บทที่ 9 ไม่เป็นไร
"เรามาดูเสื้อนักศึกษา มีไซส์ s ให้ลองมั้ยคะ พอดีว่าร้านข้างล่างไม่สะดวก" เจ้าเขาถามยิ้ม ๆ
"มีน่ะมี แต่ลองแล้วต้องซื้อนะคะน้อง แล้วร้านเราของแบรนด์ไม่มีตัวละร้อยนะ" พนักงานสาวพูดเสียงนิ่ง แต่ไม่ยอมขยับตัวเดินไปหยิบเสื้อมาให้เธอลอง
"รู้ค่ะ อ่านออกแล้วตกลงว่าจะให้ลองให้ซื้อมั้ยคะถ้าไม่จะได้ไปร้านอื่น" แมงปอตอบอย่างอารมณ์เสีย "คนพวกนี้ยังไงนะแค่เสื้อตัวไม่กี่บาททำยังกับตัวละแสนงั้นแหละ"
"ก็ดูสภาพน้องแล้วไม่น่าจะมีจ่ายนี่คะ งานเซลล์ชั้นล่างก็มีนะ" พนักงานคนเดิมว่าสวนขึ้นแล้วทำท่าจะเดินออกไปทางอื่น
"เอ่อ... สวัสดีค่ะ คุณหนูอยากได้อะไรพี่หาให้ค่ะ" ผู้ชายเรียบร้อยเดินออกมาจากด้านในแล้วกระวีกระวาดพุ่งมาทันที เมื่อเห็น 2 สาว ที่สาขาข้างล่างเพิ่งส่งรูปมาให้ดูเมื่อไม่ถึง 5 นาทีมายืนอยู่ที่ร้านตัวเอง
"เราอยากได้เสื้อนักศึกษาค่ะ พอดีว่าเห็นเนื้อผ้าที่ร้านข้างล่างแล้วแต่ยังไม่ได้ซื้อ เห็นว่าแบรนด์เดียวกันเลยคิดว่าผ้าไม่น่าจะต่างกัน" เจ้าขาว่าว่ายิ้ม ๆ จริง ๆ ทีแรกก็กะว่าจะไปซื้อเซลล์นั่นแหละแต่ตอนนี้โมโหแล้วเจอเด็กเจ้าของบัตรมากวนประสาท เลยกะจะรูดบัตรเล่นซะซักแสนครึ่งแสนเอาให้เหงื่อซึมกันไปเลย
"ได้สิคะ คุณหนูเดี๋ยวเชิญด้านในเลยค่ะ จะให้พนักงานเอามาให้นะคะ วรรณ วรรณ...." เธอรีบเชื้อเชิญ 2 สาวเข้าร้านนั่งโซฟารับแขกแล้วเรียกพนักงานคนเดิมเสียงดัง
"ขา... พี่โม้นา"
"คุณหนูอยากได้เสื้อไซส์ไหนนะคะ ให้น้องหยิบมาให้ค่ะ" โม้นาพูดอย่างนอบน้อม ทำเอาพนักงานที่เดินออกมาต้อนรับหน้าบึ้งตึงยืนมือไขว้หลังอยู่เบะปากอย่างไม่ชอบใจ แต่ไม่รอดพ้นสายตาของเจ้าขาไปได้
"ปกติร้านพี่มีพนักงานแค่นี้หรือคะ" เจ้าขาถามยิ้ม ๆ แต่มือถือกดโทรออกหาคุณอาแม่ของโรมพร้อมกับคว่ำหน้าจอไว้บนโต๊ะ
"มีหลายคนเลยค่ะ น้องวรรณเป็นนักศึกษาฝึกงานของร้านรับผิดชอบโซนนี้ค่ะ" โม้นาตอบยิ้ม ๆ
"งั้นจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าจะรบกวนคุณพี่โม้นาดูแลเรา 2 คนสักหน่อย แล้วบางทีเราอาจจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ เพราะจากสภาพการแต่งตัวของเราแล้วพี่คงดูออกว่าเราไม่มีเงินจ่ายค่าเสื้อตัวละพันละหมื่นแบบที่พนักงานของพี่ว่าจริง ๆ นั่นแหละ" เจ้าขาว่าเสียงดังต้องการให้ปลายสายได้ยิน ทำเอาโม้นาหันขวับมองหน้าพนักฝึกงานของตัวเองตาเขียวปั๊ดขึ้นมาทันที
"แกพูดอะไรเนี่ยวรรณ อยากตกงานรึไง" โม้นาหันไปดุรุ่นน้องที่มาขอฝึกงานที่ร้านเสียงดัง
"วรรณก็พูดตามเห็นนี่คะ เข้ามาจับดูนั่นนี่แล้วลองไม่ซื้อก็กลายเป็นของเก่านะคะพี่โม้นา วรรณก็บอกน้องเขาไปแล้วว่าตรงนี้งานแบรนด์ งานเซลล์อยู่ชั้นล่าง วรรณหวังดีกับน้องเขานะคะ ไม่มีเงินจะมาลองเล่น ๆ ทำไม" พนักงานชื่อวรรณว่าพร้อมกับมองตั้งแต่หัวจรดเท้า 2 สาวเหยียด ๆ อย่างเปิดเผย
"นังวรรณ!" "ถามจริงเหอะ มึงคนที่ไหนวะ ทำงานบริการแบบนี้ทำไมมึงถึงเหยียดคนจัง เค้าจะซื้อไม่ซื้อ มันสิทธิ์ของเค้ามั้ย ไม่ใช่แค่ลองก็ยังไม่มีสิทธิ์เพราะคิดว่าเขาไม่มีเงินจ่าย" แมงปอว่าขึ้นเสียงดังจนคนในร้านหันมามอง
"อย่าอ้างสิทธิ์ค่ะ แค่ลองเล่น ๆ จะมาทำให้เสียเวลาทำไม แล้วเงินไม่มีสภาพแบบนี้ยังจะมาดูของแบรนด์ ไม่เจียมกะลาหัวเลยน้อง" วรรณปากไวตอบโต้ทำเอาโม้นาอ้าปากค้างอึ้ง
" แล้วตกลงว่าจะขายไม่ขาย พี่คะถ้าพนักงานร้านคนอื่นไม่ว่างรบกวนพี่เอามาให้ลองหน่อย เราไม่ได้จะมาแค่ร้านนี้ร้านเดียวนะคะ เรามีธุระต้องไปต่ออีก" แมงปอสวนขึ้นพร้อมกับออกคำสั่งเสียงดังอย่างเหลืออด
"ที่รัก... ใจเย็น นั่งลงก่อน" เจ้าขาว่าพรางกระตุกแขนเพื่อนรักนั่งลงข้าง ๆ แล้วเงยหน้ามองโม้นายิ้ม ๆ
"เดี๋ยวเราจะรอที่ห้องลองชุดเลยนะคะพี่โม้นา อ้อ รบกวนเป็นตัวยาวนะคะ" เจ้าขาบอกยิ้ม ๆ พร้อมกับลุกขึ้น
"ได้ค่ะคุณหนู แล้วกระโปรงด้วยมั้ยคะ" โม้นารีบรับคำ พร้อมกับเอ่ยถามอย่างเอาใจ พรางมองหญิงสาวอย่างพิจารณา ถ้าข้างล่างไม่ส่งรูปขึ้นมาให้ดูเธอคงไม่รู้ว่านี่คือหลานสาวของคุณหญิงรวิดาเจ้าของแบรนด์นี้ เพราะถ้าดูจากเสื้อผ้าตลาดนัดทั่วไปที่เธอใส่กับรองเท้าผ้าใบหลักพัน ไม่บอกฐานะที่แท้จริงของเธอได้เลย ถ้าเธอไม่รู้ก่อนก็คงจะไล่ออกจากร้านเหมือนที่เด็กฝึกงานของร้านทำเหมือนกัน ต่อไปเธอต้องระวังให้ดีเพราะบางทีพวกลูกเศรษฐีก็ชอบทำอะไรแบบนี้โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่เป็นตัวของตัวเองค่อนข้างสูง
"กระโปรงไม่ต้องค่ะ ปกติเราจะมีช่างประจำตัวอยู่แล้ว" เจ้าขาบอกยิ้ม ๆ แล้วเดินจูงมือเพื่อนเดินเข้าไปในห้องลองชุดแล้วยกมือถือขึ้นแนบหู ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเธอโทรกดออกตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว วรรณถึงกับกลืนน้ำลายเมื่อได้ฟังคำตอบ
"มีช่างส่วนตัวเลยเหรอ" วรรณถามรุ่นพี่ของตัวเองอึ้ง ๆ
"เตรียมชะตาขาดค่ะ นั่นน่ะหลานสาวคนเดียวของคุณหญิงรวิดาเจ้าของแบรนด์นี้ คุณหญิงน่าจะส่งมาตรวจร้าน" โม้นาว่าพรางรีบกระวีกระวาดเดินเข้าไปหาเสื้อนักศึกษามาให้ 2 สาวลองตามต้องการ
ทางฝั่งของเจ้าขาเมื่อเดินเข้ามาในห้องลองชุดแล้ว
"ขอโทษที่รบกวนนะคะคุณอา เจ้าไม่ได้เรื่องมากอะไรนะคะ แต่แค่รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ค่ะ" หญิงสาวว่าเสียงอ่อยแต่ยิ้มเหยียดที่มุมปาก
(อาจะจัดการให้ลูก อาไม่เคยรู้เลยว่าที่หน้าร้านเป็นแบบนี้เห็นทีต้องอบรมกันใหม่ยกใหญ่)
"เจ้าคงผิดไปน่ะค่ะ ที่เสื้อผ้าไม่มียี่ห้อเข้าห้าง ก็ไม่รู้นี่คะว่าอยู่ในกรุงเทพต้องเจออะไรแบบนี้" คนสวยว่าเสียงอ่อย ๆ อย่างน่าสงสาร แต่คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลับกลั้นขำสุดชีวิตกับละคร ดราม่าของเพื่อน
(เจ้าไม่ผิดอะไรเลยลูก โอ๋นะคะ เดี๋ยวอาให้พี่จีเรียกประชุมทุกสาขาวันนี้เลยค่ะ) คุณอาผู้แสนดีว่ามาเสียงหวานถ้าใครอยู่ใกล้จะเห็นสายตาละห้อยของคุณหญิงที่สงสารหลานสาวจับใจ
"ไม่เป็นไรค่ะคุณอา เจ้าคงต้องทำตัวให้ชินค่ะเพราะคงต้องเจอแบบนี้อีกนานเลย เดี๋ยวเราลองเสื้อกันแล้วว่าจะหากระเป๋าซักใบกันด้วยค่ะ อุตส่าห์มีป๋าให้แบล็คการ์ดมาจะจัดให้คุณเขาหน่อย " หญิงสาวว่าพรางหัวเราะทำเอาปลายสายหัวเราะชอบใจเสียงดัง
(ขึ้นไปชั้น 5 นะลูก ร้านขวามือหน้าลิฟต์กระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่เพิ่งเข้า อยากได้ใบไหนก็เอาเลย ไม่ต้องดูราคา พี่โรมไม่จนลงหรอก อ้อ... เดี๋ยวอาฝากเอากระเป๋าที่อาสั่งไว้มาให้ด้วยนะคะ) คุณหญิงรวิดาบอกหลานสาวอย่างอารมณ์ดี
"ได้ค่ะคุณอา แค่นี้นะคะสวัสดีค่ะ" ว่าจบเธอก็วางสายพร้อมกับหันมายักคิ้วให้เพื่อน พอดีกับโม้นาเข็นราวเสื้อนักศึกษาเข้ามาให้ 2 สาวลองจนพอใจก่อนจะพากันกลับมานั่งที่โซฟาตามเดิม
"เอาตามที่เราแยกไว้ค่ะพี่โม้นา แยกเป็น 2 ถุง แต่คิดรวมเลยนะคะ นี่ค่ะ" เจ้าขาสั่งโม้นาพร้อมกับยื่นแบล็คการ์ดของโรมให้ยิ้ม ๆ ทำเอาวรรณที่ยืนอยู่ไม่ไกลอ้าปากค้างกับยอดที่สมควรจะเป็นของเธอแต่แรก แล้วที่สำคัญบัตรที่เธอยื่นมานั้นขัดกับการแต่งกายของเธอโดยสิ้นเชิง
"เฮ้ย เดี๋ยวกูจ่ายเอง ไม่กี่ตังค์" แมงปอว่าอย่างเกรงใจถึงเพื่อนจะสั่งหลายตัวตัวละเป็นพันแต่เธอก็มีเงินเก็บมากพอจะจ่ายได้อยู่
"ไม่เป็นไรแค่นี้ จิ๊บ ๆ วันนี้จะพารูดเล่นให้บัตรเปลี่ยนสีเลย" เจ้าขายักคิ้วให้เพื่อนซน ๆ ในขณะที่เล็กและน้อยพากันเดินเข้ามาในร้าน
"เสร็จยังเจ้า วันนี้พี่รันชวนกินข้าวเที่ยงที่นี่นะ" เล็กพูดขึ้นขณะที่วางถุงของลงที่โต๊ะ
"เสร็จแล้ว ๆ จ่ายเงินแป๊บดิ" เจ้าขาหันไปบอกเล็กยิ้ม ๆ
"ขอบคุณมากนะคะที่มาอุดหนุน โอกาสหน้ามาใหม่นะคะ...