Episode - 00 / 4
หลังจากที่ฉันไปสอบถามเรื่องค่าใช้จ่ายของลุงสงบเรียบร้อยแล้วถึงกับเครียดหนักจนต้องหาเพื่อนระบายซึ่งมีเพียงแค่พี่ปลาดาวที่เป็นรุ่นพี่ในที่ทำงานเท่านั้นที่เราสนิทกันจนแลกเปลี่ยนทุกเรื่องให้กันฟังได้
"พอดีพ่อเลี้ยงข้าวเข้าโรงพยาบาลกะทันหันค่ะ" ฉันตอบทั้ง ๆ ที่สมองข้างหนึ่งกำลังเหม่อลอย
"อ้าว แล้วเป็นอะไรมากไหม" มือน้อย ๆ จับมือฉันไปกุมไว้เป็นการปลอบใจ
"ก็หนักอยู่เหมือนกัน" หนักทั้งคนเจ็บ และหนักที่ใจของข้าวฟ่างคนนี้
"สงสัยจะอาการหนักจริง ข้าวฟ่างผู้ร่าเริงสดใสถึงได้ดูหดหู่แบบนี้"
มือบางลูบลงบนเส้นผมฉันอย่างนุ่มนวล
"พี่ดาวคะ" ฉันมักจะเรียกเธอสั้น ๆ ว่า 'พี่ดาว'
"ว่าไงคนสวย" พี่ปลาดาวเลิกคิ้วขึ้นเหมือนเตรียมพร้อมรับฟัง
"พี่ดาวคิดว่าคนที่เปิดบ่อนพนันได้นี่เส้นสายต้องใหญ่แค่ไหนกันคะ"
คนถูกถามถึงกับทำหน้างง ๆ ว่าทำไมฉันถึงถามเรื่องนี้ออกไป
"ทำไมจู่ ๆ เราถึงสนใจเรื่องพวกนี้ล่ะ" ฉันเงียบไปพักหนึ่งก่อนพูดขึ้นอีกครั้ง
"ถ้าเจ้าของบ่อนไม่เกรงกลัวกฎหมายหรือแม้แต่ตำรวจ แสดงว่าพวกเขาต้องมีแบ็กหลังที่ใหญ่กว่านั้นใช่ไหมคะ"
ฉันเก็บรวบรวมสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นพูดทิ้งท้ายเอาไว้มาถามผู้ใหญ่คนเดียวที่ฉันสามารถพึ่งพิงได้
"คนที่ทำเรื่องไม่ดี มอมเมาผู้คนแบบนั้นมันไม่สนกฎหมายบ้านเมืองหรอก พวกเราอย่าเข้าไปยุ่งกับสายอาชีพของคนพวกนั้นเลย น่ากลัวจะตาย"
สีหน้าท่าทางของพี่ปลาดาวทำใจฉันสั่นกลัวมากกว่าเก่า
"ข้าวขอถามอีกคำถามนะคะ"
"เป็นไรเราวันนี้ ดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลยนะ" พี่ปลาดาวไม่ตอบคำถามฉัน แต่เธอเอาแต่มองหน้าฉันราวกำลังจับผิด
"ข้าวสบายดีค่ะ งั้นขอถามคำถามต่อไปเลยนะคะ" ฉันเว้นช่วงเพื่อเพิ่มความกล้า ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามสิ่งที่อยากได้คำตอบจากมุมมองคนอื่นที่สุด
"การที่เรารู้ว่าเรื่องบางเรื่องมันเสี่ยง แต่ยังจะทำเพราะสามารถช่วยเหลือผู้มีพระคุณได้ พี่ว่าคิดแบบนี้ผิดหรือถูกคะ"
"..." พี่ปลาดาวทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น
"มันก็มองได้สองอย่างนะ ถ้าเรื่องที่เสี่ยงทำเพื่อพ่อแม่ แต่ไม่อันตรายถึงชีวิตหรือไม่ได้ไปฆ่าใครตายพี่ก็ถือว่าเป็นหน้าที่ที่ดีของลูกที่ต้องทำ"
"แต่ถ้าเสี่ยงแล้วตัวเองติดคุกติดตะราง ได้ไม่คุ้มเสีย พี่ไม่แนะนำเพราะเรื่องช่วยเหลือหรือทดแทนบุญคุณคนอื่นพี่มองว่ามันน่าจะมีหลายทางให้เลือก"
"..." คำพูดพี่ปลาดาวน่าคิด
"ขอบคุณนะคะ" ฉันฝืนยิ้มหวานให้เธอ ก่อนจะกลับมานั่งเหม่อลอยอีกครั้ง
"ว่าแต่ ที่ถามนี่หมายถึงตัวข้าวเองกำลังจะไปทำอะไรเสี่ยง ๆ หรือเปล่าเนี่ย"
อา... ปิดพี่เขาไม่ได้จริง ๆ
"เปล่าค่ะ ข้าวยังต้องทำงานในวงการนางแบบต่อ ไม่กล้าเอาตัวเองไปเสี่ยงตายอะไรหรอกค่ะ"
"ดีแล้วมีอะไรให้ช่วยก็บอก ต่อให้เป็นเรื่องหนักหนาสาหัสถ้าช่วยได้พี่ก็จะช่วย"
ได้ฟังแล้วน้ำตาฉันแทบจะไหลออกมา
"ขอบคุณมากนะคะ ข้าวสบายใจขึ้นเยอะเลย" มือสองข้างพนมไหว้คนที่ให้คำปรึกษา หน้าที่ลูกที่ดีสินะ...
บ่นพึมพำในใจก่อนจะล้วงนามบัตรออกมาดูใต้โต๊ะกันอีกคนเห็น
'Anunt Casino' อ่านชื่อตัวอักษรสีทองโดดเด่นบนนามบัตร ท่องจำที่อยู่ให้ขึ้นใจ ก่อนจะคว้ามือถือมากดเบอร์โทรที่ลงไว้ในนามบัตรนั้นแล้วบันทึกไว้
ขอจัดการเรื่องพ่อเลี้ยงฉันให้ออกจากโรงพยาบาลก่อนแล้วกัน จะได้รู้ว่าเหลือเงินในบัญชีกี่บาทเพื่อไปขอต่อรองเขาได้
แต่พูดถึงเรื่องค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลแล้วก็เครียด เท่าที่ถามมาก่อนหน้า แค่ค่าห้องก็คืนละหลักหมื่นแล้ว แถมพ่อเลี้ยงฉันต้องค้างอย่างน้อยห้าวันเพื่อถอดเฝือกใส่เฝือกอ่อนถึงจะกลับบ้านได้
เงินจ๋า ช่วยงอกออกมาเหมือนปาฏิหาริย์ให้ข้าวฟ่างคนนี้หน่อยได้ไหม
เงินในบัญชีแค่หลักแสนจะพอค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลหรือเปล่าก็ไม่รู้ เฮ้อ!