เพราะความประพฤติของฉันนั้นถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเสมอมา และฉันก็ไม่อยากเข้ามาห้องนี้บ่อยๆ ด้วย เดี๋ยวจะพานทำให้แด๊ดดี้ต้องวุ่นวาย
“ลูกสาวของผมถูกเด็กผู้หญิงคนนี้ต่อยหน้า อาจารย์ต้องจัดการเธอให้ถึงที่สุด ไม่อย่างนั้นผมจะเลิกให้เงินสนับสนุนโรงเรียนนี้ซะ!”
ฉันไม่ได้สนใจคำขู่นั้น ได้แต่หลุบตามองท่อนแขนของตัวเองที่เกิดรอยแดงเป็นปื้น แวบหนึ่งสมองก็นึกถึงใครอีกคน
ถ้าแด๊ดเห็นรอยนี้ แด๊ดคงจะไม่พอใจมากแน่ๆ…
