บทที่ 8
เหมือนแพร ภัทรอุดม บรรจงวางเครื่องดื่มร้อนที่เธอซื้อมาจากร้านดังอย่างระมัดระวัง รสชาติของมันดีกว่ากาแฟของโรงพยาบาล เธอจึงไม่แปลกใจที่กุมารแพทย์หนุ่มผู้ติดกาแฟเสียยิ่งกว่าอะไร จะยกมันดื่มแล้วค่อยขอบคุณกันทีหลัง
“ขอบใจมากนะคุณแพร จดไว้ด้วยแล้วกันว่าผมติดหนี้ค่ากาแฟคุณเท่าไหร่แล้ว”
กองทัพตอบหลังจากดื่มกาแฟไปได้ครึ่งแก้ว ไม่สนใจฟังคำปฏิเสธของเหมือนแพรที่บอกว่าซื้อมาฝาก ส่วนหมอตุลย์นั้นยังคงนั่งเฉย ๆ ไม่ได้หยิบแก้วของตัวเองขึ้นมาดื่ม
“ถ้ามึงไม่อยาก กูขอนะ”
“อยากดิวะ! กูแค่รอให้มันหายร้อนก็แค่นั้น” หมอตุลย์หันไปขอบคุณเหมือนแพร พร้อมกับยิ้มให้กับเธอตามมารยาท
“เอ๊ะ คุณแพร ข้อศอกไปโดนอะไร มาให้ผมดูหน่อย” เหมือนแพรรีบยกข้อศอกของตัวเองขึ้นมอง ก่อนจะทำหน้าเจื่อน พร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
“มิน่าล่ะค่ะ รู้สึกแสบ ๆ ตั้งแต่ตอนรอกาแฟแล้ว” เธอบ่นพึมพำว่าคนเยอะมาก คงจะชนอะไรเข้าโดยที่ไม่ทันได้ระวัง
“มึงไปเอาเซตทำแผลมานะ เดี๋ยวกูจัดการเอง” กองทัพรีบทำแผลให้กับพยาบาลคนสวยทันทีที่ได้ของที่ต้องการ เขามือเบามากจนเธอแทบจะไม่รู้สึก ใช้เวลาแค่ห้านาทีทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย
“ขอบคุณอาจารย์มากนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก คุณแพรดูแลผมออกบ่อย ยังไงขอตัวก่อนนะครับ ผมมีธุระต้องทำต่อ แต่ถ้ามีเคสด่วนก็ตามได้เลย”
“อาจารย์คะ พอดีแพรได้ยินว่าน้องรินทร์จะเข้ามาทำงานที่นี่ อาจารย์ว่าทุกอย่างจะโอเคไหมคะ คือแพรกลัวว่าน้องจะคิดมากเรื่องคืนนั้น” เหมือนแพรยังจำภาพในวันนั้นได้ติดตา เธอเป็นคนช่วยผู้อำนวยการสวมเสื้อผ้าให้กับเอรินทร์ พร้อมกับโทษตัวเองซ้ำ ๆ ว่าไม่ควรปล่อยให้น้องอยู่คนเดียวตั้งแต่แรก
“เรื่องนั้นผมจัดการเอง คุณแพรไปพักผ่อนเถอะ” กองทัพตัดบทอย่างสุภาพ ขอตัวอยู่ตามลำพัง
แม้เขาจะคิดว่าเอรินทร์เป็นคนวางแผนทั้งหมด แต่ก็ยังเป็นห่วงว่าเธอจะมีปัญหาทางใจเพราะเขาเป็นต้นเหตุ สาวน้อยยืนยันว่าจำอะไรไม่ได้ แต่ตอนที่เขาประทับตราบนผิวขาว ๆ เมื่อคืนที่ผ่านมา คำพูดจากจิตใต้สำนึกของคนเมากลับทำให้เขายอมหยุดชะงัก ยอมเลิกสั่งสอนเธอทันที
‘อาหมอปล่อยน้องรินทร์นะคะ’
เธอปฏิเสธทั้ง ๆ ที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์ ในขณะที่สามปีก่อนยอมปล่อยให้เขาทำทุกอย่างตามใจชอบ หรือว่าตอนนั้นเอรินทร์แค่ตั้งใจจะแกล้งกันธรรมดา แต่เป็นเขาที่ทำทุกอย่างให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปเองคนเดียว
กองทัพสะบัดความคิดไร้สาระออกไปจากหัว ในตอนนี้เอรินทร์โตเป็นสาวแล้ว สวยมากด้วยอีกต่างหาก มันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะแตะต้องเธอตามใจปรารถนา ทำอย่างที่ผู้ใหญ่สองคนพึงกระทำ
ในเมื่อต้องสูญเสียอิสรภาพในการเดตกับสาว ๆ นานถึงสามปี ยัยตัวแสบน่าตีอย่างเอรินทร์ก็ควรต้องโดนดีไม่ต่างกัน
สาวน้อยของอาหมอกองทัพกำลังวุ่นวายอยู่กับการย้ายของ แต่สุดท้ายเธอก็ต้องยอมแพ้ให้กับความอ่อนเพลียที่เกิดจากการดื่มอย่างหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา
“ไหวไหมรินทร์? กลับไปบ้านทั้ง ๆ ที่ยังเมาค้างแบบนี้ คุณพ่อจะไม่ดุเอาเหรอ”
ชนาธิป ธนเกียรติโสภณ ถามคนที่ทำหน้าเหมือนจะอาเจียนได้ทุกนาที ก่อนจะหันไปดุมัจฉาที่ไม่รู้จักดูแลเพื่อน ตามใจกันจนเกือบก่อเรื่องในบาร์ของเขาเมื่อคืนที่ผ่านมา
“กลับได้ค่ะ เดี๋ยวรินทร์หากาแฟกินกับลูกปลาแล้วคงขับรถกลับบ้านเลย ขอบคุณพี่ธิปมากนะคะที่มาอยู่เป็นเพื่อน” บิดาของเอรินทร์จ้างบริษัทขนย้ายข้าวของเพื่อความสะดวก ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงทุกอย่างก็เรียบร้อย
“งั้นพี่ไปดูร้านก่อนนะรินทร์ ยังไม่ได้ดูเลยว่าของเด็กซื้อของมาครบหรือเปล่า” ชนาธิปยุ่งกับงานมาก ทว่าก็ปลีกตัวมาอยู่เป็นเพื่อน เพราะไม่อยากให้สาว ๆ อยู่กับพนักงานขนของตามลำพัง
“พี่ธิปน่ารักเนอะ”
“น่ารักหรือน่าสงสารกันแน่”
“แกหมายความว่ายังไงลูกปลา”
“ก็พี่ธิปเขาไม่ได้รู้ว่าแกมีคู่หมั้น แถมยังหล่อล่ำน่าจับปล้ำอีกต่างหาก นี่ถ้าฉันไม่รู้จักแก ฉันคงคิดไปแล้วว่าแกกำลังตั้งใจจะควงผู้ชายทีเดียวสองคน”
“จะบ้าเหรอ ฉันกับอาหมอไม่ได้รักกันจริง ๆ สักหน่อย แล้วฉันก็ตั้งใจแล้วว่าจะคุยกับอาหมอให้รู้เรื่อง ฉันว่าจะขอให้อาหมอช่วยพูดกับคุณพ่อ ขอยกเลิกการหมั้นก่อนที่อะไรมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้”
“แล้วคุณพ่อจะยอมง่าย ๆ เหรอรินทร์”
“ไม่รู้สิ แต่ถ้าอาหมอยืนยันว่าจะยกเลิกการหมั้นหมาย คุณพ่อจะทำอะไรได้ล่ะ อาหมอน่ะเก่งอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยเลยนะ ถ้าขู่ไม่ต่อสัญญาหรือลาออก คุณพ่อจะต้องยอมทุกอย่างแน่ ๆ”
“หล่อด้วย เทพด้วย เดาว่าต้องเป็นพวกหมอสมองอะไรทำนองนั้นแน่ ๆ เลย”
“แกเดาผิดแล้วละ อาหมอเป็นกุมารแพทย์ เก่งเรื่องรักษาโรคหัวใจกับหลอดเลือดในเด็กต่างหาก”
“มิน่าล่ะ เลี้ยงต้อยเก่ง”
“ไอ้ลูกปลา!” เอรินทร์ตะโกนเรียกเพื่อนเสียงดัง ทว่ายังไม่ทันจะได้ไล่กวดเอาเรื่อง เธอก็ทรุดตัวลงนั่งหน้าคาเฟ่และโก่งคออาเจียนอาหารที่กินไปเมื่อกลางวันจนหมดไส้หมดหมดพุง
สภาพทุเรศแบบนี้ขับรถกลับบ้านไม่ได้แน่!
