ตอนที่ 4 The Rose in the Rain
แว่วเสียงสายฝนบางเบา
“อย่า...!”
ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นบนเตียง แต่ความเจ็บแปลบเหนือทรวงอกทำให้ฉันเจ็บจี๊ดจนต้องเคลื่อนมือกุม
“อ...อ๊ะ...!!”
ยังเจ็บแปลบและร้อนราวกับถูกไฟจี้ คงจะเป็นรอยคมเขี้ยว...
มือฉันที่กุมเหนือหัวใจหอบโยนจนสะท้านผละออก
ปรากฏรอยสีเรื่อแดงราวกลีบกุหลาบเหนือผิวส่วนนั้น รอยแดงสองจุดเหนือหัวใจตัวเองที่เปิดโล่ง กระดุมหลุดแทบขาดสะบั้นจากมือใหญ่ พลันความร้อนแล่นวูบไปทั้งร่าง
อึก...!
อากิฮิสะเป็นแวมไพร์ และเขาดื่มเลือดฉันจริงๆ...!
นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นเหมือนสมัยเด็กๆ สักนิด...!
แต่อากิฮิสะเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ !
ขณะหายใจแรงจนร่างหอบโยนด้วยความตระหนกตกใจปลายสายตาสะดุดเห็นนอกหน้าต่างบานใหญ่ สวนกุหลาบใต้ท้องฟ้ามืดกำลังล้อเล่นกับสายลมและแสงจันทร์สว่าง
นี่แสดงว่าฉันอยู่ในห้องนอนของอากิฮิสะ...!
“ตื่นแล้ว”
สะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเดินออกมาจากประตูบานหนึ่งในห้องเดียวกัน เส้นผมเปียกหมาดและเสื้อที่ยังไม่ได้กลัดกระดุมทำให้ฉันรู้ว่าอากิฮิสะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ร่างที่โทนแน่นและกำยำทำให้ฉันเข้าใจในทันทีว่าวินาทีนั้นที่ฉันถูกดื่มเลือดทำไมฉันถึงไม่อาจดิ้น ผลักหรือขัดขืนอย่างไรอีกร่างก็ไม่ระแคะระคายด้วยซ้ำ
“หิวหรือเปล่า”
แวมไพร์กำลังพูดกับฉันจริงๆ ! ให้ตายสิ!!
ฉันคว้าสาบเสื้อที่แยกจากกันเป็นสองฟากมายึดปิดร่าง ถอยกรูดไปบนเตียง คว้าผ้าห่มมาบังหน้าลำตัวอีกชั้น
“อย่าเข้ามานะ!”
ทำไมฉันต้องมาอยู่ในสภาพนี้ ถูกกัดและยังเสื้อเกือบขาดอีกด้วย..!
ใบหน้าคมคายที่ดูตอนนี้ไม่เหมือนสมัยเด็กอีกแล้วมองฉันนิ่งๆ “อย่ากลัวไปเลย”
“ทำไมจะไม่เล่า!”
ทำไมต้องทำกันอย่างร้ายกาจขนาดนี้ด้วย!
ต่อให้เกิดมาเป็นหญิงแกร่งหรือแรงแค่ไหนแต่นี่ฉันกำลังเผชิญหน้ากับแวมไพร์ แวมไพร์เป็นปีศาจ และเป็นปีศาจที่ปลดกระดุมเสื้อฉันอย่างร้ายกาจ ซึ่งนั่นมันแย่กว่าคมเขี้ยวร้อยเท่าเสียอีก!
“อย่านะ! ไปให้พ้น!!”
ฉันทิ้งตัวลงกับเตียง คว้าผ้าห่มมาคลุมหัว สั่นไปทั้งตัวเมื่อปีศาจตัวนี้ไล่ไม่ไปหนำซ้ำยังเดินเข้ามาใกล้แล้วเคลื่อนมือมาหาฉันอีก...!
“อย่ามายุ่งกับฉัน!”
“มองฉัน” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบ ฟังเหมือนเอ่ยสั่ง
“ไม่! ออกไปนะ อย่ามาแตะต้องตัวฉัน อ...อ๊ะ...!”
รู้ตัวอีกทีฉันกลับถูกพลิกร่างหงายมาเผชิญหน้ากับเขาที่อยู่ใกล้จนเหมือนจะคร่อมร่างฉันอยู่แล้ว ดวงตาสีเข้มจ้องมองฉัน
“เป็นเหยื่อที่ว่าง่ายจะดีกว่า อายามิ”
“เหยื่อ อ๊ะ...!”
สะดุ้งเฮือกและกัดริมฝีปากแน่นเมื่อมือร้อนเคลื่อนมากดแผ่วเหนือหัวใจว่างเปล่าของฉัน ก็เขาเล่นตรึงมือฉันทั้งที่เมื่อกี้ฉันคว้าเสื้อปิดร่างตัวเองอยู่นี่
“อ...อื้อ...อากิฮิสะ...!”
“ทั้งที่คิดว่าถ้าจะดื่มเลือดใครสักคน คนนั้นจะต้องไม่ใช่อายามิ” ข้อนิ้วของมือใหญ่เคลื่อนไล้ผ่านรอยคมเขี้ยวเหนือหัวใจของฉันแผ่วเบา ทำให้ฉันสั่นสะท้านไปหมดเหมือนถูกเหล็กร้อนนาบอีกครั้ง
อึก...
“แต่ก็ทำไปจนได้”
อะไรของเขา ไม่เห็นจะเข้าใจเลย แล้วก็หยุดจ้องฉันเสียที ทำไมตอนนี้มือทั้งสองข้างของเขาต้องรั้งไหล่เปลือยเปล่าของฉันไว้ด้วย!
“ยะ...อย่ามาแตะต้องฉัน...!”
“นิ่ง จะดูแผลให้”
“ไม่เอา อย่ามายุ่ง!”
เขายังล็อคต้นแขนสองข้างของฉันไว้ด้วยมือสองข้างของเขา “บอกว่าอย่าดิ้น”
“จ...จะทำอะไร...”
แล้วทำไมใบหน้าของเขาต้องโน้มลงมาด้วย ใกล้จนผิวสีขาวของฉันสัมผัสถึงลมหายใจผะผ่าวทิ่รินรด
“อ...อ๊ะ...!”
สะท้านเมื่อริมฝีปากร้อนกดจูบรอยคมเขี้ยวเหนือร่างฉัน ฉันเผลอจิกเล็บบนอกแกร่งที่กดแนบลงมา แต่มันไม่ได้เจ็บ ตอนแรกฉันนึกว่าเขาจะฝังคมเขี้ยวลงมาซ้ำเสียอีก
“นาย...!”
“รู้สึกดีขึ้นหรือเปล่า”
“...!”
“ไม่ได้เจ็บมากขนาดนั้นแต่แรกไม่ใช่หรือไง” เสียงทุ้มเอ่ยถามขณะผละริมฝีปากชั่วครู่หากแต่ยังลอยชิด “และที่จริง คมเขี้ยวแวมไพร์มอบความรู้สึกที่ดี”
ความรู้สึกที่ดี... คมเขี้ยวเนี่ยนะ
“ลองอีกสักครั้งไหม”
“ย...อย่ามาแตะต้องฉัน!”
ฉันดิ้น พยายามผลักเขาออกไป แต่ร่างแข็งแรงก็ยังพันธนาการฉันไว้อยู่ดี
“ตอบมา เจ็บหรือเปล่า” ดวงตาสีเข้มนั้นจริงจัง และเหมือนจะไม่ยอมปล่อยหากฉันไม่ตอบหรือไม่เลิกดิ้น
“ไม่” เลยต้องตอบไป
มันเป็นความจริง ทั้งที่ไม่เห็นจำเป็นต้องตอบแวมไพร์อย่างเขาเลยสักนิด ให้ตายเหอะ
“คมเขี้ยวของแวมไพร์ให้ความรู้สึกดีกับเรือนร่างมนุษย์ เพราะงั้นมนุษย์ถึงยอมเป็นเหยื่อแวมไพร์”
“ไม่มีทาง!”
ถ้าหากคิดจะกล่อมเหยื่ออย่างฉันแน่นอนว่าคิดผิด! มันก็แค่การโกหกและล่อลวงของพวกปีศาจเท่านั้น นึกเหรอว่าเรื่องแค่นี้ฉันจะไม่รู้!
“มันไม่ดีหรอกหรือที่ในเมื่อตกเป็นเหยื่อแวมไพร์แล้วจะเลิกดิ้น และยอมให้คมเขี้ยวแทรกลงไปอย่างง่ายดาย”
“อ...อื้อ...!”
ตั้งตัวไม่ทันเมื่ออากิฮิสะกดจูบฉันอีกครั้งเหนือจุดเดิมที่อ่อนไหว ทาบทับริมฝีปากเหนือผิวที่ทั้งช้ำและสีเรื่อแดง
“อากิฮิสะ นาย...!!”