บท
ตั้งค่า

Neighbor 07

วันนี้เป็นวันที่ฉันเริ่มทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านสึกิไอศกรีมวันแรก หลังจากตื่นนอนและไปอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ฉันก็ที่ห้องครัวเพื่อหยิบขนมปังกับนมมากินแทนข้าวเช้า จากนั้นก็ปั่นจักรยานสีชมพูคู่ใจไปที่ร้านอย่างอารมณ์ดี อากาศตอนเช้านี่สดใสดีจริงๆ แฮะ

เมื่อคืนโทรคุยกับเพ้นท์ และพี่เจเรื่องที่ฉันจะมาทำงานพาร์ทไทม์ช่วงปิดเทอมปีสามนี้ เพราะไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ อันที่จริงฉันไม่อยากฟุ้งซ่านคิดถึงพี่คินมากกว่า แต่ไม่ได้บอกสองคนนั้นออกไปหรอกนะ อีกอย่างฉันยังไม่ได้บอกเพ้นท์ว่าฉันแอบชอบพี่คินเลยเนี่ยสิ ว่าจะหาเวลาคุยกับมันสักหน่อย แต่ช่วงนี้เพ้นท์ก็ไม่ว่างเลยอะ ฉันเห็นมันทำงานที่อู่ของพี่เซนเกือบทุกวันงานคงจะยุ่งน่าดูเลย

”อ้าวขวัญ อารมณ์ดีมาเชียว”

“วันนี้อากาศดีนี่นา”

ฉันหันไปส่งยิ้มกว้างให้ดิวที่กำลังถอดหมวกกันน็อกและเพิ่งมาถึงร้านเหมือนกัน อากาศวันนี้ไม่ได้ร้อนมาก ฉันเลยปั่นจักรยานมาทำงาน มันก็เย็นสบายดีเหมือนกันนะ และพอฉันจอดจักรยานเสร็จก็เดินเข้าไปทางหลังร้านพร้อมกับดิวอย่างงุนงง ฉันเพิ่งจะมาทำงานวันแรกเอง แล้วอีกอย่างยังไม่เห็นมีใครบอกว่าฉันต้องทำอะไรบ้างเลยอะ

“พี่ตุลย์น่าจะเข้ามาที่ร้านสายหน่อย เดี๋ยวฉันเปิดร้านเสร็จขวัญคอยเสิร์ฟก่อนก็ได้”

ฉันพยักหน้าอย่างเข้าใจส่งให้ดิวที่ยิ้มสดใส เขาดูเป็นผู้ชายร่าเริง อัธยาศัยดี เป็นมิตรชะมัดเลย หน้าตาก็ดี หุ่นก็สมส่วน ฉันว่านักศึกษาหญิงมหา’ลัยเอกชนใกล้ๆ ต้องมาที่ร้านนี้เยอะแน่ๆ อย่าว่าแต่พนักงานเลย เจ้าของร้านก็เท่มากบอกเลย

“หวัดดีดิว แล้วก็ขวัญด้วยนะ”

ฉันหันไปมองตามเสียงหวานด้านหลังก็เจอกับพนักงานหญิงหน้าตาน่ารัก ถักเปียสองข้างยิ่งทำให้เธอดูน่ารักมากกว่าเดิมอีกให้ตายสิ ว่าแต่เธอรู้จักฉันด้วยเหรอ ฉันมาทำงานวันแรกเองนะ

“หวัดดี เอ่อ...” ฉันยิ้มกว้างและพูดอึกอักด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อยเพราะฉันยังไม่รู้เลยว่าเธอชื่ออะไร

“อ้อลืมไป เรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยนี่ ฉันคะนิ้งนะ เมื่อวานพวกพนักงานไปถามชื่อขวัญจากดิวมาน่ะ ขวัญน่ารักทุกคนเลยอยากรู้กันใหญ่เลย“

“ไม่ขนาดนั้นหรอก” ฉันส่งยิ้มแห้งๆ กลับไปให้คะนิ้งด้วยความรู้สึกที่เขินๆ แปลกๆ น่ารักอะไรกัน ทั้งร้านนี่ก็หน้าตาดีไปคนละแบบทั้งนั้นเลย

“ไอ้ต้าวันนี้ไม่สายเหรอวะ” ดิวหันไปทักคนที่เพิ่งเดินเข้ามาจากทางหลังร้าน คนโดนทักยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วยิ้มกว้างบอกดิว

”เมื่อคืนไม่ดึก แล้วนี่พี่ตุลย์มายังวะ”

“ยัง น่าจะสายแทนมึงอ่ะ เออนี่ขวัญ เพิ่งมาทำงานวันแรก”

ดิวแนะนำฉันที่ยืนมองพวกเขาสองคนตาปริบๆ โดยคะนิ้งเดินไปทำงานที่แคชเชียร์เรียบร้อยแล้ว ต้าหันมามองฉันแล้วส่งยิ้มบางมาให้ ฉันเลยส่งยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรกลับไป ทำไมเขาดูท่าทางเหมือนกับพี่ตุลย์ชะมัดเลย แถมหน้าตาก็คล้ายกันอีก แต่ต้าออกจะดูทะเล้นมากกว่าพี่ตุลย์แค่นั้นเอง

”ฉันต้านะ อยู่ปีสาม เราน่าจะอายุเท่าๆ กันรึเปล่า”

“ฉันก็อยู่ปีสามน่ะ” ฉันตอบต้าพร้อมกับยิ้มกว้างไปให้เขาอีกครั้ง ต้าพยักหน้าเบาๆ แล้วเขาก็เลิกคิ้วขึ้นเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก

“ไอ้ดิว วันนี้ริกะลางานนะ เห็นบอกว่าไม่ค่อยสบาย”

“เหรอ อือๆ”

พรึบ!

”นี่พวกนาย ลูกค้ามาแล้ว”

”เออๆ ทำงานแล้วๆ ไอ้ต้ายืนอยู่ทำไม เข้าครัวสิวะ”

คะนิ้งเปิดประตูเข้ามาหลังร้านพร้อมกับยื่นใบจดออเดอร์มาให้ดิวด้วยความรวดเร็ว แล้วเธอก็เดินไปประจำที่ตรงแคชเชียร์ ส่วนดิวพอรับออเดอร์จากคะนิ้ง เขาก็เข้าไปในห้องครัวทันที ฉันเลยรีบเดินไปเปิดประตูเพื่อเข้าไปยังหน้าร้าน แต่ข้อมือบางของฉันกลับถูกจับเอาไว้ซะก่อน และพอหันไปมองก็เห็นต้ายืนส่งยิ้มบางมาให้ ฉันเลิกคิ้วมองเขาอย่างสงสัยเล็กน้อย

”มีอะไรเหรอ”

”ผ้ากันเปื้อนยังไม่ใส่เลย”

ฉันกะพริบตาปริบๆ อย่างมึนงง และยืนนิ่งมองต้าสวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูพาสเทลของทางร้านพร้อมกับผูกเอวให้ฉันเรียบร้อยด้วยท่าทางอึกอักจนทำตัวไม่ค่อยถูก

“อ้อ ขอบใจนะ”

พอตั้งสติได้อีกครั้งฉันก็เอ่ยขอบคุณพร้อมกับยิ้มแห้งๆ กลับไปให้ต้า จากนั้นก็หันไปเปิดประตูหน้าร้านเพื่อรอเสิร์ฟอาหารให้กับลูกค้า สักพักคะนิ้งก็หันมายิ้มและชวนคุยเรื่องทั่วไปนิดๆหน่อยๆ จนฉันรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง พอเปิดร้านได้ไม่นานลูกค้าก็เข้ามาที่ร้านเรื่อยๆ จนเข้าขั้นเยอะมากเลยล่ะ อาจจะเป็นเพราะที่นี่ไม่ได้มีแค่พาร์เฟ่อย่างเดียว แต่มีอาหารจานด่วนสไตล์ญี่ปุ่นอื่นๆ ด้วยเหมือนกัน ฉันก็เพิ่งจะรู้เนี่ยแหละ ร้านอยู่ใกล้บ้านตัวเองแท้ๆ

“รับอะไร... อ้าวพี่ตุลย์” คะนิ้งที่หันไปทักทายลูกค้าตามปกติพอเธอเห็นว่าเป็นเจ้าของร้านก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปทำหน้าที่คิดเงินให้ลูกค้าคนอื่นๆ ต่อ ถึงแม้ว่าวันนี้พี่ตุลย์จะแต่งตัวสบายๆ แต่ก็ดูเท่อยู่ดีแฮะ

“เฮ้ยขวัญ ผิดโต๊ะๆ ทางนั้น”

ฉันหันไปหยิบจานข้าวที่ดิวเพิ่งทำเสร็จและเอามาวางไว้ตรงเคาน์เตอร์เพื่อรอให้เอาไปเสิร์ฟให้ลูกค้า แต่พอดิวทักขึ้นฉันก็ต้องหันกลับมามองดูหมายเลขโต๊ะอีกครั้ง คนละฝั่งกับที่ฉันจะไปเสิร์ฟเลย ให้ตายสิ

“เอ่อ...โทษที เกือบไปแล้ว ขอบใจนะ”

ฉันหันไปส่งยิ้มแห้งๆ ให้ดิว แล้วรีบเดินไปเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้า แต่พอเดินกลับมาประจำที่ของตัวเองพี่ตุลย์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็ยกมือขึ้นมาลูบหัวฉันไปมาจนฉันต้องเงยหน้ามองเขาด้วยความสงสัย

“เป็นไง ทำงานวันแรก”

รอยยิ้มบางจากพี่ตุลย์ที่ส่งมาให้เหมือนกับว่าเขากำลังให้กำลังใจฉันอยู่ มันเลยทำให้ฉันยิ้มกว้างอย่างสดใสพร้อมกับพยักหน้าหงึกหงักส่งกลับไปให้เขาเช่นกัน

“สนุกดีค่ะ แต่อาจจะเบลอๆนิดนึง” ฉันหัวเราะอย่างเขินหน่อยๆ ที่ทำตัวเซ่อซ่าเกือบเสิร์ฟผิดโต๊ะต่อหน้าเจ้าของร้าน ฉันบื้อชะมัด

“ขวัญ!”

เสียงหวานใสที่เรียกอยู่หน้าร้านทำให้ฉันต้องหันขวับไปมองด้วยความรวดเร็ว แล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นแคทเดินมาหาฉันด้วยท่าทางแปลกใจไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่นัก

”แกมาได้ไงอะ”

ฉันถามแคทพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นอย่างมึนงงเพราะไม่ยักรู้ว่ามันจะมาที่ร้านน่ารักๆ แบบนี้ด้วย แต่ยัยแคทกลับมองฉันคิ้วขมวดแล้วหันไปทางพี่ตุลย์ที่ยังคงยืนอยู่ใกล้ๆ ฉันด้วยท่าทางสบายๆ สไตล์ติสๆ ของเขา

“ฉันสิควรจะถามแก”

”ฉันมาทำพาร์ทไทม์น่ะ แล้วนี่แกเพิ่งเลิกเรียนเหรอ”

ฉันเหลือบมองแคทที่ยังใส่ชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยความสงสัยอีกครั้ง ใบหน้าสวยจิ้มลิ้มของยัยแคทหันมามองฉันแล้วเลิกคิ้วขึ้นเหมือนไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่เรื่องที่ฉันมาทำงานพาร์ทไทม์ มือเรียวสวยปัดปลายผมสั้นของตัวเองที่บังหน้าออก จากนั้นมันก็พยักหน้าหงึกหงักส่งมาให้อย่างเข้าใจ

“อือ มีธุระต่อน่ะเลยมาหาอะไรกินก่อน”

พอตอบคำถามของฉันจบ แคทก็เบนสายตามองไปทางพี่ตุลย์ที่ยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนทันที เขายังคงยืนอยู่ใกล้ๆ ฉันพร้อมกับจิ้มไอแพดในมือไปด้วยเหมือนกำลังทำงานอะไรสักอย่าง

”มีอะไรรึเปล่า”

พี่ตุลย์คงรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองอยู่เขาเลยเงยหน้าและหันมาถามแคทด้วยความสงสัย ส่วนยัยแคทที่เจอพี่ตุลย์คนติสถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่น้ำเสียงเหมือนกำลงกวนประสาทก็ขมวดคิ้วเรียวสวยมุ่นอย่างขุ่นเคืองหน่อยๆ

“เปล่า”

“เอ่อ... แกมาหาอะไรกินไม่ใช่เหรอ ไปนั่งก่อนสิ“

ฉันที่มองพี่ตุลย์กับแคทสลับกันไปมาอยู่สักพักเห็นท่าทางของทั้งสองคนไม่ค่อยดีเท่าไหร่จึงพูดขึ้นเพื่อให้บรรยากาศดูผ่อนคลายลง อีกอย่างมีลูกค้าเข้าร้านมาพอดีด้วยสิ แต่พอสายตาของฉันเหลือบไปเห็นว่าลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้าร้านมาเป็นใคร หัวใจของฉันกลับเต้นแรงขึ้นมาทันที ให้ตายสิ ฉันอุตส่าห์ไม่อยากคิดถึงก็ดันมาเขาเจอจนได้ นี่มันเรื่องอะไรกันโว้ย!

“พี่คินทางนี้ๆ”

แคทเดินไปนั่งโต๊ะที่ไม่ไกลจากหน้าประตูเรียกพี่ชายของตัวเองพร้อมกับโบกไม้โบกมือให้เขา พี่คินหันไปมองและพยักหน้าเบาๆ จากนั้นสายตาคมก็เหลือบมาเจอฉันที่ยืนอยู่แล้วคิ้วเข้มของเขาก็ขมวดมุ่นด้วยความสงสัย ฉันเลยได้แต่ส่งยิ้มที่ดูฝืดเคืองไปให้พี่คินแล้วรีบเดินไปหาแคทเพื่อรอรับออเดอร์

“ขวัญ อะไรติดผม”

เท้าทั้งสองข้างของฉันชะงักแล้วหันไปมองพี่ตุลย์ทันที พอจะเอามือขึ้นไปลูบผมตัวเองเพื่อเอาเศษอะไรไม่รู้ที่ติดเส้นผมของตัวเองออกตามที่เขาบอก พี่ตุลย์ก็หยิบออกให้ซะก่อน

”ขอบคุณนะคะ”

ฉันบอกพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง พี่ตุลย์พยักหน้าเบาๆ แล้วก้มลงจิ้มไอแพดของเขาต่อ ฉันเลยเดินมารับออเดอร์ที่โต๊ะแคท แต่พอเผลอสบสายตากับพี่คินที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับยัยแคท ฉันก็รับรู้ถึงความกดดันแปลกๆ จากสายตาคมดุดันของเขา อะไรอะ ทำไมพี่คินต้องมองใบหน้าฉันแบบนั้นด้วย หรือว่าฉันคิดไปเอง โอ๊ย… หัวใจก็เต้นตึกตักอีกแล้ว!

“เอ่อ... แกจะกินอะไรสั่งมาได้เลยนะ” ฉันหลบสายตาคมของพี่คิน แล้วหันไปถามแคทที่กำลังนั่งก้มดูเมนูอาหารแทน ให้ตายสิ ประหม่าชะมัด

“ฉันเอาอันนี้แล้วกัน“

ฉันจดชื่อเมนูอาหารตามที่แคทสั่งด้วยความรวดเร็ว แต่พอลองเหลือบมองไปทางพี่คินก็เห็นว่าเขาจ้องฉันอยู่ก่อนแล้ว อะไรกันล่ะเนี่ย พี่คินจะมองอะไรหนักหนา ฉันเกร็งไปหมดแล้วนะ!

“พี่คินรับอะไรดีคะ”

ฉันสูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดลึกๆ เพื่อตั้งสติ แล้วหันไปยิ้มบางถามพี่คินอีกครั้ง นิ้วเรียวยาวของเขาชี้ไปยังใบเมนูโดยที่สายตาคมก็เอาแต่มองมาที่ใบหน้าของฉันเหมือนเดิม บ้าชะมัดเลย เขาชี้อะไรได้ดูก่อนหรือเปล่าก็ไม้รู้

“หือ? พี่จะดื่มเบียร์ตอนนี้เนี่ยนะ”

คิ้วเรียวสวยของแคทขมวดมุ่น แล้วมองเมนูที่พี่คินชี้บอกฉันสลับกับมองหน้าเขาอย่างสงสัย ร่างสูงใหญ่ก้มมองดูสิ่งที่ตัวเองเพิ่งชี้ไปชัดๆ จากนั้นเขาก็พยักหน้ากลับไปนิ่งๆ

“อือ”

“เอ่อ...แล้วรับอะไรเพิ่มอีกมั้ย” ฉันส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้พี่คินกับยัยแคท ทำไมถึงรู้สึกทำตัวไม่ถูกด้วยล่ะ บ้าจริง

“ไม่อะ ว่าแต่แกเถอะ คืนนี้ที่บ้านฉันอย่าลืมนะ”

แคทขยิบตามาให้ ฉันยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าหงึกหงักกลับไปอย่างรู้ทัน ก็วันนี้เป็นวันเกิดยัยแคทพอดี ฉันว่าเลิกงานแล้วจะไปหาซื้อของขวัญให้มันสักหน่อย คืนนี้จะได้ไปปาร์ตี้ที่บ้านแคทยังไงล่ะ

“มีอะไรกัน”

เสียงทุ้มเข้มของพี่คินถามขึ้นด้วยความสงสัยทันทีที่เขาเห็นท่าทางมีพิรุธของยัยแคทกับฉัน แคทโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยิ้มกว้างให้พี่ชายตัวเอง ส่วนฉันก็รีบเดินไปส่งออเดอร์ให้ดิวและต้าที่ช่องเคาน์เตอร์ จากนั้นก็รอจนอาหารทำเสร็จถึงเอามาเสิรฟให้พี่น้องทั้งสองคนที่นั่งรออยู่

“ไม่มีอะไรหรอกน่าพี่คิน“

หมับ!

หลังจากที่ฉันเสิร์ฟอาหารให้แคทกับพี่คิน แล้วพอฉันกำลังจะเดินไปประจำที่ของตัวเองเพื่อรอรับออเดอร์จากลูกค้าคนอื่นๆ ต่อ ฝ่ามือใหญ่กลับจับมาที่ข้อมือบางเอาไว้แน่นซะก่อน จนฉันต้องเลิกคิ้วเล็กน้อยและหันไปมองยังร่างสูงใหญ่ด้วยความสงสัย

“พี่คินต้องการอะไรเพิ่มเหรอคะ”

ฉันเอ่ยถามพี่คินพร้อมกับยิ้มบาง คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันเหมือนเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป จนยัยแคทต้องเงยหน้าจากการตักข้าวที่สั่งเข้าปากแล้วหันมาถามพี่คินที่เอาแต่มองใบหน้าของฉันตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในร้าน และตอนนี้เขาก็ยังคงจับข้อมือฉันเอาไว้อยู่ อะไรกันล่ะเนี่ย... หัวใจฉันเต้นแรงแค่การสัมผัสเล็กๆ น้อยๆ จากพี่คินเนี่ยนะ บ้าไปใหญ่แล้วยัยขวัญ!

”นั่นสิ พี่จะสั่งอะไรเพิ่มเหรอ ข้าวนี่ก็อร่อยนะ“

“เอาอะไรก็ได้”

“คะ?”

“พี่บอกว่าเอาอะไรก็ได้”

จู่ๆ เสียงทุ้มเข้มพร้อมกับสายตาคมดุดันจ้องมองใบหน้าฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ฉันมองพี่คินด้วยความมึนงงมากกว่าเดิม แต่แล้วสักพักเขาก็บอกฉันอีกครั้ง แต่ฝ่ามือใหญ่กลับยังไม่ยอมปล่อยข้อมือบางของฉันสักที ให้ตายสิ พี่คินกำลังหัวเสียเรื่องอะไรน่ะ

”ขวัญจะไปรู้ได้ยังไงว่าพี่คินชอบกินอะไร”

ฉันพูดออกไปเสียงเบาลงเล็กน้อย อันที่จริงฉันแอบรู้มาจากยัยแคทว่าพี่คินชอบกินข้าวหน้าเนื้อ แต่จะให้บอกเขาไปตามความจริงก็รู้สึกอาย และกลัวว่าเขาจะรู้ว่าฉันแอบชอบเขาก่อนน่ะสิ

“ขวัญสั่งมาเหอะ พี่กินได้หมดแหละ”

ฉันพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ แล้วฝ่ามือใหญ่ก็ยอมปล่อยข้อมือของฉันออก และก่อนที่ฉันจะเดินไปจดออเดอร์ให้ดิวก็แอบเห็นว่าแคทมันมองมาทางฉันกับพี่คินสลับกันไปมาด้วยล่ะ อย่าบอกนะว่ามันกำลังสงสัยฉันอยู่ บ้าชะมัด ฉันจะออกอาการเยอะไม่ได้ซะแล้วสิ

“ใครอ่ะขวัญ แฟนเหรอ”

ฉันสะดุ้งกับคำถามของคะนิ้งทันที ดีนะที่เธอหันมากระซิบถามฉันใกล้ๆ ไม่งั้นพี่คินกับยัยแคทอาจจะได้ยินไปแล้วแน่ๆ ฉันเลยรีบหันไปกระซิบบอกคะนิ้งด้วยความรวดเร็ว ในใจมันก็แอบจุกกับคำพูดของตัวเองไปด้วยหน่อยๆ

“บ้าเหรอ ไม่ใช่หรอก พี่ชายเพื่อนข้างบ้านน่ะ”

“อ้าวเหรอ แต่เท่ดีเนอะ บางทีเท่กว่าพี่ตุลย์ด้วยซ้ำ” คะนิ้งเหลือบสายตาจากพี่คินไปมองทางพี่ตุลย์ที่นั่งกดไอแพดคุยงานอยู่ตรงแคชเชียร์ใกล้ๆ ก่อนที่ฉันจะตอบเสียงเบาอึกอักอย่างทำตัวไม่ค่อยถูก

“มะ...มั้ง”

”ตอนแรกคิดว่าเป็นแฟนขวัญซะอีก สายตาที่เขามองเมื่อกี้เหมือนชอบขวัญเลย”

ฉันชะงักไปเล็กน้อยและได้ยินเสียงหัวใจที่ห่อเหี่ยวของตัวเองเต้นตึกตักเหมือนมีคนมาตีกลองอยู่ข้างในอย่างรุนแรงทันทีที่ได้ยินคำพูดของคะนิ้ง

“มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่า”

ฉันสูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อรวบรวมสติ แล้วบอกคะนิ้งไปตามความจริง ฉันรีบหยุดความคิดเข้าข้างตัวเองและกลับมาพบเจอกับความเป็นจริงอีกครั้ง ให้ตายสิ แต่พอเหลือบมองไปทางร่างสูงใหญ่ ฉันก็ต้องเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่นอย่างประหม่าโดยไม่รู้ตัวซะได้

“มีใครพูดถึงพี่รึเปล่า”

“เปล่านะพี่ตุลย์ หูแว่วรึเปล่า ไปทำงานดีกว่า”

ฉันและคะนิ้งหันขวับไปมองพี่ตุลย์ที่นั่งอยู่ไม่ไกลด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่คะนิ้งจะบอกเขาเสียงเบา แล้วรีบเดินไปไปเสิร์ฟน้ำให้ลูกค้าที่อยู่โต๊ะด้านในสุด ให้ตายเถอะ ทิ้งฉันไว้กับสายตาสงสัยของพี่ตุลย์เนี่ยเหรอ?! อย่าบอกนะว่าเขาได้ยินที่คะนิ้งพูดน่ะ

“เอ่อ... ขวัญก็ไปเสิร์ฟข้าวให้ลูกค้าก่อนนะคะ”

ฉันส่งยิ้มแห้งๆ แล้วบอกพี่ตุลย์ทันทีที่ดิวเอาข้าวหน้าเนื้อมาวางไว้บนเคาน์เตอร์พอดี ฉันเลยรีบหยิบแล้วเดินไปเสริฟโต๊ะพี่คินด้วยความรวดเร็ว พี่ตุลย์ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย แล้วส่ายหัวไปมาให้กับพวกเราสองคนอย่างไม่จริงจังนัก

“ฉันออกไปคุยโทรศัพท์แปบ พี่คินเดี๋ยวแคทมานะ” แคทยกโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ของตัวเองแล้วชี้ให้ฉันดู และพอหันไปบอกพี่คินเสร็จยัยแคทก็รีบเดินออกไปทางหน้าร้านเพื่อคุยธุระต่อทันที

“คือ… ขวัญไม่รู้นะคะว่าพี่คินจะชอบมั้ย”

ฉันยิ้มแห้งๆ ส่งไปให้พี่คินแล้ววางข้าวหน้าเนื้อไว้ตรงหน้าร่างสูงใหญ่ก่อนจะเอ่ยบอกเขาอย่างเกร็งๆ นี่ฉันทำตัวผิดปกติไปหรือเปล่าอะ จากนั้นพี่คินก็บอกฉันด้วยเสียงทุ้มเข้มเรียบนิ่งตามปกติ แต่ใจฉันกลับสั่นแรงมากจนกลัวเขาจะได้ยินแล้ว!

”อือ พี่ชอบ”

“ระ...เหรอคะ”

”พี่ว่ารสชาติมันแปลกๆ“

พอพี่คินกินข้าวหน้าเนื้อที่ฉันเพิ่งเอามาเสิร์ฟเข้าไปหนึ่งคำ คิ้วเข้มของเขาก็ขมวดมุ่นเล็กน้อย ฉันเหลือบมองจานข้าวหน้าเนื้อของพี่คินอีกครั้งแล้วเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ก่อนจะถามเขาน้ำเสียงดูประหม่าหน่อยๆ

“มันเป็นยังไงคะ เปลี่ยนใหม่มั้ย”

พรึบ!

“ขวัญลองชิมดูสิ”

จู่ๆ ฝ่ามือใหญ่ก็ตักข้าวหน้าเนื้อของเขาขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากของฉัน และพอฉันยังไม่ยอมอ้าปากสักที พี่คินก็ขยับช้อนมาชิดริมฝีปากของฉันมากขึ้น จนฉันต้องอ้าปากงับข้าวหน้าเนื้อของเขาแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ ด้วยความรวดเร็ว รสชาติมันก็ไม่เห็นแปลกเลย อร่อยจะตายไป

“ขวัญว่าก็อร่อยดีนะคะ”

ฉันเคี้ยวข้าวในปากด้วยความเอร็ดอร่อย พอมองไปทางพี่คินก็สบเข้ากับสายตาคมวาววับอย่างเจ้าเล่ห์ที่มองใบหน้าของฉันอยู่ก่อนแล้ว เขายกยิ้มมุมปากขึ้น ยักไหล่เล็กน้อยและพยักหน้าเบาๆ อย่างเข้าใจ จากนั้นพี่คินก็กินข้าวหน้าเนื้อของเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อ

“พี่คงคิดไปเอง อร่อยจริงๆนั่นแหละ”

ฉันมองพี่คินตาปริบๆ และรวบรวมสติได้ทันทีที่เห็นริมฝีปากชมพูติดคล้ำของเขากำลังกินข้าวโดยใช้ช้อนที่ฉันเพิ่งงับไป ให้ตายเถอะ วันนี้มันวันอะไรอะ ทำไมพี่คินถึงทำตัวไม่ดีต่อใจฉันได้รุนแรงขนาดนี้กัน!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel