บท
ตั้งค่า

สถานีที่เจ็ด...รองประธานโมนา (1)

สถานีที่เจ็ด...รองประธานโมนา (1)

วันถัดไป

ONGSA’ S PART ;

อากาศประเทศไทยเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน อุณหภูมิก็เพิ่มขึ้นหลายองศาจนทำให้ไม่อยากขยับตัวไปไหนนอกจากห้องแอร์เย็น ๆ หากแต่ว่า ณ เวลานี้ฝนกลับตกหนักตามการคาดคะเนของพยากรณ์อากาศ ที่แจ้งว่าจะมีพายุฤดูร้อนพัดเข้ามาในช่วงอาทิตย์นี้

ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะใต้ตึกคณะแพทย์ หลังจากที่เลิกเรียนก็ตั้งใจว่าจะกลับบ้านไปพักผ่อนเพราะเหนื่อยล้าจากเนื้อหาที่เรียน แต่ด้วยสภาพอากาศที่พลิกตลบจากแดดร้อนแรงกลายมาเป็นสายฝนเทกระหน่ำ เลยทำให้ผมทำได้เพียงนั่งรอเท่านั้น

ติ๊ง!

ติ๊ง!

เสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันข้อความดังขึ้นพร้อมกับแรงสั่นครืด ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาดูก็พบว่ามันเป็นข้อความที่มาจากกลุ่มค่ายอาสาของชมรมที่ผมเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิก

MESSAGE - ชมรมใจอาสา (45)

MONA : ขอโทษที่ให้รอนะทุกคน ตอนนี้เราติดฝนอยู่ที่ตึก K อ่า ไม่มีร่มติดตัวมาด้วย TWT

JJ : นานมากไหม พอดีเรามีธุรต่ออะ

Goy : ใช่ ๆ อีกครึ่งชั่วโมงเราก็มีเรียนด้วยอะ ถ้านานกว่านี้คงรอไม่ได้แล้ว

ผมนั่งอ่านตัวอักษรที่อยู่บนจอโทรศัพท์ด้วยความเรียบนิ่ง จับใจความกับตัวเองก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ทางชมรมนัดประชุมสำหรับการเข้าค่ายอาสาฤดูร้อนที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่คิดจะไปค่ายนั้นอีกแล้ว มันเลยทำให้ผมยังคงนั่งอยู่ในที่แห่งนี้อยู่ยังไงล่ะ

ความเป็นจริงแล้วผมถูกไอ้ติณณ์มันบังคับให้มาลงชื่อกับชมรมนี้ตั้งแต่ปีหนึ่งนั่นแหละ ไอ้เมฆก็ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันกับผมเหมือนกัน เหมือนว่าไอ้ติณณ์มันมีความจำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลเกี่ยวกับค่ายอาสา มันเลยลากพวกผมสองคนมาลงชื่อด้วยนี่แหละ

หลังจากที่เข้าค่ายเมื่อสองปีก่อนก็ทำให้ผมไม่คิดจะไปอีกเลย ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบความลำบากหรือเรื่องมากอะไรหรอกนะ ผมแค่ไม่ค่อยชอบเข้าสังคมกับใครน่ะ ไอ้เรื่องการช่วยเหลือสอนหนังสือ หรือดูแลในฝ่ายพยาบาลผมไม่ได้มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ผมแค่ไม่ชอบใช้ชีวิตอยู่กับใคร เวลานอนก็ต้องนอนร่วมกับคนอื่น เรื่องนี้แหละที่ทำให้ผมเลือกที่จะปลีกตัวออกจากชมรมนั้นไปตั้งแต่กลับค่ายปีหนึ่ง

ผมเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกงดังเดิม เพราะไม่คิดจะสนใจกับเนื้อหาข้อความในกลุ่มนั้นอยู่แล้ว หากแต่ว่าสายตากลับหันไปเห็นบุคคลที่มีชื่อในช่องแชตเมื่อครู่กำลังยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม

โมนา...

เธอกำลังเดินตากฝนอยู่บนฟุตพาทของตึกฝั่งตรงข้าม สภาพเนื้อตัวเปียกซกตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ทว่าสองขากลับก้าวฉับ ๆ ตรงดิ่งไปตามทางเดิน โดยไม่สนใจกับสายฝนเม็ดใหญ่ที่กำลังเทกระหน่ำมาเลยสักนิด

“ยัยบ้านี่” ผมขมวดคิ้วมองคนตัวเล็กด้วยความหงุดหงิดในใจ จำได้ว่าข้อความเมื่อครู่นี้เธอเพิ่งพิมพ์บอกกับคนในกลุ่มไปว่าหลบฝนอยู่ที่ตึกเคไม่ใช่หรอกหรือ แต่ตอนนี้กลับมาเดินฝ่าสายฝนไม่เกรงกลัวสิ่งใด

หากลองคิดคำนวณถึงระยะทางจากตึกเคมาถึงหน้าตึกคณะที่ผมอยู่แล้วก็เรียกได้ว่าไกลพอสมควร แล้วเส้นทางที่เธอกำลังเดินตรงปรี่ไปก็คือห้องชมรมที่ไกลถัดไปอีกหลายตึก แล้วจะไม่ให้ผมเรียกเธอว่ายัยบ้าได้ยังไงกัน

ไม่รอช้าผมลุกขึ้นในทันทีก่อนจะเดินฝ่าสายฝนวิ่งไปยังรถยนต์ของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกล หลังจากนั้นก็ขับไปประชิดเทียบข้างฟุตพาท พลางกดแตรเบา ๆ เพื่อเรียกให้โมนาหันมา

“เธอตากฝนทำไมวะเนี่ย เป็นบ้าไปแล้วหรือไง” ผมลดกระจกลงพร้อมกับเปล่งเสียงดังดุดันออกไปเมื่อคนตัวเล็กหันมอง

แววตาหวานหรี่ลงเล็กน้อยราวกับพยายามปรับโฟกัสของสายตา พลันเมื่อเธอมั่นใจว่าเป็นผม รอยยิ้มหวานจึงฉีกกว้างตามแบบฉบับที่เธอชอบทำ

“องศา วันนี้นายมีเรียนด้วยเหรอ”

“ขึ้นรถ จะยืนเย้ยฟ้าให้มันผ่าลงมากลางหัวหรือไง” ผมไม่ได้ตอบคำถามของเธอแต่กลับตะคอกออกไปเพื่อเป็นการออกคำสั่งให้ยัยนี่เลิกทำตัวบ้า ๆ สักที

เธอมองผมด้วยความตกใจเล็กน้อย แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็รีบเปิดประตูรถและขึ้นมานั่งประจำฝั่งข้างคนขับตามที่ผมสั่ง

มือเล็กปัดหยาดน้ำออกตามใบหน้าและลำตัว แต่ทว่าร่างกายกลับสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ เมื่อถูกลมแอร์เย็นฉ่ำจากคอนโซลรถปะทะเข้าเต็ม ๆ นั่นจึงทำให้ผมเคลื่อนมือไปเพิ่มอุณหภูมิพร้อมกับหันทิศทางของลมแอร์ให้เป่าไปทางอื่นแทน

“โชคดีจังที่เจอนายพอดี นายนี่เหมือนกับเป็นฮีโร่ของเราเลยนะองศา เวลามีปัญหาอะไรนายก็มัก...”

“แล้วตากฝนทำไม ไม่ใช่ว่าเธอจะเดินไปห้องชมรมจริง ๆ หรอกนะ” ผมถามทั้ง ๆ รู้คำตอบของเธอดี

“ก็ใช่น่ะสิ แต่เราไม่ได้อยากจะตากฝนให้ตัวเปียกสักหน่อย ใครมันจะไปคิดว่าฝนมันจะตกในฤดูร้อนแบบนี้”

“ก็มันเป็นพายุฤดูร้อน แล้วรถเธอล่ะ ไม่ได้เอามาเรียนหรือไง”

“ก็รถเรามันสตาร์ตไม่ติดตั้งแต่เมื่อวานแล้วอะ พรุ่งนี้นี่แหละว่าจะเรียกช่างมาดู ส่วนเพื่อนเราก็คงน่าจะรอที่ห้องชมรมแล้ว เพราะจริง ๆ เราไปเอาเอกสารของค่ายกับอาจารย์ที่ตึกเคมาน่ะ ถ้ารู้ว่าฝนจะตกแบบนี้น่าจะชวนกวินไปด้วยกันก็ดี ป่านนี้คงแว้นฝ่าฝนกลับไปทัน”

ผมถึงกับถอนหายใจยาวพรืดเมื่อคนข้างกายร่ายยาวถึงเหตุผล แต่ยังไงแล้วผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าวิธีการตากฝนของเธอมันจะเป็นสิ่งที่ควรทำ รออีกสักสิบยี่สิบนาทีให้ฝนเริ่มซาลงหน่อยก็ได้ แล้วดูสภาพเอาเถอะ เปียกซกหัวลีบหมดแล้ว

“องศา นายพอมีเสื้อคลุมให้เรายืมใส่ไหมอะ คือพอดีว่า...”

ผมหันไปตามเสียงของโมนาแต่ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีเป็นต้องบิดคอกลับมาพัลวัน

มือที่กำพวงมาลัยเปลี่ยนมาเป็นการลูบใบหน้าของตัวเองแทน ความหงุดหงิดโมโหตีพุ่งจนแทบปะทุ แต่สิ่งที่ควรทำนอกจากการดุด่าคนข้างกายก็คือการเอี้ยวตัวไปหยิบเสื้อคลุมที่อยู่เบาะด้านหลังแล้วโยนมาให้กับยัยบ้านี่

ชุดนักศึกษาสีขาวของเธอเปียกลู่ไปทุกส่วน ความบางของเนื้อผ้าแนบชิดกับผิวกาย ส่งผลให้บราเด่นหราแทรกผ่านผ้าบาง ๆ ที่ผมเห็นได้อย่างชัดเจน

ให้ตายเถอะ...ผมอยากจะจับยัยนี่มาเขย่าตัวเรียกสติสักทีสองที!

“เธอนี่มัน...! รู้ว่าเสื้อมันบางแล้วจะเดินตากฝนทำไมวะเนี่ย”

“นะ...นายหันไปสิ อย่ามองนะ!”

“รู้ไว้ด้วยว่าไม่อยากมองสักนิด! แม่ง...” คราวนี้ถึงกับหัวเสียจนเผลอสบถออกมาดัง ๆ

ผมไม่ได้รู้สึกพิศวาสอะไรหรอกนะ แต่เพียงแค่หงุดหงิดกับความคิดของคนข้างกายที่ไม่คิดหน้าคิดหลังถึงการกระทำของตัวเอง

หากคนที่เจอเธอคนแรกไม่ใช่ผมจะเป็นยังไง?

ยัยนี่จะเดินไปที่ห้องชมรมด้วยสภาพนี้งั้นสิ?

ถึงแม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยแต่ก็ไม่สามารถไว้ใจใครได้สักคน

“ใส่ดี ๆ รูดซิปปิดไปเลย!” ผมกดน้ำเสียงให้พยายามเป็นปกติ เวลาที่หงุดหงิดรู้ดีว่ายัยนี่มักจะตื่นตกใจอยู่ตลอด ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นเธอจะมักส่งยิ้มกว้าง ๆ กลับมาให้ก็ตาม แต่ผมเองก็ดูออกว่าเธอคงจะกลัวผมไม่น้อย

“เดี๋ยวนะ เราหาซิปไม่เจอ...อ๊ะ!”

“ยัยบ้า!” ผมจับมือเล็กที่กำลังสาละวนหาซิปจากเสื้อคลุมออกไปให้พ้นทาง หลังจากนั้นก็จัดการรูปซิปให้คลุมเรือนร่างของเธอไปจนถึงต้นคอ มองดูแล้วก็เหมือนว่าผมกำลังแต่งตัวให้กับตุ๊กตาไม่มีผิด

เพราะนอกจากจัดระเบียบของชุดคลุมให้เรียบร้อยแล้ว ผมก็ยังจัดแจงมือไม้ของเธอที่มันอยู่ในตำแหน่งเกะกะให้ประสานพับกันอยู่ที่หน้าตักอีกด้วย

“นั่งนิ่ง ๆ แบบนี้ไปจนกว่าจะถึงห้องชมรม เข้าใจไหม” ผมออกปากดุก่อนหันกลับมาสนใจกับการขับรถต่อ ตั้งใจว่าจะคุมสติตัวเองไม่ให้หงุดหงิดไปมากกว่าเดิม หากแต่เสียงเจื้อยแจ้วของยัยบ้าข้างกายกลับดังกระทบเข้ารูหูจนผมแทบจะยกมือขึ้นนวดขมับ

“ขอบคุณค่ะคุณองศา อยู่ในทุกปัญหาแบบนี้เราจะคิดแล้วนะว่านายคือคู่แท้ของเราจริง ๆ น่ะ!”

คำนั้นแหละที่เจ้าหล่อนพูด ชอบพูดทำนองว่าจีบผมตลอด ไม่รู้ว่าทำไปทำไมทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผมจะไม่พอใจทุกครั้ง อาจเป็นเพราะยัยนี่ชอบกวนประสาทผมละมั้ง ถึงได้ทำอะไรที่ผมมักจะปวดหัวทุกที!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel