ตอนที่ 1 Night Memory
สายลม...
ความมืด...
ดวงจันทร์สว่างที่สาดแสงได้เปลี่ยนสีของโลกนี้ทำให้ราวกับเป็นอีกมิติ โลกแห่งเทพนิยายที่ไม่มีใครรู้จัก ดูลึกลับทว่าน่าค้นหาอย่างเข้าใจได้ยาก
ที่นี่คือละแวกบ้านของฉัน แว่วเสียงขาสั้นๆ ในวัยเด็กของตนเองเดินออกไปจนกระทั่งหยุดเมื่อสะดุดกลิ่นกุหลาบเจือจางในสายลม และเมื่อมองไปพลันเห็นสวนกุหลาบกว้างใหญ่ใต้แสงจันทร์เสี้ยว
กุหลาบงั้นหรือ...?
ทั้งที่ฉันหนีออกมาเล่นนอกบ้านในเวลากลางคืนเสมอแต่กลับไม่เคยเห็นสวนแห่งนี้
“นั่นใคร?” ร้องออกไปเมื่อสายตาสะดุดเงาตะคุ่มของร่างหนึ่งซึ่งเล็กไม่ต่างจากร่างของฉัน เขาเป็นเด็กชาย
ดวงตากลมโตของอีกฝ่ายครอบครองสีฟ้าอมเทาโดดเด่นอย่างประหลาดแม้ใต้แสงจันทร์ เส้นผมสีดำสนิทราวกับเที่ยงคืนล้อมกรอบใบหน้าคมเด่นนั้น
“อากิฮิสะ” เด็กชายตอบ “แล้วเธอชื่ออะไร?”
“อายามิ”
“อายามิ” เจ้าของดวงตาล้ำลึกทวนชื่อขณะจ้องมองฉัน
“นายเพิ่งย้ายมาอยู่?” สมัยนั้นบ้านในละแวกนี้ตั้งอยู่ห่างกัน คั่นด้วยสนามหญ้าและที่เปล่าว่าง
“อือ”
ใบหน้าเด็กชายเพยิดไปทางบ้านหลังใหญ่ปลายสวนกุหลาบซึ่งตั้งสงบห่างออกไป บ้านที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ราวกับทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นในคืนนั้น
“ไม่กลัวความมืดเหรอถึงออกมาวิ่งเล่น?” ดวงตานั้นจ้องมองกลับมาด้วยความสงสัย
“ไม่ แล้วนาย?”
“ไม่” อีกฝ่ายตอบอย่างเดียวกัน ก่อนยกยิ้ม...ยิ้มซึ่งบางเหมือนเสี้ยวแสงจันทร์ “งั้น มาเล่นด้วยกัน”
“อื้อ”
คืนนั้นเราเล่นซ่อนหา วิ่งไล่จับ กลางคืนใต้แสงจันทร์ราวกับสวนสนุกอันกว้างใหญ่ของอากิฮิสะกับฉัน
คืนแล้วคืนเล่าเป็นเช่นนั้น
“อ๊ะ หือ?” ฉันมองนิ้วป้อมประดับหยาดเลือดของตัวเองด้วยความสงสัย เมื่อกี้วิ่งเร็วไปหน่อยจึงเฉี่ยวโดนพุ่มกุหลาบเข้า
“เจ็บ?” เพื่อนผู้ที่ไม่ใช่เพื่อนใหม่อีกต่อไปเอ่ยถาม
“เฉยๆ”
ฉันไม่ได้กลัวบาดแผลหรือเลือดขนาดนั้น อีกอย่างมันก็แค่หนามกุหลาบเล็กน้อย
อากิฮิสะเคลื่อนมือคว้าข้อมือของฉัน รั้งสูงขึ้น
ก่อนที่ริมฝีปากของอากิฮิสะจะเคลื่อนมาทาบทับเหนือบาดแผลนั้น
ความเจ็บปวดมลายหายไปแล้วเมื่อเรียวนิ้วของฉันถูกรั้งเข้าลึกในริมฝีปากนั้น อากิฮิสะอมนิ้วให้ฉัน
ลิ้นอุ่นชื้นสัมผัสฉันอย่างแผ่วเบาจากภายใน
“หวาน...” เขาเอ่ยคราง
สายลมพัดกลีบกุหลาบปลิดปลิว
แล้วเวลาผ่านไป...
ผ่านไปหลายปีทีเดียว
แสงแดดอ่อนจากม่านสีขาวปลุกฉันตื่นขึ้นในห้องนอนของตัวเอง เสียงปลุกจากโทรศัพท์ค่อยดังตามมา
ฝันถึงเรื่องสมัยเด็กอีกแล้วทั้งที่ผ่านไปหลายปี ...
หลังจากเล่นกันอยู่เกือบปีอากิฮิสะก็ย้ายออกไปจากบ้านหลังนั้น ฉันไม่ได้พบอากิฮิสะอีก
อากิฮิสะเป็นหนึ่งในเพื่อนน้อยคนของฉัน เช่นเดียวกับที่ฉันเป็นเพื่อนคนเดียวของเขา เขาเคยบอกอย่างนั้น
หลังจากเขาย้ายออกไปฉันมีเพื่อนใหม่เหมือนเด็กทั่วๆ ไป แต่ไม่ได้เล่นแล้วรู้สึกสนิทหรือสนุกเหมือนเล่นกับอากิฮิสะ
สิบสามปีแล้วมั้งที่เขาย้ายออกไป
กลางวันผ่านเลยอย่างรวดเร็ว ฉันกลับจากเรียนที่วิทยาลัย
กลางคืนมาทักทายอีกที
แสงจันทร์ส่องสว่าง ภายหลังอาบน้ำเสร็จฉันเดินออกจากบ้าน บนร่างสวมชุดสายเดี่ยวสีขาวที่ใส่แจ็คเก็ตคลุมเสียหน่อยก็ใส่เที่ยวได้ดีพอๆ กับใส่นอน สมัยเด็กชอบออกมาเดินแบบนี้ ตอนนี้ก็ยังชอบทำเหมือนเดิมอยู่ บางทีอาจเพราะอากาศเย็นไร้แดดให้ความรู้สึกดีกว่า
อีกทั้งถนนเส้นเล็กที่คนบางตาเทียบกับเวลาที่แสงแดดเจิดจ้า...
การเดินเล่นทำให้ได้ทำนองเพลงดีๆ ฉันชอบแต่งเพลง ไม่ได้ถึงขั้นมืออาชีพ หากแค่แต่งสนุกๆ เท่านั้น ได้ยินว่าการเดินทำให้สมองแล่น เบโธเฟนนักแต่งเพลงเมื่อหลายศตวรรษก่อนเองก็เดินแต่งเพลงแบบนี้
สมัยก่อนละแวกบ้านเป็นสนามหญ้าและที่ว่าง หากแต่ตอนนี้ประดับด้วยบ้านและแฟลตเรียงกันเหมือนย่านนอกเมืองโตเกียวทั่วไป
กระพริบตาเมื่อสายลมพัดผ่าน พากลิ่นกุหลาบลอยล่องมา
ดอกกุหลาบในที่แบบนี้งั้นหรือ...?
ฝีเท้าที่เดินตามกลิ่นหอมมาพาฉันหยุดยืนริมสวนกุหลาบใต้แสงจันทร์
แปลก...
เมื่อคืนยังไม่มีเลยนี่ ช่างเหมือนกับหลายปีก่อนนั้น สวนกุหลาบที่อากิฮิสะบอกว่าตระกูลของเขาเป็นเจ้าของและมักดูงดงามเป็นพิเศษภายใต้แสงจันทร์
แต่ทำไมจู่ๆ ถึงมีสวนกุหลาบนี้ขึ้นมา...?
สายตาฉันหยุดนิ่งเมื่อมองไป มีชายคนหนึ่งยืนอยู่ริมสวนกุหลาบนั้น ครอบครองร่างสูงหล่อเหลาและโครงหน้าที่คมคาย
รูปร่างแบบนั้น หน้าตาแบบนั้น...ถึงแม้อาบด้วยความมืดที่มีเพียงแสงจันทร์และไฟถนนห่างๆ ก็ยังจำได้
“อากิฮิสะ?” ฉันเอ่ยทัก
ก็ไม่ค่อยแน่ใจ
อาจไม่ใช่ ในเมื่อโลกนี้มีคนเป็นพันล้าน
ร่างสูงหันมา
ใบหน้านั้นดูคุ้นเคยหากแต่คมคายขึ้น หาได้ดูเล็กป้อมเช่นเดิมหากแต่เรียวและคมเข้ม ขาไม่ได้สั้นเหมือนก่อนหากแต่สูงใหญ่ ผิวขาว ริมฝีปากบางได้รูป เบ้าหน้าดูละมุนหากแต่ดวงตากระด้างแข็งอันเป็นธรรมดาของชายหนุ่มโตเกียวหน้าตาดีราวกับไอดอลที่โดดเด่นจนผู้หญิงเกือบทุกคนต้องหยุดมอง
คงเป็นอากิฮิสะ
แต่เขาอาจจำฉันไม่ได้
ดวงตาคมคายนิ่งมองกลับมาที่ฉัน ก่อนเอ่ยเสียงทุ้มลึก
“อายามิ”
เขาจำฉันได้...?
ทั้งที่เวลาผ่านไปนานแล้ว
พลันสัมผัสความเจ็บแปลบที่ข้อมือ
“หือ...?”
ครางในลำคอเมื่อจู่ๆ ขณะที่คิดจะยกมือขึ้นทักเบาๆ หนามกุหลาบบาดฉัน ที่จริงปกติไม่ค่อยทักใคร สมัยเด็กเพื่อนน้อยแบบไหนวันนี้ก็แบบนั้น
เลือดหนึ่งหยดก่อตัวเหนือรอยเกี่ยวสีชมพูเหนือข้อมือ
“เจ็บ?” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ทำให้อดีตที่เหมือนช็อตเดิมของหนังย้อนกลับมาอีกครั้ง
“ไม่”
ร่างสูงเดินตรงมาหยุดต่อหน้าฉัน สัมผัสถึงไอร้อนจากร่างสูงทั้งที่ไม่ได้อยู่ใกล้กันขนาดนั้น
ก่อนที่มือใหญ่จะเคลื่อนจับข้อมือฉันแล้วยกขึ้น ใบหน้าที่เปลี่ยนไปจนไม่คุ้นก้มลงเล็กน้อยเพื่อดูดแผลให้ฉัน
ริมฝีปากที่ทาบทับ แรงดึงที่ทำให้เจ็บแปลบกว่าเดิมเสี้ยววินาที...
เหมือนเรายังเด็ก ไม่ได้โตขึ้นเลย ฉันรู้สึกแบบนั้น
รอยสีแดงเรื่อปรากฏบนข้อมือด้านในของฉันเมื่อริมฝีปากของร่างสูงผละออกและเอ่ยบอกฉัน
“อายามิ ในที่สุดก็เจอกันอีกจนได้”