บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 นักศึกษาใหม่

วันต่อมา

ที่วิทยาลัย

“มาแล้วเหรออายามิ เนี่ยกำลังเซ็งสุดๆ พอดี ไม่รู้จะทำไงแล้ว บ้าชิบ!”

คาโอริเพื่อนสวยห้าวที่รหัสนักศึกษาต่อจากฉันกระชากเสียงอย่างฉุนเฉียว

“เกิดอะไรขึ้น” ฉันถาม

“วันนี้นาโอะกับยูยะขอเธอพรีเซ้นต์แทนมัน เห็นบอกว่าเหนื่อย เหอะ ก็กลับจากบาร์ตีสามแบบนั้นจะให้สดชื่นมั้ง ในโลกนี้ไม่มีผู้ชายดีๆ มั่งเลยหรือไง” คนหงุดหงิดตวัดน้ำเสียงด้วยความรำคาญ ฉันมักดูเยือกเย็นกว่าเธอที่เหวี่ยงวีน แต่เราคิดเหมือนกัน เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันที่มีกันอยู่สามคนในแก๊ง

เพื่อนฉันน้อย มีแค่สองคนเท่านั้น หนำซ้ำยังไม่ได้รู้สึกสนิทขนาดนั้นเสียอีก

“สองคนนั่นอยู่ไหน” ฉันถาม

“ในคาเฟ่บนดาดฟ้า”

ทันทีที่เดินไปขึ้นไปถึงดาดฟ้าชั้นสองของอาคาเรียนก็เห็นหน้าตาสไตล์เกาหลีของทั้งสองคนกำลังจ่ายเงินพนักงานแล้วนั่งลงจะดูดชาอึกแรกอย่างสบายอารมณ์

“เหนื่อย” เสียงเรียบของฉันรั้งให้สองคนนั่นชะงักกึก

“อือ ขอโทษนะอายามิ” สองหน้าหล่อส่งยิ้มเจื่อนตอบมา

“เหนื่อยมากก็ลาออกไปนอนขอเงินพ่อแม่กินไม่ดีเหรอ” คำพูดฉันทำเอาสองคนอ้าปากค้างไปชั่วขณะ

เอ่ยจบฉันคว้าแก้วชาไปจากหน้าเกาหลีทั้งสอง

“เฮ้อายามิ จะเอาชาพวกเราไปไหน!”

“ค่ากินแรงเพื่อน” ฉันตอบ “ถ้ายังไม่ทำตัวเป็นลูกผู้ชายฉันจะให้คาโอริรายงานอาจารย์ เตรียมตัวติดเอฟได้”

ตัวป่วนร้องเสียงโหยหวน

“เท่จัง” หากแต่พวกผู้ชายแถวนั้นชมฉัน “ดีมากอายามิ สั่งสอนเจ้าสองคนนั่นเลย”

แว่วเสียงจิกกัดลับหลังของกลุ่มผู้หญิงในร้าน กลุ่มที่ไม่ชอบฉันเท่าไหร่ “เรียกร้องความสนใจจากหนุ่มๆ มากกว่าละมั้ง

“พวกเธอว่าไงนะ ลองพูดอีกทีสิ!” คาโอริเงื้อมือจะเดินไปตบผู้หญิงปากร้าย ทว่าโดยไม่เสียแรงแม้แต่หันหลังฉันยกมือห้ามคาโอริ

คนเรียกร้องความสนใจสำหรับฉันคือคนที่คอยแต่ว่าคนอื่นมากกว่า เพราะงั้นจะแคร์ทำไม

อีกอย่างในโลกโซเชียลแม้แต่คนวิทยาลัยเดียวกันยังเม้าท์ว่าฉันมันเป็นจอมหยิ่งและแรง ข่าวลือเสียๆ ก็มากซึ่งฉันก็แก้บ้างไม่แก้บ้าง ไม่เก็บให้รกสมอง ฟิวส์ขาดก็ฟาดกับพวกขี้อิจฉาปากเสียให้หลาบจำบ้าง แต่ส่วนใหญ่ไม่แคร์อะไรทั้งนั้น

“ให้” หลังเดินออกร้านฉันยื่นแก้วชาที่ริบมาได้ให้คาโอริกับมาริ เราเป็นแค่ผู้หญิงสามคนที่ทำงานกลุ่มนี้ รวมกับสองคนนั่นเป็นห้าคน

“เห ทำไมให้เราล่ะอายามิ ยึดมาได้ไม่กินเองเหรอ”

“เห็นฉันเป็นยากุซ่า” ฉันอยากยึดมาซะที่ไหน “หรือไม่เอา”

“เอาสิ” คาโอริรีบคว้าแก้ว มาริก็เหมือนกัน “ว่าแต่อายามิเพื่อนเรานี่ร้ายนะ เท่ด้วย ไม่แปลกเลยที่มีผู้ชายมาจีบเยอะสุดในมหาลัย”

“ไม่เท่” ฉันปฏิเสธ

เท่ตรงไหน

ทันใดนั้นแว่วเสียงฮือฮาห่างออกไปหนึ่งช่วงตึก

“เห แล้วนั่นเสียงผู้หญิงฮือฮาอะไร” มาริชะเง้อมองตามต้นเสียงซึ่งอยู่ต่ำลงไปยังตึกชั้นล่างตรงกับตำแหน่งที่เรายืนพอดี “เห็นละ มีนักศึกษาใหม่เข้ามาเรียน แล้วบังเอิญว่าหล่อมาก!”

“หล่อที่สุดต่างหาก” คาโอริเสริม “ดูจากไกลๆ ยังเห็นเลยว่าเด่นสุดในย่าน”

แต่ฉันไม่ได้สนใจ กำลังหยิบนาฬิกาในมือถือขึ้นดู คลาสจะเริ่มในอีกเจ็ดนาที

“ฉันได้ยินจากพวกผู้หญิงข้างล่างบอกว่าเขาชื่ออากิฮิสะ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งจากกลุ่มข้างๆ พูดขึ้น

อากิฮิสะ

ฉันหันลงไปมองตามเสียงฮือฮานั้น นิ่งอึ้งชั่วขณะเมื่อเห็นอากิฮิสะ เพื่อนจากวัยเด็กของฉันที่เวลานี้สูงใหญ่

ร่างสง่าผ่าเผยที่น่าจะสูงเกินร้อยแปดสิบห้าเซ็นต์นั้นอยู่ในชุดนักศึกษาสถาบันเดียวกับฉัน และวินาทีนี้กำลังเป็นจุดสนใจ มีผู้หญิงหลายคนเข้าไปทักทายอยากทำความรู้จักราวกับคนดัง

“เด่นเหมือนดารามาเองเลย ติดแต่ว่าไม่รอยยิ้มบนเบ้าหน้าคมเข้มนั่นสักนิด”

“อาจเป็นพวกที่หล่อมาแล้วหยิ่งก็ได้” เสียงผู้หญิงจากกลุ่มข้างๆ ออกความเห็น

“ชื่อเต็มคือฮิโรอากิ อากิฮิสะ เป็นชื่อที่น่าฟังจังเลยว่าไหม เป็นรุ่นพี่ปีสี่ ย้ายมาจากมิซากิ”

รุ่นพี่

ทั้งที่เคยนึกว่าฉันกับเขาอายุเท่ากัน สมัยเด็กเขาสูงกว่าฉันนิดเดียวเท่านั้น

“รุ่นพี่เขาฮอตตั้งแต่อยู่เมืองมิซากิแล้ว ฉันฟอลเพจผู้ชายมหาลัยญี่ปุ่นหน้าตาดีอยู่ รูปรุ่นพี่แนวแอบถ่ายถูกโพสต์ขึ้นมาประจำ แต่ตัวจริงที่เห็นวันนี้หล่อกว่าในรูปแบบเทียบกันไม่ติดเลย”

ร่างที่ยืดสูงขึ้น ความเงียบขรึมต่างจากวัยเด็ก สายตาของคนอื่นที่ห้อมล้อมทั้งที่แต่ก่อนเขาอยู่คนเดียวเสมอเมื่อฉันพบเขา อีกทั้งข่าวกับเกี่ยวกับเขาที่ฉันไม่เคยได้ยินตั้งแต่เจ้าตัวย้ายออกไป

บางทีอากิฮิสะอาจไม่ใช่เพื่อนคนเดิมที่ฉันรู้จักอีกต่อไปแล้วก็ได้ ในเมื่อเวลาผ่านไปขนาดนั้น

เมื่อคืนที่พบกันโดยบังเอิญฉันกับเขาทักทายแล้วไถ่ถามกันสองสามประโยคก่อนจะแยกย้ายกัน อากิฮิสะดูไม่ใช่คนพูดมาก ฉันก็เหมือนกัน

ในวัยแบบนี้ที่มีคนล้อมหน้าล้อมหลังอากิฮิสะอาจไม่ใช่คนเด็กขี้เหงาคนเดิมที่เป็นเพื่อนสนิทของฉันอีกแล้วก็ได้

การพรีเซ้นต์ช่วงเช้าผ่านไปด้วยดี

นาโอะกับยูยะยอมมาพรีเซ้นต์ในวินาทีสุดท้าย ถึงพลาดบ้างเพราะไม่ได้ซ้อมก็ยังดีที่คนเรารับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง

อากาศเย็น...ได้กลิ่นละอองฝนที่ตกโปรยปรายเมื่อฉันเข้าเรียนในคลาสแรกของภาคบ่าย

วิชานี้ไม่ค่อยมีนักศึกษาลงทะเบียนเรียน แต่ฉันชอบวิชานี้

ภายในห้องที่ยังไม่ได้เปิดไฟว่างเปล่าเมื่อฉันเดินเข้าไป เงียบจนได้ยินเสียงฝีเท้าตัวเอง หากแต่ทั้งที่คิดว่าตัวเองมาเป็นคนแรกกลับไม่ใช่

นิ่งไปชั่วขณะเมื่อเห็นอากิฮิสะอยู่ที่นั่น ร่างที่สูงเด่นกว่านักศึกษาชายทั่วไปนั่งพิงพนักเก้าอี้ริมหน้าต่างที่แดดสีขาวใต้เมฆเทาบางสาดลงมา ดวงตาคมคายปิดอยู่

เขาหลับมั้ง

ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ควรปลุก

อีกอย่างไม่พบกันนาน เป็นผู้ใหญ่กันแล้วคงไม่ได้สนิทหรือเล่นโยกหัวกันเหมือนสมัยเด็กอยู่แล้ว ไม่รู้จะคุยอะไรด้วยซ้ำ

ฉันนั่งลงบนเก้าอี้อีกฟากของห้องไกลจากที่เขานั่งหลับอยู่ นึกถึงว่าเขาอาจเหนื่อยกับการพบเพื่อนใหม่เต็มไปหมด หากทว่าทันทีที่นั่งลงกลับเห็นว่าสมุดของเขาตกอยู่บนพื้น เลยลุกขึ้นหยิบและวางคืนบนโต๊ะให้

มือของอากิฮิสะใหญ่แบบชายหนุ่มที่แข็งแรง ลำคอและลูกกระเดือกใหญ่โตด้วยฮอร์โมนเพศชาย ไหล่กว้าง เขาไม่ใช่เด็กอีกแล้ว

สมัยเด็กจำได้ว่าตัวเองมักเดินไปหาอากิฮิสะเหมือนเมื่อครู่นี้ วิ่งด้วยซ้ำ หรือบางทีอาจเห็นอากิฮิสะที่มาหาฉันถึงบ้าน แล้วพวกเราจะเล่นกันอย่างสนุกสนาน หากบางทีไม่ได้เล่นก็จะแค่อยู่เฉยๆ ด้วยกัน

เหมือนกับว่าแค่มีเพื่อนก็พอแล้ว

วินาทีนั้นดวงตาคมเปิดขึ้นเมื่อหนังสือถูกวางลงบนโต๊ะ จ้องมองมาที่ฉันด้วยนัยน์ตาสีท้องฟ้าฤดูหนาว

และเหมือนกำลังจะเอ่ยบางอย่าง

“อย่าบอกนะว่ารุ่นพี่อากิฮิสะลงเรียนคลาสนี้”

หากแต่เสียงพวกผู้หญิงที่เดินเข้ามาดังขึ้นอย่างร่าเริงเสียก่อนพร้อมกับไฟในห้องที่เปิดขึ้น ทำให้คำพูดนั้นขาดไป

“แบบนี้เวลามาเรียนคลาสนี้ก็จะรู้สึกสดชื่นแล้วสิ”

นักศึกษาหลายคนทยอยเดินเข้ามาในคลาส ฉันกลับไปนั่งที่

ตลอดวิชาอากิฮิสะดึงดูดความสนใจของคนเรียนยิ่งกว่าอาจารย์ พวกผู้หญิงมองเขาเหมือนละสายตาไปไม่ได้ ทว่าร่างสูงที่จ้องมองอาจารย์เป็นส่วนใหญ่ดูจะเคยชินและไม่ใส่ใจกับสายตาเหล่านั้น เพียงฟังอาจารย์และนิ่งมองนอกหน้าต่างนานๆ ครั้ง

ฉันไม่รู้ว่าอากิฮิสะเติบโตขึ้นเป็นคนแบบไหน เวลานี้เขาดูเป็นผู้ชายประเภทที่ดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร

เมื่อเลิกคลาสมีแต่ผู้หญิงเข้าไปคุยกับอากิฮิสะ

“รุ่นพี่ถูกห้อมล้อมอีกแล้ว” คาโอริเปรย

“แต่ยังไงซะก็ดูเป็นชายที่เอื้อมไม่ถึงอยู่ดี” มาริพึมพำ ดวงตาเหม่อมองร่างสูงที่ถูกห้อมล้อม “ไม่รู้สิ ให้ความรู้สึกไกลเกินเอื้อมอย่างไรก็ไม่รู้”

ผู้หญิงบางคนเสนอให้ยืมเล็คเชอร์ เสนอสอนรายงาน หรือไม่ก็เป็นฝ่ายขอให้อากิฮิสะสอนวิชาต่างๆ ให้ในฐานะรุ่นพี่

ฉันนึกดีใจแทนอากิฮิสะ เขาคงไม่เหงาเหมือนสมัยเด็กอีกแล้ว

คืนแรกที่เราพบกันหลายปีก่อนฉันจำได้ว่าตัวเองถามเขาหลังจากเล่นกันได้พักหนึ่ง

‘ก่อนนั้นนายมาเดินคนเดียวตรงนี้ทำไม ไม่มีเพื่อนเล่นด้วยเหรอ’

‘อือ’

‘คนเดียวก็ไม่มี’

‘ไม่มี’

‘งั้นฉันก็เป็นเพื่อนคนแรกของนายนะสิ’

‘ใช่’ เขาพยักหน้า ‘เธอเป็นเพื่อนคนแรกของฉันอายามิ’

ดีทีเดียวที่วันเหงาๆ แบบนั้นสำหรับเขามันผ่านไปแล้ว ในวันนี้เห็นแล้วดูน่าจะเหนื่อยและรำคาญด้วยซ้ำที่ต้องเจอผู้คน เป็นฉันคงรู้สึกอย่างนั้นหากถูกห้อมล้อมตลอดเวลา

“ไปกันดีกว่า” ฉันเรียกคาโอริและมาริที่นั่งติดกัน ก่อนลุกเดินออกจากห้องในเมื่อคลาสจบลงแล้ว

หากแต่จู่ๆ มีกุหลาบสีแดงก้านยาวดอกหนึ่งยื่นมาใกล้จนแทบจะทิ่มตาของฉัน

“อะไร” ฉันยกมือกันดอกกุหลาบนั่น

“มีคนฝากมาให้เธอล่ะ” มิยูกิตอบคำถาม เธอเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง แต่เราไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันเพราะอยู่คนละคณะ

“ฝากคืนคนให้ด้วยละกัน” ฉันลดมือลง ไม่รับกุหลาบนั้น “บอกเขาด้วยว่าฉันขอบคุณและขอโทษ”

“อายามิละก็ คนเขาตั้งใจเอามาให้ ไม่ใช่ว่าเธอรับแล้วต้องเป็นแฟนเขานี่ ไม่กลัวเขาเสียใจหรือไง”

“เขาไม่เสียใจหรอก ลงทุนแค่นี้”

ฉันไม่ได้พูดถึงตัวเงินค่ากุหลาบ มันไม่สำคัญที่ราคา เพราะสิ่งสำคัญคือท่าที

“จะจีบผู้หญิงทั้งทีลงทุนมาเจอหน้ายังไม่ทำเลย”

เพราะฉะนั้นคนแบบนั้นคงไม่จริงจังอะไรกับฉัน ทั้งที่ความรักควรเป็นสิ่งที่ต้องทุ่มเทและจริงจัง

ถึงฉันจะไม่รู้จักความรักก็ตาม

“ใจร้ายชะมัดอายามินี่” มิยูกิยู่หน้า

ทว่าเธอเข้าใจฉัน ไม่เหมือนคนอื่นที่หาว่าฉันแรงและหยิ่ง ที่จริงการคืนสุภาพกว่าการรับของคนอื่นมาโดยไม่ได้ให้อะไรตอบแทนด้วยซ้ำ หรือเขาอาจแค่ขี้อาย

แต่ผู้ชายต้องกล้าหาญและพูดตรง จริงใจ จริงจัง ฉันคิดแบบนี้

“แต่กุหลาบสวยมากนะเนี่ย” คาโอริพึมพำเหมือนเสียดายแทนอีก “ก้านเดียวน่าจะหลายหมื่นเยนอยู่ หมอนั่นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามถือว่าทำการบ้านมาอย่างดีเพราะรู้ว่าอายามิชอบดอกกุหลาบ”

“เขาไม่ได้รู้คนเดียวหรอกน่า”

มาริเอ่ยขัด

“ผู้ชายทั้งวิทยาลัยรู้อยู่แล้วว่าอายามิชอบดอกกุหลาบ ก็อายามิเป็นผู้หญิงในฝันของพวกเขานี่ เพราะงั้นหมอนั่นไม่เห็นต้องใช้ความพยายามหาข้อมูลอะไรเลย ปีนี้อายามิก็ได้จากผู้ชายมาเกือบร้อยดอกแล้วด้วย”

“ศูนย์ดอกต่างหาก ก็อายามิคืนหมด หรือถ้าหาคนให้ไม่เจอก็ทิ้งหมดนี่” คาโอริหัวเราะ

“ไม่ตลกหรอก” ฉันเอ่ยเรียบ “ฉันรู้ว่าพวกเขาอาจจะรู้สึกไม่ดี”

แต่ช่างเหอะ

“ว่าแต่ทำไมเธอชอบดอกกุหลาบล่ะอายามิ” มิยูกิถาม

“มันสวยดี” ฉันตอบง่ายๆ หากแต่นั่นไม่ใช่คำโกหก และเป็นความจริงที่ไม่ต้องสรรหาคำไหนมาอธิบายมากกว่านี้

สวยมาก ฉันชอบดอกกุหลาบ

บางทีฉันอาจชอบกลีบสีแดงสง่างามเหล่านั้นเพราะมันทำให้ฉันได้พบกับเพื่อนที่ดีเมื่อหลายปีก่อน เพื่อนสมัยเด็กคนเดียวที่ฉันมี

ตั้งแต่เด็กฉันคิดว่าสวนกุหลาบของตระกูลอากิฮิสะสวยมาก และเมื่อเด็ดก้านที่เต็มไปด้วยหนามเหล่านั้นมาก็ไม่ร่วงโรยถึงแม้เวลาผ่านไปนับเดือน ฉันไม่เคยพบดอกกุหลาบที่สวยสง่างามและทนแบบนี้

ไม่เคยเจออีก

จนบางทีอดนึกไม่ได้ว่าที่จำได้แบบนั้นมันไม่ได้เกิดขึ้นจริงในอดีต หากแต่เป็นแค่ความฝัน

ห่างออกไปเสียงของผู้หญิงที่คุยกันเรื่องดอกกุหลาบทำให้อากิฮิสะละสายตาจากกลุ่มผู้หญิงตรงหน้า เสียงชวนคุยและซักถามเลือนหายเมื่อดวงตาสีเทาหม่นแกมฟ้าปรายมองอายามิ หญิงสาวที่ถึงแม้มีคนยื่นกุหลาบให้...ทว่ากลับไม่ได้รับไว้ในมือ

แว่วเสียงวัยเด็กของตัวเองในคืนที่แสงจันทร์ส่องสว่าง เสียงของเขาที่เอ่ยเรียกเด็กผู้หญิงคนนั้นออกไป

เพื่อนคนเดียวในวัยนั้นของเขา

‘มาเล่นด้วยกัน อายามิ’

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel