Neighbor 09
ฉันเม้มริมฝีปากเอาไว้ด้วยความประหม่า แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อตั้งสติ แล้วค่อยๆ ขยับตัวพร้อมกับกะพริบตาปริบๆ ทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อไป ร่างสูงใหญ่เลิกคิ้วเข้มขึ้นเล็กน้อย และยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ จากนั้นเขาก็โน้มลงมาสบสายตากับฉันนิ่ง แสดงว่าพี่คินรู้จริงๆ สินะว่าฉันแกล้งหลับเนี่ย ให้ตายสิ!
“พี่คินมาอยู่นี่ได้ไงคะ”
”ก็เมื่อคืนใครทำอะไรพี่ไว้ล่ะ”
เสียงทุ้มเข้มที่ดังอยู่ใกล้ๆ ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อนที่ฉันจะบอกร่างสูงใหญ่ด้วยน้ำเสียงแหบพร่าแถมยังตะกุกตะกักอย่างเลิ่กลั่กอีกต่างหาก บ้าชะมัดเลย
”คะ... ใครทำอะไรคะ ขวัญไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“จำไม่ได้เลยเหรอ”
”จำไม่ได้ค่ะ”
ฉันตอบเสียงเบาอุบอิบ แล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง พร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบตรงอกข้างซ้ายของตัวเองเผื่อว่ามันจะเต้นช้าลงไปได้บ้าง แล้วทำไมพี่คินต้องยกยิ้มมุมปากเหมือนกำลังแกล้งฉันด้วยล่ะเนี่ย!
“งั้นพี่จะบอกให้ก็ได้”
ฉันได้ยินเสียงร่างสูงใหญ่ขยับเข้ามาใกล้ด้านหลังของฉันมากขึ้นเรื่อยๆ และฉันก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยพอแอบเหลือบไปมองก็เห็นว่าพี่คินยังคงนอนตะแคงมองฉันอยู่ ฉันนึกว่าเขาจะลุกออกจากเตียงนอนไปแล้วซะอีก แล้วทำไมฉันเผลอยิ้มออกมาอีกแล้วล่ะ!
”ขวัญเมา เห็นเรากำลังจะล้มพอดีพี่เลยอุ้มมาส่ง”
พี่คินอุ้มฉันมาส่งที่บ้านเนี่ยนะ?! บ้าชะมัดเลย ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังใบหน้าร้อนผ่าวไป พร้อมกับอาการประหม่าที่เพิ่มมากขึ้น แถมมือไม้ก็ไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหนอีกต่างหาก ฉันทำตัวไม่ถูกจนต้องเม้มริมฝีปากเอาไว้เบาๆ จากนั้นก็เอ่ยบอกเขาเสียงอ้อมแอ้มแทน
“ระ...เหรอคะ”
“อือ แล้วเราก็ไม่ยอมให้พี่กลับบ้าน”
”อะไรนะคะ!”
“ตกใจอะไร พี่ไม่ได้โกหกนะ ขวัญไม่ให้พี่กลับบ้านเอง”
ฉันดีดตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง แล้วหันไปมองร่างสูงใหญ่ที่กำลังยกยิ้มมุมปากส่งมาให้อย่างเจ้าเล่ห์ด้วยความตกใจทันที พี่คินยิ้มมุมปาก ขยับตัวมานั่งพิงหัวเตียงข้างๆ ฉันอย่างอารมณ์ดี ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองหรือเปล่าว่าวันนี้พี่คินดูอารมณ์ดีเกินไปหน่อยน่ะ แต่ตอนนี้ฉันทั้งตกใจ มึนงง และเขินปนกันไปหมดแล้วเนี่ย…
“พี่คิน... ไม่ได้แกล้งขวัญอยู่ใช่มั้ยคะ”
ฉันหันไปมองพี่คินแล้วถามออกไปเสียงเบาเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ถึงเวลาเมาฉันจะชอบอ่อยไปทั่วแบบที่พี่เจเคยบอก แต่ไม่เคยบ้าบอถึงขั้นมาลากใครขึ้นเตียงแบบนี้เลยนะ!
“พี่จะแกล้งเราทำไมล่ะ นี่ขวัญยังดึงเสื้อพี่ออกจนขาดหมดแล้วด้วย”
พี่คินเหลือบมองไปยังท่อนบนเปลือยเปล่าของเขาประกอบคำพูด แล้วหันมาส่งยิ้มล้อเลียนให้ฉัน ส่วนสายตาไม่รักดีของฉันก็เผลอไปมองตามซิกแพคแน่นๆ ของพี่คินจนถึงกับต้องแอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนที่ฉันจะกัดริมฝีปากล่างตัวเองไว้อย่างคิดไม่ตก แล้วฉันจะไปดึงเสื้อเขาจนมันขาดได้ยังไงเนี่ย แต่ว่าพี่คินงานดีจริงๆ ค่ะทุกคน!
“บ้าเหรอพี่คิน ขวัญจะไปดึงเสื้อพี่ทำไมล่ะ”
หมับ
”นี่ไงเสื้อพี่”
จู่ๆ พี่คินก็เอื้อมไปหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ตกอยู่บนพื้นข้างเตียงนอนขึ้นมา ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างของเขาจับมันกางออกจนเห็นกระดุมเสื้อที่หลุดหายไปหลายเม็ด แถมยังมีรอยยับยู่ยี่และรอยฉีกขาดเล็กน้อยอีกต่างหาก ให้ตายสิ อย่าบอกนะว่าฉันทำอะไรบ้าๆ อย่างที่พี่คินบอกจริงๆ น่ะ?! โอ๊ย... บ้าจริง!
“คะ... คือขวัญ”
“ที่ตัวพี่ยังมีรอยเล็บขวัญที่ข่วนด้วยนะ”
ฉันรู้สึกคอแห้งผากเพราะรู้สึกพูดอะไรไม่ออก และอยากจะทึ้งหัวของตัวเองสักทีสองทีเมื่อนิ้วเรียวยาวชี้ไปที่แผงอกกำยำของเขาจนฉันต้องมองตามไปด้วย แล้วนี่พี่คินจะย้ำให้ฉันอายเพิ่มทำไมกันล่ะเล่า!
“พี่คิน...คือ”
ฉันเม้มริมฝีปากแน่นอย่างทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ ทำได้เพียงอึกอักพร้อมกับกะพริบตาปริบๆ มองใบหน้าหล่อคมคายของพี่คินด้วยความมึนงงและอับอาย บ้ามาก นี่ฉันเมาจนอ่อยเรี่ยราดแถมยังไปฉุดผู้ชายที่ชอบได้ขนาดนี้เลยเหรอ! อยากทึ้งหนังหัวตัวเองให้หลุดติดมือมาจริงๆ เลย ให้ตายเถอะ
“เป็นแมวเหรอเราน่ะ ข่วนพี่จนเลือดซิบเลย”
ฝ่ามือใหญ่ลูบหัวฉันไปมา แล้วพี่คินก็โน้มใบหน้าลงมาถามฉันด้วยน้ำเสียงทุ้มเข้มกระชากใจ แถมรอยยิ้มมุมปากและสายตาเจ้าเล่ห์ของเขายังทำให้ฉันใจเต้นระรัวอีกครั้ง อย่ามาทำแบบนี้นะพี่คิน เดี๋ยวฉันก็หน้ามืดฉุดเขาจริงๆ ซะหรอก โอ๊ย! ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าการประมวลผลในสมองของตัวเองรวนไปหมดแล้ว!
“ขวัญขอโทษนะคะพี่คิน”
ฉันรวบรวมสติของตัวเอง สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วบอกร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่บนเตียงข้างๆ อย่างประหม่า เพราะเขายังคงเปลือยท่อนบนโชว์แผงอกกำยำและซิกแพคแน่นๆ อย่างไม่อายฟ้าอายดินสักนิด พี่คินคงคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงหน้าไม่อายไปแล้วแน่ๆ ให้ตายสิโว้ย!
“ไม่เป็นไร แต่พี่ไม่อยากให้ขวัญเมาแบบนี้อีก”
“ทำไมล่ะคะ”
ฉันเงยหน้าขึ้นไปสบสายตาคมดุดันที่จ้องมองใบหน้าของฉันพร้อมกับส่งยิ้มบางมาให้ พอฉันลองถามเขาออกไป โดยหัวใจก็เต้นระบำฮาวายตึกตักอย่างบ้าคลั่งกับท่าทางอ่อนโยนของพี่คินไม่หาย เขายังคงมองมาทางฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่สักพักพี่คินก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ถ้าเมื่อคืนไม่ใช่พี่ แต่เป็นผู้ชายคนอื่น ขวัญจะเป็นยังไงรู้ตัวรึเปล่า”
ฉันกัดริมฝีปากล่างแน่น ทันทีที่พี่คินมองมาด้วยสายตาคมดุดัน น้ำเสียงทุ้มเข้มน่าฟังก็ต่ำลงจนเหมือนเขากำลังหงุดหงิดฉันอยู่ ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นฉันคงไม่ลากขึ้นเตียงได้แบบนี้หรอก เพราะเป็นคนที่ฉันชอบไง เพราะเป็นพี่คินไงมันถึงเป็นแบบนี้ บ้าชะมัดเลย!
“ขวัญดูแลตัวเองได้ค่ะ แค่เมื่อคืน... ดื่มเยอะไปหน่อย”
หมับ!
”พี่บอกยังจะเถียงอีก ตัวแสบ”
”อ๊ะ! ขวัญเจ็บนะพี่คิน”
จู่ๆ ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างของพี่คินก็จับแก้มฉันแล้วดึงยืดออกเหมือนขนมโมจิ ฉันยกมือขึ้นมากุมของตัวเองเอาไว้ทันที พี่คินบ้าไปแล้วหรือไง นี่แก้มคนนะไม่ใช่ขนมสักหน่อย!
”กอดพี่ไว้ทั้งคืนจนพี่ร้อนไปหมด คิดว่าพี่เป็นหมอนข้างรึไง”
พี่คินเลิกคิ้วเข้มขึ้นเล็กน้อยแล้วเขาก็ส่งยิ้มบางมาให้ฉันอย่างล้อเลียน เดี๋ยวสิ เมื่อกี้เขาอะไรนะ! ฉันนอนกอดพี่คินทั้งคืนเลยเหรอ ทำไมรู้สึกหัวใจกระชุ่มกระชวยดีจัง ไม่ใช่สิ… คิดฟุ้งซ่านอะไรของฉันอีกแล้วเนี่ย!
”เอ่อ... ขวัญไปอาบน้ำดีกว่า วันนี้ต้องไปทำงานด้วยอะ”
ฉันรีบหันหน้าหนีสายตาคมเจ้าเล่ห์ของพี่คิน แล้วเปลี่ยนเรื่องพูดด้วยความรวดเร็ว แต่ฉันยังไม่ทันจะได้รวบรวมสติของตัวเองจากเรื่องเมื่อกี้ได้เท่าไหร่นัก ฉันต้องชะงักและรู้สึกประหม่าขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
พรึบ!
”กินข้าวเช้ามั้ย เดี๋ยวพี่ทำให้”
มือใหญ่ลูบหัวฉันไปมาแผ่วเบาอย่างอ่อนโยน หัวใจของฉันก็เต้นระรัวไม่หยุดหย่อนจนควบคุมแทบไม่ได้ ฉันพยักหน้าหงึกหงัก และตอบเสียงเบาอุบอิบ เม้มริมฝีปากไว้เล็กน้อยเพราะตอนนี้หุบยิ้มไม่ได้เลย ให้ตาย พี่คินจะได้ยินเสียงหัวใจของฉันหรือเปล่านะ…
“ค่ะ...”
“ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวพี่ไปทำข้าวต้มรอที่ครัว”
ฉันยิ้มกว้างแล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำตามที่ร่างสูงใหญ่บอกอย่างว่าง่าย วันนี้เป็นวันดีของยัยขวัญคนนี้จริงๆ สินะ อยากกระโดดหอมแก้มพี่คินสักครั้ง แต่ก็ต้องห้ามใจตัวเองเอาไว้ ไหนฉันจะเลิกชอบเขาไง ใจง่ายอีกแล้วนะยัยขวัญ!
และหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันก็ลงมาที่ห้องครัวชั้นล่าง ตอนอาบน้ำแอบสังเกตเห็นว่าบริเวณเนินอกของตัวเองมีรอยจูบแดงๆ ที่พี่คินทำไว้ด้วยล่ะ หัวใจฉันนี่ยังเต้นตึกตักไม่หายเลย บ้าชะมัด พี่คินแกล้งให้ฉันใจเต้นกับเขาอีกแล้วใช่ไหม เหอะ คนเจ้าชู้!
“พี่คิน…”
ฉันมองร่างสูงใหญ่ที่กำลังยืนพิงตู้เย็นและยกขวดน้ำขึ้นดื่ม พร้อมกับโทรศัพท์มือถือไปด้วย นี่พี่คินไม่คิดจะใส่เสื้อหน่อยหรือไง เขามายืนเปลือยท่อนบนโชว์ซิกแพคต่อหน้าฉันเนี่ยนะ ให้ตายสิ ใบหน้าของฉันรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาอีกแล้ว
“พี่เพิ่งต้มข้าวต้มเสร็จพอดี จะกินเลยมั้ย”
พี่คินหันมามองทางฉันที่เดินเข้าไปในห้องครัว แล้วฝ่ามือใหญ่ก็ลูบหัวฉันไปมาอย่างแผ่วเบา อย่ามาทำตัวอ่อนโยนกับขวัญแบบนี้สิคะพี่คิน เฮ้อ…
“เดี๋ยวขวัญตักเองก็ได้ค่ะ พี่คินจะกินด้วยกันมั้ยคะ”
ฉันขยับตัวออกห่างจากร่างสูงใหญ่เล็กน้อย รู้สึกใจเต้นแรงจนควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว ทำไมเขาต้องมาทำตัวอ่อนโยนกับฉันแบบนี้ด้วยล่ะเนี่ย ฉันกำลังพยายามจะตัดใจจากพี่คินอยู่นะ แต่พอเขาทำแบบนี้ให้ทีไร หัวใจมันก็พองโตอย่างมีชีวิตชีวา และรู้สึกดีตลอดเลย บ้าชะมัด
“อือ พี่หิวอยู่พอดี”
พี่คินเอ่ยเสียงทุ้มเข้มจบเขาก็ขยับไปนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆ กับโต๊ะทานข้าว พร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ฉันถึงกับทำตัวไม่ถูก แล้วรีบพยักหน้าหงึกหงัก จากนั้นก็หันไปตักข้าวต้มที่เขาเป็นคนทำใส่ชามทันที ฉันสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อตั้งสติของตัวเอง แล้วนั่งลงกินข้าวต้มข้างๆ พี่คินด้วยความประหม่า ให้ตายเถอะ ฉันไม่เคยกินข้าวกับเขาสองต่อสองเลยนะ แถมตอนนี้ผมของพี่คินก็ดูยุ่งเล็กน้อย และเขายังเปลือยท่อนบนโชว์หุ่นล่ำๆ อีกต่างหาก…
“ขวัญไม่คิดว่าพี่คินจะทำอาหารเป็นด้วย”
“พี่ทำเป็นอีกตั้งหลายอย่างนะ ให้พี่ทำให้กินอีกมั้ยล่ะ”
พี่คินเท้าคางมองหน้าฉันแล้วยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ฉันสบสายตาคมแล้วกะพริบตาปริบๆ อย่างมึนเบลอหน่อยๆ จากนั้นก็รู้สึกว่าใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวจนต้องรีบก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มในชามของตัวเองต่อด้วยความรวดเร็ว ดันแผลอไปสบสายตาวาววับอย่างเจ้าเล่ห์ของพี่คินซะได้ บ้าจริง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขวัญเกรงใจน่ะ”
ฉันตอบพี่คินเสียงเบาอุบอิบ หัวใจก็เต้นตึกตักตลอดเลย ช่วยเต้นช้าลงกว่านี้หน่อยก็ได้มั้ง หัวใจของฉันจะมาเต้นแรงทุกครั้งที่อยู่ใกล้พี่คินแบบนี้ไม่ได้นะ!
“จะมาเกรงใจอะไร หืม ตัวแสบ”
ฝ่ามือใหญ่แสนอบอุ่นลูบหัวฉันไปมาอย่างแผ่วเบาแบบที่เขาชอบทำอีกครั้ง แล้วหัวใจของฉันก็กระตุกไปสักพักแต่มันก็กลับมาเต้นระรัวทันทีที่ฉันเงยหน้าไปมองใบหน้าหล่อเหลาคมคายของร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
“พี่คินคงทำให้สาวๆ กินบ่อยใช่มั้ยเนี่ย”
ฉันแกล้งพูดแซวพร้อมกับหัวเราะแห้งๆ กลบเกลื่อนอาการประหม่าของตัวเอง ฝ่ามือใหญ่ชะงักไปเล็กน้อยจากนั้นเขาก็เปลี่ยนมาดึงปลายจมูกของฉันหนึ่งทีอย่างมันเขี้ยวแทน
“ไม่มีหรอก ว่าแต่พ่อแม่ขวัญไม่อยู่บ้านเหรอ”
เหอะ.. ไม่มีอะไรกัน ถ้าฉันเชื่อพี่คินก็บ้าแล้ว ฉันยู่หน้าแถมในใจมันกลับรู้สึกหน่วงๆ ขึ้นมาเฉยเลย ฉันจะมานั่งหงอยตอนนี้ทำไมกันล่ะ เป็นคนพูดออกมาเองแท้ๆ แต่มาเจ็บเองแบบนี้ได้ไง บ้าชะมัด
“พ่อกับแม่ไม่อยู่สักพักน่ะค่ะ ไปทำงาน”
ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างเหนื่อยหน่าย ข้าวต้มฝีมือพี่คินที่แสนอร่อยตอนนี้มันกลับจืดชืดขึ้นมาทันที แล้วร่างสูงใหญ่ก็ขมวดคิ้วเข้มมุ่นเล็กน้อย จากนั้นพี่คินก็จ้องมองฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง จนฉันรู้สึกทำตัวไม่ค่อยถูก พี่คินจะมานั่งทำท่าทางเหมือนกำลังดุฉันอยู่ทำไมอะ ฉันเลยได้แต่มองเขาตาปริบๆ ก่อนจะกินข้าวต้มของตัวเองต่อ ในใจมันยังคงรู้สึกหน่วงๆ ไม่หายเลย ให้ตายเถอะ
“งั้นขวัญก็อยู่บ้านคนเดียวน่ะสิ”
“ค่ะ แต่ขวัญชินแล้วแหละ”
“อยู่คนเดียวก็ล็อกบ้านดีๆ ล่ะ”
ร่างสูงใหญ่เอาแต่มองหน้าฉันแล้วนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนที่เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มเข้มอย่างเป็นห่วง ฉันเม้มริมฝีปากแน่น พี่คินอย่าพูดหรือทำท่าทางอ่อนโยนกับขวัญนักสิ แค่นี้ฉันก็ชอบเขาจนไม่รู้จะชอบยังไงอยู่แล้วนะ ถ้าพี่คินทำแบบนี้กับฉันแค่คนเดียวก็ดีน่ะสิ…
“ค่ะ”
ฉันตอบกลับพี่คินเสียงหงอยๆ แล้วจู่ๆ เขาก็ยกท่อนแขนแข็งแรงขึ้นลงเล็กน้อย ฉันจ้องมองพี่คินด้วยความสงสัย เขาเป็นอะไรน่ะ ทำไมต้องยกแขนไปมาแบบนั้นด้วย
“เมื่อยชะมัด”
พี่คินบ่นออกมาเบาๆ แล้วเขาก็ยกท่อนแขนแข็งแรงของตัวเองขึ้นลงไปมาอีกครั้ง ฉันขมวดคิ้วอย่างงุนงงเล็กน้อย นี่ฉันตัวหนักจนทำให้พี่คินที่เป็นคนอุ้มฉันมาที่บ้านปวดแขนจนาดนี้เลยเหรอ ให้ตายสิ
“ขวัญขอโทษนะคะที่ต้องให้พี่อุ้มมาส่งจนปวดแขนแบบนี้”
ฉันขมุบขมิบปากบอกพี่คินด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิวจนตัวเองยังแทบไม่ได้ยิน เขามองฉันด้วยสายตาคมเจ้าเล่ห์พร้อมกับยกยิ้มมุมปาก ฉันเลิ่กลั่กและตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต้มเพื่อกลบเกลื่อนอาการประหม่าทันที
“พี่ไม่ได้เมื่อยเพราะอุ้มขวัญหรอก เมื่อคืนอุ้มแคทไปนอนที่ห้องตัวเองเหมือนกัน แคทดิ้นโวยวายน่ะพี่เลยเจ็บแขนนิดหน่อย”
ฉันเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ พี่คินอุ้มยัยแคทที่เมานอนพาดโซฟาไปนอนที่ห้องตัวเองด้วยเหรอ งั้นเขาก็ต้องอุ้มทั้งฉันแล้วก็น้องสาวของเขาไปมาเนี่ยนะ ถ้าเขาไม่เมื่อยหรือไม่เจ็บแขนเลยสิแปลก ไหนพี่คินจะต้องเปิดประตูอีกล่ะ ฉันเม้มปากและหลบสายตาคมอย่างรู้สึกผิดขึ้นมาทันที
ฉันเหลือบมองไปทางร่างสูงใหญ่หลังจากที่กินข้าวต้มจนหมดชามแล้ว ซึ่งพี่คินก็กินหมดไปแล้วเหมือนกัน ฉันกินข้าวต้มหมดก่อนเขาด้วยซ้ำ สงสัยคงจะหิวมากเพราะอาการเมาค้างแน่เลย อีกอย่าง… เหลือเวลาอีกตั้งเยอะกว่าจะถึงเวลาไปทำงานด้วยสิ ฉันขออยู่กับพี่คินอีกหน่อยแล้วกัน…
“เอ่อ… ขวัญนวดให้มั้ยคะ”
“ดีเหมือนกัน เมื่อคืนขวัญก็กอดพี่ซะแน่นด้วย ขยับไปไหนไม่ได้เลย”
ฉันหันไปถามพี่คินเสียตะกุกตะกักอย่างประหม่าเล็กน้อย เขาพยักหน้าเบาๆ ส่งมาให้ก่อนจะเอ่ยบอกเสียงเข้มต่ำ แล้วพี่คินจะพูดให้ฉันอาย และรู้สึกผิดเพิ่มขึ้นทำไมกันล่ะเนี่ย
“พะ...พี่คินเมื่อยตรงไหนเหรอคะ”
ฉันลุกขึ้นไปยืนข้างร่างสูงใหญ๋ที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตามเดิม เขาเท้าคางแล้วหันมามองหน้าฉันด้วยสายตาคมเจ้าเล่ห์ แล้วยกยิ้มมุมปากพร้อมกับยกท่อนแขนแข็งแรงขึ้นมาเล็กน้อยจนฉันสะดุ้งตกใจ แต่ฉันก็รีบสูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อตั้งสติ จากนั้นก็ขยับมือบางค่อยๆ นวดให้เขาช้าๆ โอ้โห... กล้ามแขนของพี่คินแน่นมากจ้า
“ตรงแขนน่ะ”
“ตรงนี้ใช่มั้ยคะ”
“ขยับขึ้นหน่อย”
ฉันกลืนน้ำลายลงคอดังอึก แล้วเอ่ยถามพี่คินอีกครั้งอย่างทำตัวไม่ค่อยถูก ก่อนจะขยับมือนวดตามที่เขาบอกทันที ให้ตายเถอะ จับไปตรงไหนบนร่างกายสูงใหญ่ก็แน่นมือไปหมด ฉันจะเป็นลมก่อนนวดให้พี่คินเสร็จไหมเนี่ย!
“ตรงไหล่หน่อยๆ”
เสียงเข้มต่ำเอ่ยบอกเบาๆ ก่อรที่เขาจะหลับตาพริ้มอย่างสบายอกสบายใจ แต่หัวใจของฉันตอนนี้มันกำลังเต้นระบำไปหมดแล้วนะ ถ้าหัวใจเต้นแรงขนาดนี้พี่คินคงจะได้ยินแล้วแน่ๆ
“เป็นไงบ้างคะ”
“อือ ดีขึ้นแล้วล่ะ”
ฉันถามพี่คินทั้ง ๆ ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้าร้อนผ่าวไปจนถึงใบหู ดีนะที่เขานั่งหลับตาพริ้มอยู่ไม่งั้นคงรู้แน่ ๆ ว่าฉันกำลังหน้าแดงและประหม่าแค่ไหน ฉันนวดไหล่ให้พี่คินอีกเล็กน้อย จากนั้นก็เอามือบางออกจากร่างกำยำอย่างด้วยรวดเร็ว ความอบอุ่นจากผิวกายของเขายังติดที่ผิวบริเวณมือของฉันอยู่เลยอะ แล้วทำไมฉันต้องอมยิ้มกับตัวเองด้วยล่ะ ให้ตายสิ
“เดี๋ยวขวัญไปล้างจานนะคะ”
“ที่ไปเที่ยวบ่อย เพราะไม่อยากอยู่บ้านคนเดียวสินะ”
พี่คินพยักหน้าให้เล็กน้อยอย่างเข้าใจ ฉันเลยเดินไปเก็บชามข้าวต้มทั้งของฉัน และของเขาที่กินหมดแล้วมาล้างให้เรียบร้อย แต่เสียงทุ้มเข้มที่เอ่ยถามออกมากลับทำให้ฉันชะงักมือที่กำลังล้างชามทันที
ทำไมจู่ๆ พี่คินถึงถามคำถามแบบนี้กับฉันกันล่ะ ฉันกัดริมฝีปากล่าง และสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อรวบรวมสติ ก่อนจะตอบคำถามของเขากลับไปเสียงแผ่วเบากว่าปกติ ฉันพยายามพูดให้น้ำเสียงดูปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ทำไมมันยากเย็นนักก็ไม่รู้
“ปะ...เปล่าค่ะ”
“ไม่เหงาเหรอ อยู่บ้านคนเดียวน่ะ”
ฉันยืนนิ่ง มือบางชะงักไปอีกครั้ง แล้วหันมายกยิ้มแห้งๆ ส่งให้ร่างสูงใหญ่เล็กน้อย จากนั้นฉันก็ส่ายหน้าเบาๆ ให้พี่คินแล้วหลังกลับมาล้างจานต่อ
“ไม่หรอกค่ะ ขวัญไม่เหงาหรอก”
“แล้วทำไมพี่เห็นชอบไปเที่ยวแล้วเมาไม่รู้เรื่องทุกที”
ฉันที่กำลังปิดก๊อกน้ำที่อ่างล้างจานต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ เพราะร่างสูงใหญ่มายืนอยู่ด้านหลังของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ก่อนที่ฉันจะตอบเสียงเบาอุบอิบ ทั้งๆ ที่เพิ่งล้างจานชามเสร็จแล้วเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่กล้าหันไปเผชิญหน้ากับพี่คินเลยอะ ทำไมเขาต้องมายืนใกล้ฉันขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้ ให้ตายสิ ทำอะไรไม่ถูกแล้วเนี่ย!
“ขะ... ขวัญก็พยายามลดอยู่นะคะ”
“จริงเหรอ”
เสียงทุ้มเข้มเอ่ยใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ และเหมือนพี่คินกำลังกลั้นขำอยู่เล็กน้อย ฉันค่อยๆ หันกลับไปมองร่างสูงที่เลิกคิ้วเข้มขึ้นแถมเขายังยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ส่งมาให้ฉันอีกต่าวหาก
“จริงสิคะ ขวัญเลยหางานพาร์ทไทม์ทำระหว่างปิดเทอมไง”
ฉันยู่หน้าใส่พี่คินพร้อมกับกะพริบตาปริบๆ เมื่อฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมาลูบหัวฉันอย่างแผ่วเบาโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ฉันเงยหน้าสบสายตาคมดุดันด้วยหัวใจที่เต้นระรัวไม่หยุดหย่อน ทำไมเขาต้องทำตัวอ่อนโยนกับฉันขนาดนี้ด้วย มันไม่ดีต่อความรู้สึกและหัวใจของฉันเลยจริงๆ นะ ฉันอยากเลิกชอบพี่คินได้เร็วๆ แต่ตอนนี้ความรู้สึกของฉันมันกลับชอบเขาเพิ่มขึ้นไปอีกซะแล้วสิ…
"ดีแล้ว พี่ไม่อยากให้เราไปที่สนามแข่งรถ หรือไปเมาที่ไหนบ่อยๆ”
ฉันเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น พยายามควบคุมการจังหวะการเต้นของหัวใจเต้นช้าลงหน่อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบสายตาคมด้วยความสงสัยอีกครั้ง ร่างสูงใหญ่นิ่งไปสักพัก แล้วยิ้มบางส่งมาให้ พี่คินพูดแบบนี้กับฉันหลายครั้งแล้วนะ
“ทำไมล่ะคะ”
“ยังไม่รู้อีกรึไง”
”รู้อะไรคะ”
ฉันขมวดคิ้วมุ่นมองพี่คินด้วยความไม่เข้าใจทันที เขาไม่ได้ตอบอะไรแล้วเอาแต่มองหน้าฉัน ก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะลูบไล้ผิวแก้มของฉันอย่างแผ่วเบา จนฉันเผลอกลั้นลมหายใจไปเกือบนาที ให้ตายสิ พี่คินหมายความว่าอะไรล่ะ พูดอย่างกับว่าเขาเคยบอกฉันมาก่อนอย่างงั้นแหละ
”พี่เป็นห่วงเด็กดื้อแบบเราไง”
เสียงทุ้มเข้มติดแหบพร่าเล็กน้อยเอ่ยบอกข้างใบหูจนหัวใจฉันกระตุกแล้วเต้นระรัวขึ้นมาอีกครั้ง ฉันกลืนน้ำลายลงคอดังอึกอย่างประหม่าโดยไม่รู้ตัว
“ขวัญไม่เด็กแล้วนะ”
“อือ ไม่เด็กจริงๆ นั่นแหละ”
“พี่คิน!”
ฉันขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย แล้วเหลือบมองตามสายตาคมเจ้าเล่ห์ที่มองลงมาบริเวณเนินอกของฉันตรงที่มันยังคงมีรอยแดงเป็นจ้ำ จากสิ่งที่เขาแกล้งฉันก่อนหน้านี่ ฉันชะงักและใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ก่อนจะเงยหน้าส่งสายตาขุ่นเคืองไปให้ร่างสูงใหญ่เล็กน้อย พี่คินหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้ายุ่งเหยิงแต่ผิวแก้มทั้งสองข้างของฉันกลับกำลังขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างอายๆ
”พี่ขอโทษที่ทำให้มันเป็นรอย แต่ขวัญแกล้งพี่ก่อนนะ”
ฉันกัดริมฝีปากล่างไว้แน่นทันที แล้วเปลี่ยนมาเม้มริมปากอย่างประหม่าเมื่อฝ่ามือใหญ่ลูบหัวฉันไปมาอย่างเอ็นดู ก่อนที่ฉันจะบอกพี่คินเสียงเบาลงกว่าเดิม แล้วนิ่งไปเมื่อเขามองหน้าฉันด้วยสายตาคมดุดันและยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ พี่คินลูบหัวฉันบ่อยเกินไปแล้วนะเนี่ย
“ก็ขวัญเมานี่”
“รับปากกับพี่ก่อนว่าจะไม่ไปเมาที่ไหนอีก”
“คือ...”
“รับปากกับพี่”
ฉันกำลังจะพูดแต่พี่คินกลับยกนิ้วชี้ขึ้นมาจรดริมฝีปากของฉันเอาไว้ซะก่อน ความอุ่นร้อนจากสัมผัสเพียงเล็กน้อยของเขาแผ่ซ่านมายังริมฝีปากของฉันจนทำตัวไม่ถูก จากนั้นร่างสูงใหญ่ก็เอ่ยบอกเสียงเข้มต่ำจนฉันรู้สึกหวั่นๆ ขึ้นมาทันที ทำมพี่คินต้องทำท่าทางดุใส่ฉันขนาดนี้ด้วยล่ะ
“ก็ได้ค่ะ ขวัญจะออกไปดื่มไม่บ่อย”
“ตัวแสบ งั้นถ้าจะออกไปเที่ยวก็โทรบอกพี่ด้วยแล้วกัน”
พอฉันบอกพี่คินจบเขาก็หรี่ตามองฉันอย่างจับผิด แล้วสักพักพี่คินก็หัวเราะต่ำในลำคอแกร่ง ฉันขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้งด้วยความมึนงง ฉันต้องโทรบอกพี่คินงั้นเหรอ ทำไมกันล่ะ? อีกอย่าง… ฉันไม่มีเบอร์โทรของเขาสักหน่อย ให้ตายสิ
“ขวัญว่า...”
”เอามือถือเรามาหน่อย”
ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยค ฝ่ามือใหญ่ก็แบออกมาข้างหน้าพร้อมกับกระดิกนิ้วเรียวยาวเล็กน้อย เมื่อฉันยังยืนมึนงงอยู่ที่เดิม ฉันกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงขาสั้นของตัวเองออกมาให้พี่คินด้วยความไม่เข้าใจ
“พี่คินจะเอามือถือขวัญไปทำไมคะ”
พี่คินไม่ตอบ แต่เขากลับยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ฉันปลดล็อค แล้วพอฉันปลดล็อคให้พี่คินก็เอาไปกดอะไรยิกๆ ก็ไม่รู้ สักพักเสียงโทรศัพ์ของเขาก็ดังขึ้น แล้วมันก็หยุดลง ฉันกะพริบตาปริบๆ และเงยหน้ามองพี่คินที่กำลังจ้องมองมาทางฉันด้วยสายตาคมเจ้าเล่ห์พร้อมกับยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“มีอะไรก็โทรหาพี่ เข้าใจมั้ย”
ฉันรับโทรศัพท์มือถือของตัวเองคืนแล้วจ้องมองชื่อพี่คินที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอด้วยดวงตาที่เบิกกว้างอย่างตื่นเต้น นี่เขาให้เบอร์โทรฉันเหรอ แถมเขายังเอาไปพิมพ์เองอีกต่างหาก ฉันกระแอมเพื่อตั้งสติ และรีบพยักหน้าหงึกหงักด้วยความเข้าใจ ก่อนจะเงยหน้าบอกพี่คินด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกักอย่างควบคุมไม่อยู่ ให้ตาย ฉันอยากกระโดดกอดพี่คินชะมัดเลย!
“คะ... ค่ะ”
“ถ้าอยากให้พี่มาอยู่เป็นเพื่อนก็บอกนะ“
“อะไรนะคะ...”
“หึ หรืออยากไปเล่นที่คอนโดพี่ก็บอก”
ฉันเบิกตาโพรงมองพี่คินอย่างตื่นตะลึงด้วยความรวดเร็ว คำพูดของเขาดังก้องวนอยู่ในหูของฉันหลายล้านรอบ ฉันไม่ได้ฟังอะไรผิดไปใช่ไหม... พี่คินชวนไปคอนโดฯ ของเขาเนี่ยนะ!
”พะ... พี่คิน”
ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้รอยแดงเป็นจ้ำเล็กน้อยบริเวณเนินอกของฉันที่เขาเป็นคนไว้อย่างแผ่วเบา สายตาคมวาววับเหลือบมองฉันอย่างเจ้าเล่ห์ จนฉันต้องหันไปมองทางอื่นและเม้มริมฝีปากอย่างทำตัวไม่ถูก
“พี่ไปก่อนนะ ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะตัวแสบ”
ฉันเหมือนวิญญาณออกจากร่างไปเรียบร้อยแล้ว ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักด้วยความมึนงง ขนาดพี่คินเดินออกจากบ้านไปตอนไหนฉันยังไม่รู้เรื่องเลย บ้าชะมัด พี่คินมาทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ หัวใจของฉันจะวายตายอยู่แล้วเนี่ย!