บทที่ 9 แสดงความเป็นเจ้าของ
หลังจากที่กลับมาจากร้านอาหาร คิเลียนก็ลากน้องขึ้นรถตามเคย ทว่าบรรยากาศกลับแปลกไป เมื่อบนรถเงียบจนได้ยินแค่เสียงปลายนิ้วกดแป้นพิมพ์ของคนตัวเล็กที่นั่งยิ้มอยู่ข้างคนขับ จนไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีแดง แล้วรถชะลอจอด
คิเลียนเหลือบมองด้านข้าง ก่อนสายตาคมจะเหลือบไปเห็นหน้าจอโทรศัพท์ในมือน้องสาวบุณธรรม แชทไลน์ที่เด้งรัว ชื่อผู้ชาย… แถมยังยิ้มไม่หุบอีก
…แม่งเอ๊ย
เขาขบกรามแน่น แต่มือยังจับพวงมาลัยนิ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยน
ใช่เขาไม่พอใจ… แต่ต้องกลั้นไว้ เพราะยังขับรถ
พอกลับถึงบ้าน ลัญชนารีบผลักประตูเปิด ก้าวเท้าเข้าบ้านพร้อมสายตาที่ยังคงจับจ้องอยู่แต่บนโทรศัพท์ที่ยังแชทไม่หยุด จนฝีเท้าหนักๆเดินตามหลังมาด้วยความอาฆาตยังไม่รู้ตัวด้วยซํ้า
หมับ!
มือใหญ่คว้าเอวเธอไว้แล้วกระชากเข้าหาตัวทันที ก่อนจะฉวยมือถือไปจากมือเล็กแบบไม่ให้ตั้งตัว
“เฮีย!!”
เสียงหวีดของลัญชนาเต็มไปด้วยความตกใจ แต่แรงเล็กๆอย่างเธอหรือจะไปสู้แรงเขาได้ คนตัวเล็กถูกเขารวบมากอดแน่นข้างลำตัว ใช้แขนเดียวล็อกเธอไว้แน่นจนดิ้นก็ไม่ได้ ผลักก็ไม่ออก ทำได้แต่ขยับลุกลิกอยู่ในอ้อมแขนอีกคน
สายตาคมจ้องข้อความที่เด้งขึ้นมาอีกรอบ อ่านไป คิ้วก็ขมวดแน่นขึ้น
“ไอ้นี่มันเป็นใคร!?”
คิเลียนหันมาถามน้องสาวในอ้อมแขนเสียงทุ้มต่ำนิ่งแฝงแรงกดดันจนลัญชนาลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“ก…ก็เพื่อนนัญไงคะ”
หญิงสาวตอบเสียงเบา ตาเหลือบมองโทรศัพท์ด้วยใจคอไม่ดี เอ๊ะ แต่แล้วทำไมเธอต้องกลัวเขาหัวหดขนาดนี้ด้วย
“เพื่อน? แล้วทำไมต้องเป็นผู้ชาย?”
เขาย้อนสวน จ้องหน้าเธออย่างกับจะฉีกเนื้อกินทั้งเป็น
“ก็…ก็แล้วทำไมจะเป็นผู้ชายไม่ได้ล่ะคะ นี่มันยุคไหนต่อไหนแล้วนะคะ”
ลัญชนาพยายามเถียง แต่เสียงที่ออกมากลับเบาลงเรื่อยๆ
“อย่ามาต่อปากต่อคำกับเฮีย เพื่อนเหี้ยไรวะ เหอะ… เพื่อนคิดไม่ซื่อล่ะสิ”
เขาสบถ ตาก็ไล่อ่านแชทไปเรื่อยๆ คิเลียนขบกรามแน่น ในใจอยากจะทุบโทรศัพท์ทิ้งเหมือนได้ต่อยหน้าไอ้เจ้าของแชทห่านี่ด้วยซํ้า แต่ละคำที่มันพูดกับน้องสาวบุณธรรมเขา เหอะ เล่นเป็นพ่อไมโครเวฟงั้นสิ น่าหงุดหงิดชิบหาย
เสียงทุ้มดุขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่มือก็ยังกอดเธอแน่นไม่ยอมปล่อย
ลัญชนายังคงดิ้นพล่านพยายามหลุดออกจากพันธะควบคุมของคนแรงใหญ่ แต่นั่นไม่ได้สะทกสะท้านถึงเขาเลยสักนิด
“เฮียเอาโทรศัพท์นัญคืนมานะ ปล่อย!”
คิเลียนไม่ได้สนใจสักนิด จะดิ้นก็ดิ้นไปเถอะถ้าไม่เหนื่อย เพราะแรงที่เขากดเธอไว้ข้างลำตัวมันยิ่งเพิ่มมากขึ้น กับอารมณ์ความหงุดหงิดที่ยิ่งอ่านแชทยิ่งหัวร้อนขึ้นมา จนเลื่อนมาเห็นคำว่า ‘งานเลี้ยงฉลองจบเทอมคืนนี้’ คิเลียนกลอกตาอย่างหมดความอดทน ก่อนจะหันมามองหน้าลัญชนาด้วยสีหน้าดุอย่างกับหมาป่า
“เหอะ งานเลี้ยงหรอ ไม่ต้องไป!” เขาสั่งเสียงเรียบ
“แล้วเฮียมีสิทธิ์อะไรมาสั่งนัญคะ นัญจะไปค่ะ!”
เธอเถียงเสียงแข็ง ทั้งยังขืนตัวออกอย่างหัวเสีย ทำไมเธอต้องทำตามคำสั่งเขาด้วยล่ะ เป็นพ่อเธอรึไง!
“นัญ! อย่าดื้อกับเฮีย!”
“เฮียต่างหากที่พูดจาไม่รู้เรื่อง! เพื่อนๆนัญก็ไปกันหมด ทำไมนัญจะไปไม่ได้ล่ะคะ ก็แค่งานเลี้ยงมีแต่เพื่อนกันทั้งนั้น!”
“ก็ได้นัญ…” คิเลียนถึงกับลิ้นดันกระพุ้งแก้มกดอารมณ์ที่ร้อนรุ่มเอาไว้ไม่ให้ระเบิดใส่คนตัวเล็ก ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“งั้นเฮียไปด้วย”
“แต่เฮีย—”
“อย่ามาเล่นลิ้น ลัญชนา ไม่งั้นก็ไม่ต้องไป”
เขาย้ำเสียงเรียบ มองเธอนิ่งแต่กลับน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก ทำเอาลัญชนาชะงัก ปากเม้มเข้ากันแน่น ใจมันอยากจะทุบอกเขาซํ้าๆให้รู้แล้วรู้รอด แต่สมองก็รู้ดีว่าคนตรงหน้าพูดจริงทำจริงทุกอย่าง
“ก็ได้ค่ะ! ปล่อยนัญได้แล้ว!”
เสียงตอบรับเต็มไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด หน้าบึ้งตึงจ้องเขากลับด้วยความไม่พอใจ เหอะ! จอมบงการชัดๆ ใครมันจะไปสู้ไอ้คนเจ้าอำนาจนี่ได้ล่ะ ไม่เคยจะได้หรอก!
จนสุดท้ายไอ้คนจอมบงการก็ยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน พร้อมคืนโทรศัพท์ให้ ตามมาด้วยคำเตือนเสียงเรียบ
“แล้วก็อย่าไปคุยกับมันให้มากนัก ไอ้นี่น่ะ ดูก็รู้ว่าไม่น่าไว้ใจ”
พูดอย่างกับตัวเองน่าไว้ใจมากมั้ง ลัญชนาเบ้ปากใส่เขา กรอกตาจนแทบหลุด ก่อนจะสบัดตัวเดินหนีขึ้นห้อง
“ยัยเด็กนี่ เดี๋ยวเถอะจะเจอดี”
คิเลียนขบกรามแน่นอย่างอดทน มองตามตูดคนที่เดินขึ้นห้องไป ดื้อชิบหายเลยแม่ง
———-
ค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองเริ่มต้นขึ้นในผับสุดหรูย่านใจกลางเมือง แสงไฟสลัวสะท้อนเงาคนแน่นขนัดในห้องที่กลิ่นเหล้าผสมกับเสียงเพลงรัวจังหวะหนักหน่วง ยิ่งทำให้บรรยากาศร้อนระอุไปทุกองศา แต่ที่ดูจะเดือดกว่าคือร่างสูงเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาดั่งเทพเจ้ากรีกในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำสนิท แขนข้างหนึ่งโอบรัดร่างบางของลัญชนาที่กำลังพยายามเบี่ยงตัวหนีอย่างแนบเนียน แต่ยังไงก็หนีไม่พ้นอ้อมแขนเขา
ลัญชนาสวมเดรสรัดรูปผ้าซาตินสีแดงยาวเหนือเข่าขึ้นมานิดเดียว พอดีกับเรียวขาขาวเนียนแบบที่ไม่ต้องโชว์มากแต่ก็ตราตรึงในสายตา ตัวเดรสมีสายเดี่ยวเส้นบางพาดไหล่ ปล่อยแผ่นหลังให้เปลือยเปล่าพอประมาณ เพิ่มความเย้ายวนแบบไม่ตั้งใจ ช่วงเอวคอดรัดรูปด้วยโครงเค้ารูปพอดีตัว ยิ่งขับให้เธอดูสวยคมเฉียบแต่ปนน่ารักด้วยหน้าตาตุ๊กตาบาร์บี้จนใครต่อใครต้องหันมอง
และแน่นอน เขามองก่อนใคร คิเลียนเห็นตั้งแต่ตอนที่น้องสาวเดินออกจากห้อง ชุดมันไม่ได้โป๊ะแต่ทำไมพอเป็นยัยเด็กนี่ใส่แล้วมันเซ็กซี่เย้ายวนอารมณ์จังวะ
แล้วแน่นอนคนเจ้าบงการแบบเขาจะไม่ยอมให้ใครเห็นนอกจากตัวเอง เสื้อโค้ทราคาแพงสีดำสนิทถูกคลุมลงบนบ่าบางตั้งแต่อยู่ในรถ และแน่นอนว่าเธอปฏิเสธเขาไม่เคยได้!
คิเลียนเดินโอบลัญชนาเข้ามาในผับด้วยท่าทางที่ไม่ได้แค่แสดงความสนิท แต่ชัดเจนว่าตั้งใจ “แสดงความเป็นเจ้าของ” ท่าทางแบบนั้นมันเลยคำว่า “พี่ชาย” ไปหลายกิโลเมตรแล้วพ่อคุณ
“นั่นยัยนัญนี่! มากับใครวะ โอ้พระเจ้า…หล่อฉิบหาย!”
“แฟนเหรอ? โอบซะขนาดนั้น!”
เสียงแซวจากกลุ่มเพื่อนลอยมาเป็นระลอก แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ร่วมด้วย
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะ เขาเพิ่งจะลุกขึ้นยืนตั้งใจจะเดินไปรับลัญชนา เมื่อได้ยินว่าเธอมาแล้ว แต่ก้าวแรกก็หยุดชะงักทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า สายตาที่เคยอบอุ่นเปลี่ยนเป็นหม่นแสง รอยยิ้มจางหายกลายเป็นรอยเม้มริมฝีปากแน่นเหมือนกลืนคำพูดไม่พ้นลำคอ
